พบผลลัพธ์ทั้งหมด 249 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร: ไม่แจ้งปริมาณน้ำตาลทราย, จำคุกปรับ, เหตุผลรอการลงโทษไม่สมควร
มีน้ำตาลทรายขาว 30 กระสอบไม่แจ้งปริมาณ ผิด พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร ศาลจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาทเหตุที่อ้างว่ามิได้นำไปต่างประเทศ มิใช่เหตุอันสมควรรอการลงโทษ
ค่านำจับกรณีความผิดต่อ พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรบัญญัติการจ่ายค่านำจับไว้ต่างกับ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด 2499 จึงอนุโลมมาให้อัยการร้องขอต่อศาลให้จ่ายค่านำจับด้วยไม่ได้ ข้อนี้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์ขึ้นมา
ค่านำจับกรณีความผิดต่อ พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรบัญญัติการจ่ายค่านำจับไว้ต่างกับ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด 2499 จึงอนุโลมมาให้อัยการร้องขอต่อศาลให้จ่ายค่านำจับด้วยไม่ได้ ข้อนี้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์ขึ้นมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2497/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอรอการลงโทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท รอการลงโทษจำคุก ศาลอุทธรณ์แก้เป็นไม่รอการลงโทษ จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุก เป็นข้อเท็จจริง ฎีกาไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แก้ไขฉบับที่ 8 พ.ศ.2517 มาตรา 6
ใช้ให้ทำผิดและร่วมทำผิดด้วย เป็นความผิดกรรมเดียวฐานตัวการร่วมกระทำ
ใช้ให้ทำผิดและร่วมทำผิดด้วย เป็นความผิดกรรมเดียวฐานตัวการร่วมกระทำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาจากฝึกอบรมเป็นจำคุกหลังคดีถึงที่สุด ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงก่อน
ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาให้จำคุกจำเลยซึ่งมีอายุ17 ปีเศษ แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมแทนคดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยถูกส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำอยู่แล้ว เพื่อให้จำเลยได้รับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ต้องโทษทั่วไป ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยแทนการฝึกอบรม ดังนี้ เป็นการที่จำเลยกล่าวอ้างว่าพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ควรที่จะได้มีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับการลงโทษ หรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 63 จึงควรที่ศาลจะได้ฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนที่จะพิจารณาสั่งว่าสมควรแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนโทษกักขังเป็นจำคุก: พิจารณาพฤติการณ์และระยะเวลาการกักขัง
คดีมีแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 222 แต่ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อหลายราย ศาลฎีกายืนโทษจำคุกฐานกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลย 3 คนกับพวกจับตัวนางสาว ส.และเด็กหญิง บ.ลงจากเรือนไปยังทุ่งนาแล้วผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายทั้งสองบนคันนาห่างกันราว 2 วา โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำชำเรา ส. อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติกรรมหนึ่งแล้วร่วมกับจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำชำเรา บ. อันเป็นความผิดตามมาตรา 276 ตามที่แก้ไขอีกกรรมหนึ่ง. การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ดังนี้ แยกออกได้เป็นความผิด 2 กรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก – ไม่รอการลงโทษจำคุก
จำเลยอายุ 22 ปี เรียนสำเร็จ ม.ศ. 6 จากโรงเรียนการช่างและทำการงานเป็นลูกจ้างรายวัน กระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 12 ปีเศษ เป็นเรื่องที่ร้ายแรง และเป็นการกระทำโดยไม่เกรงกลัวว่าจะต้องรับโทษไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ และเจตนาฆ่า การจำคุกในข้อหาฆ่าผู้อื่น
จำเลยมาทวงปืนของจำเลยจากผู้ตายซึ่งจำเลยแน่ใจว่าผู้ตายเป็นคนเอามา ผู้ตายใช้มีดพกปลายแหลมแทงจำเลยแต่ไม่ถูกจำเลยใช้มีดเหลียนฟันผู้ตาย 1 ที ผู้ตายวิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ฟันผู้ตายซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายหันกลับมาจะทำร้ายจำเลยจนผู้ตายแขนขาดทั้งสองข้าง และมีบาดแผลที่อื่นอีกหลายแห่งถึงแก่ความตายทันที การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัว แต่เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันและการที่จำเลยฟันผู้ตายหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ด้วยเจตนาจะฟันผู้ตายให้ถึงแก่ความตายเท่านั้น ไม่เป็นการฆ่าโดยกระทำทารุณโหดร้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาลงโทษจำคุกเยาวชนเป็นส่งตัวไปฝึกอบรม และการฎีกาของโจทก์เมื่อศาลแก้ไขคำพิพากษามาก
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง แต่มีอายุ 15 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา75แล้วพิพากษา6ปีลดตามมาตรา 78 อีก 1 ใน 3 คงจำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรพิพากษาลงโทษจำคุกพิพากษาแก้เป็นว่าให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรม ณ สถานเยาวชนฯจนกว่าจะมีอายุ 18 ปี ตามมาตรา 75, 74(5) ดังนี้ เป็นการพิพากษาแก้มาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากจำคุกเป็นรอการลงโทษ: ข้อจำกัดในการฎีกา
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปีเช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ทศ. และการใช้กฎหมายที่แตกต่างจาก ส.ส. กรณีความขาดคุณสมบัติจากเคยถูกจำคุก
1. เรื่องความขาดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลบัญญัติโยงไปใช้เรื่องความขาดคุณสมบัติของผู้สมัครตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2499 นั้น แม้ต่อมามีรัฐธรรมนูญบัญญัติเรื่องลักษณะของบุคคลผู้ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนไว้เป็นอย่างอื่น ก็ไม่กระทบกระเทือนถึงเรื่องความขาดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งถือว่าพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลบัญญัติเรื่องนี้ไว้เป็นเอกเทศ
2. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลพุทธศักราช 2482มาตรา 21 ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2501 นั้นไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 89
(ข้อ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 32/2513)
2. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลพุทธศักราช 2482มาตรา 21 ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2501 นั้นไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 89
(ข้อ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 32/2513)