คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชอบด้วยกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6384/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องส่งไปยังภูมิลำเนาปัจจุบันของทนายจำเลย การไม่แจ้งย้ายภูมิลำเนาไม่กระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการส่งหมาย
พนักงานเดินหมายส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายจำเลยโดยมีผู้รับแทนตามภูมิลำเนาที่ทนายแจ้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์แต่ปรากฏว่าทนายจำเลยไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ตามที่แจ้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์เพราะได้ย้ายออกไปก่อนแล้วกรณีจะถือว่าทนายจำเลยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้แม้ทนายจำเลยจะมิได้แจ้งการย้ายภูมิลำเนาต่อศาลก็เป็นคนละเรื่องกับปัญหาว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5397/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตให้ยื่นบัญชีระบุพยานเนื่องจากทนายจำเลยหลงลืม และการงดสืบพยานชอบด้วยกฎหมาย
การที่ทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาตามกฎหมายนั้นเพราะทนายจำเลยหลงลืมนับว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานได้ตามขอและคดีนี้จำเลยให้การต่อสู้โดยให้เหตุผลประการหนึ่งว่าฮ.ไปดำเนินการจดทะเบียนการให้ที่ดินพิพาทไม่ตรงตามที่ช.บอกไว้แต่ตามคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยจำเลยอ้างว่าเพื่อจะนำพยานเข้าสืบในประเด็นข้อสำคัญว่าช. มอบอำนาจให้ฮ. ไปโอนที่ดินแทนหรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องนอกประเด็นที่จำเลยให้การไว้กรณีจึงไม่มีเหตุผลเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและจำเป็นที่ศาลจะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานตามคำร้องของจำเลยได้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานจึงไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่ประการใดและเมื่อจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามกฎหมายแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิจะนำพยานเข้าสืบการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว ตามคำฟ้องอุทธรณ์และคำขอท้ายอุทธรณ์ของจำเลยนั้นจำเลยมิได้ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีเพียงแต่ขอให้จำเลยนำพยานหลักฐานเข้าสืบเท่านั้นแม้จำเลยจะใช้ถ้อยคำในคำขอว่าพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็เป็นการใช้คำที่ไม่ถูกต้องเท่านั้นไม่ทำให้อุทธรณ์ของจำเลยเป็นคดีมีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536-542/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งนายจ้างต้องชอบด้วยกฎหมายและอยู่ในขอบเขตหน้าที่/กิจการของนายจ้าง การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
คำสั่งของนายจ้างที่ลูกจ้างต้องปฏิบัติตามป.พ.พ.มาตรา575,583และประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ47(3)ต้องเป็นคำสั่งให้ลูกจ้างทำงานตามหน้าที่ของลูกจ้างและเป็นงานในกิจการของนายจ้างการที่จำเลยให้โจทก์ทั้งเจ็ดไปทำงานที่บริษัทอ. ซึ่งมิได้เป็นกิจการของจำเลยทั้งมิใช่งานตามหน้าที่ของโจทก์ทั้งเจ็ดย่อมมิใช่คำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายกรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดขัดหรือฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนโจทก์โดยตัวแทนและบุคคลที่เกี่ยวข้อง: การชำระหนี้โดยชอบ
โจทก์ได้ยินยอมให้นายแช่มเป็นตัวแทนของโจทก์ในการควบคุมการก่อสร้าง รวมตลอดถึงรับเงินค่าจ้างได้ด้วย ดังนี้ การที่จำเลยชำระเงินค่าก่อสร้างให้แก่นายแช่ม จึงเป็นการชำระให้แก่ผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ ถึงแม้จำเลยจะชำระเงินค่าก่อสร้างบางส่วนให้แก่ บ. ช. และ อ. แต่เนื่องจาก บ.เป็นภริยาของนายแช่ม ช.เป็นน้องชายของนายแช่ม และ อ.เป็นผู้ร่วมทำการก่อสร้างกับนายแช่ม ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทักท้วงการกระทำดังกล่าวของจำเลย กรณีจึงถือได้ว่า บุคคลดังกล่าวกระทำการรับชำระหนี้ร่วมกับนายแช่มแทนโจทก์ เป็นการชำระหนี้โดยชอบเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2669/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายจากการประทุษร้าย แม้มีเหตุทะเลาะวิวาทก่อนหน้า
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 10 วัน จำเลยที่ 1 เคยทะเลาะและชกต่อยกับจำเลยที่ 2 เนื่องมาจากจำเลยที่ 2 ค้างชำระค่าอาหารที่ร้านของจำเลยที่ 1 วันเกิดเหตุก่อนเวลาเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านของจำเลยที่ 1 แล้วชะลอความเร็วของรถลงและตะโกนเข้ามาในร้านของจำเลยที่ 1 ว่า สบายนะ เดี๋ยวมา ต่อมาอีกสักครู่ ค.ภรรยาของจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านของจำเลยที่ 1 และตะโกนเข้ามาในร้านอีกว่าซุมกระจอกหมายความว่าพวกกระจอก จากนั้นจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้เข้ามายืนอยู่ที่หน้าร้านและเรียกคนในร้านออกไป เมื่อคนในร้านไม่ออกไปจำเลยที่ 3 ได้เข้ามาใช้มีดไล่แทงบุตรชายของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ถือมีดยืนคุมเชิงอยู่หน้าร้าน เมื่อจำเลยที่ 1 เข้าห้ามก็ถูกจำเลยที่ 3 ใช้มีดฟัน จำเลยที่ 1 จึงเข้าไปคว้ามีดปังตอซึ่งมีไว้สำหรับสับเนื้อออกมานอกร้านและเห็นจำเลยที่ 3 วิ่งไล่ ว. โดยมีจำเลยที่ 2ยืนถือมีดคุมอยู่ จำเลยที่ 1 วิ่งผ่านจำเลยที่ 2 แต่ผ่านไม่ได้จึงเกิดการต่อสู้กับจำเลยที่ 2 ระหว่างต่อสู้ ท.ได้เข้ามาช่วยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย เมื่อปรากฏว่าก่อนจะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 และ ค.ภรรยาจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายก่อเหตุและหาเรื่องจำเลยที่ 1 กับพวกขึ้นก่อน แม้จำเลยที่ 1 มีสาเหตุทะเลาะชกต่อยกับจำเลยที่ 2มาก่อนวันเกิดเหตุก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2 และ ค.ยังเจ็บแค้นจำเลยที่ 1 แล้วนำไปก่อเรื่องจนทำให้เกิดเหตุทำร้ายกันในเวลาต่อมา โดยจำเลยที่ 1 กับพวกหาได้สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้ด้วยไม่ หากแต่เป็นการกระทำที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึงและได้กระทำพอสมควรแก่เหตุแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2669/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย: การต่อสู้เพื่อป้องกันตนเองเมื่อถูกทำร้ายก่อน
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 10 วัน จำเลยที่ 1 เคยทะเลาะและชกต่อยกับจำเลยที่ 2 เนื่องมาจากจำเลยที่ 2 ค้างชำระค่าอาหารที่ร้านของจำเลยที่ 1 วันเกิดเหตุก่อนเวลาเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านของจำเลยที่ 2 แล้วชะลอความเร็วของรถลงและตะโกนเข้ามาในร้านของจำเลยที่ 1 ว่า สบายนะเดี๋ยว มาต่อมาอีกสักครู่ ค.ภรรยาของจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านของจำเลยที่ 1 และตะโกนเข้ามาในร้านอีกว่าซุมกระจอกหมายความว่าพวกกระจอก จากนั้นจำเลยที่ 2 ที่ 3ได้เข้ามายื่นอยู่ในหน้าร้านและเรียกคนในร้านออกไปเมื่อคนในร้านไม่ออกไปจำเลยที่ 3 ได้เข้ามาใช้มีดไล่แทงบุตรชายของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ถือมีดยืนคุมเชิงอยู่หน้าร้าน เมื่อจำเลยที่ 1 เข้าห้ามก็ถูกจำเลยที่ 3 ใช้มีดฟันจำเลยที่ 1 จึงเข้าไปคว้ามีดปังตอซึ่งมีไว้สำหรับสับเนื้อออกมานอกร้านและเห็นจำเลยที่ 3 วิ่งไล่ ว.โดยมีจำเลยที่ 2ยืนถือมีดคุกอยู่ จำเลยที่ 1 วิ่งผ่านจำเลยที่ 2 แต่ผ่านไม่ได้จึงเกิดการต่อสู้กับจำเลยที่ 2 ระหว่างต่อสู้ ท.ได้เข้ามาช่วยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย เมื่อปรากฎว่าก่อนจะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 และ ค.ภรรยาจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายก่อเหตุและหาเรื่องจำเลยที่ 1 กับพวกขึ้นก่อน แม้จำเลยที่ 1มีสาเหตุทะเลาะชกต่อยกับจำเลยที่ 2 มาก่อนวันเกิดเหตุก็ตามแต่การที่จำเลยที่ 2 และค.ยังเจ็บแค้นจำเลยที่ 1แล้วนำไปก่อเรื่องจนทำให้เกิดเหตุทำร้ายกันในเวลาต่อมาโดยจำเลยที่ 1 กับพวกหาได้สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้ด้วยไม่หากแต่เป็นการกระทำที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึงและได้กระทำพอสมควรแก่เหตุแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดประเด็นข้อพิพาทเรื่องผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลต้องสืบพยานตามประเด็นที่คู่ความโต้แย้ง
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การยังฟังไม่ได้เป็นยุติว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายศาลชั้นต้นจะต้องกำหนดประเด็นข้อพิพาทลงไว้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และให้คู่ความนำพยานหลักฐานมาสืบตามประเด็นดังกล่าวต่อไปดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา183วรรคสองบัญญัติไว้การที่ศาลชั้นต้นงดชี้สองสถานไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทตามข้อต่อสู้ของจำเลยและให้รอฟังคำพิพากษาโดยไม่ต้องสืบพยานเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินชอบด้วยกฎหมาย แม้โฉนดออกชื่อบุคคลอื่น เจ้าของกรรมสิทธิ์แท้จริงมีสิทธิเรียกคืนได้
ฉ. ไม่ใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินพิพาทแม้ทางราชการได้ออกโฉนดที่ดินพิพาทให้ ฉ. ฉ. ก็หาได้เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดฉบับดังกล่าวไม่จึงไม่มีสิทธิที่จะยึดถือโฉนดฉบับดังกล่าวไว้ได้เมื่อ ฉ. ส่งมอบโฉนดฉบับพิพาทให้แก่จำเลยและยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงย่อมมีอำนาจติดตามเอาโฉนดซึ่งเป็นเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินของโจทก์กลับคืนมาได้จำเลยไม่อาจอ้างว่ามีสิทธิยึดหน่วงโฉนดฉบับพิพาทไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เพราะหนี้เงินกู้มิได้เป็นหนี้ที่เป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวกับโฉนดฉบับพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา241วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1705/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายเมื่อแจ้งผู้มีส่วนได้เสีย การแจ้งจำเลยอื่นไม่จำเป็น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา306กำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งคำสั่งของศาลที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดแก่บรรดาบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดซึ่งทราบได้ตามทะเบียนหรือโดยประการอื่นเท่านั้นจำเลยคนอื่นซึ่งมิใช่เจ้าของทรัพย์สินที่จะขายไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับแก่ทรัพย์สินนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ต้องแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยเหล่านั้นทราบก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ผู้ถูกทำร้ายมีสิทธิป้องกันตนเองเมื่อถูกทำร้ายก่อน
ฝ่ายผู้เสียหายเป็นฝ่ายหาเหตุ และเป็นฝ่ายเข้าตีทำร้ายร่างกายฝ่ายจำเลยทั้งสี่ก่อน เมื่อผู้เสียหายกับพวกเข้าทำร้ายก่อนโดยละเมิดต่อกฎหมายเช่นนี้ จำเลยทั้งสี่ย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายอันเป็นภัยที่ใกล้จะถึงเช่นนั้นได้ เมื่อฝ่ายจำเลยทั้งสี่มีจำนวนคนน้อยกว่าฝ่ายผู้เสียหาย ประกอบกับอาวุธที่ใช้กันก็เป็นพลั่ว จอบเสียม และมีด อันมีสภาพเป็นเครื่องมือสำหรับชาวนาใช้ในการทำนา ซึ่งปกติมีติดตัวอยู่ และบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็ไม่ร้ายแรงมากนัก จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จำเลยทั้งสี่จึงไม่มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 295และ 297
ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสี่แถลงหมดพยานบุคคล คงติดใจที่จะขอให้นำสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่2558-2559/2533 ของศาลชั้นต้นมาผูกรวมติดเข้ากับสำนวนคดีนี้ ศาลชั้นต้นอนุญาต ดังนี้ เมื่อจำเลยทั้งสี่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วและยังสืบพยานจำเลยทั้งสี่ไม่เสร็จ จำเลยทั้งสี่ย่อมมีสิทธิต่อสู้คดีอย่างเต็มที่โดยอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้อีกแม้จำเลยทั้งสี่จะมิได้ระบุอ้างสำนวนคดีอาญาดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานโดยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมไว้ แต่การที่จำเลยทั้งสี่แถลงดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยทั้งสี่อย่างแจ้งชัดว่าประสงค์จะอ้างสำนวนคดีอาญานั้นทั้งสำนวนเป็นพยานหลักฐานของจำเลยในคดีนี้ด้วย เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้นำสำนวนคดีอาญาดังกล่าวมาผูกติดกับสำนวนคดีนี้ สำนวนคดีอาญานั้นจึงเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้แล้ว เมื่อคำเบิกความของ พ. อยู่ในสำนวนคดีอาญานั้นด้วย คำเบิกความของ พ.คดีดังกล่าวจึงเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ ชอบที่ศาลจะนำมาฟังประกอบการวินิจฉัยคดีนี้ได้
of 51