พบผลลัพธ์ทั้งหมด 399 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4237/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอาวัลเช็คเกินอำนาจตัวแทน ความรับผิดของธนาคารตามหลักการตัวแทน
การที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 อาวัลเช็คพิพาทโดยการลงลายมือชื่อและประทับตราชื่อธนาคารจำเลยที่ 2 ด้านหลังเช็ค เป็นการกระทำเกินอำนาจของตัวแทน แต่ในทางปฏิบัติจำเลยที่ 2 ไม่เคยอาวัลเช็คให้ลูกค้าโดยวิธีดังกล่าวมาก่อน ที่โจทก์เข้าใจว่าเป็นการอาวัลแทนจำเลยที่ 2 เป็นความเชื่ออันเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 4ที่ 5 หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่ จึงฟังไม่ได้ว่าทางปฏิบัติของจำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์มีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการอาวัลเช็คนั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของจำเลยที่ 4 ที่ 5 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 822 ประกอบด้วย มาตรา 921,940 และ 989
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินฝากกระแสรายวันไม่ใช่บัญชีเดินสะพัด คิดดอกเบี้ยไม่ได้ตามอัตราธนาคารพาณิชย์ แต่คิดได้ตามอัตรากฎหมาย
สัญญาเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันระหว่างธนาคารโจทก์กับจำเลยที่ 1 กำหนดเงื่อนไขไว้หลายข้อที่แสดงว่าโจทก์จะจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเงินจากบัญชีไม่เกินจำนวนเงินที่จำเลยที่ 1 ฝากเข้าบัญชี จำเลยที่ 1 จึงไม่มีเจตนาตกลงกันโดยตรงว่าสืบแต่นั้นไป หรือในชั่วระยะเวลากำหนดอันใดอันหนึ่งให้ตัดทอนบัญชีหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหักกลบลบกันคงชำระแต่ส่วนที่เหลือโดยดุลยภาค อันเป็นลักษณะสำคัญของสัญญาบัญชีเดินสะพัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 856 และถือไม่ได้โดยปริยายว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้เดินสะพัดบัญชีกัน ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้น โจทก์กับจำเลยที่ 1 มิได้ตกลงให้คิดดอกเบี้ยไว้ในสัญญาและจำเลยที่ 1 ก็มิได้ตกลงให้โจทก์คิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ถือว่าโจทก์และจำเลยไม่ได้ตกลงกันเรื่องดอกเบี้ย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีโดยวิธีธรรมดานับแต่วันผิดนัดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยหลังเลิกสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี ธนาคารมีสิทธิคิดดอกเบี้ยตามที่ตกลงในสัญญาได้ หากไม่ขัดกฎหมาย
หนี้เงินนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224บัญญัติให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปีถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้นตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่ทำกันไว้ จำเลยยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์สำหรับเงินที่เบิกเกินบัญชีร้อยละสิบห้าครึ่งต่อปีส่วนจำนวนเงินที่เบิกเกินวงเงินตามสัญญาจำเลยยอมเสียร้อยละสิบเก้าต่อปี เช่นนี้เมื่อมีการเลิกสัญญาโจทก์จึงมีเหตุตามสัญญาที่จะเรียกดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าครึ่งต่อปีต่อไปได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของธนาคารต่อการจ่ายเช็คปลอมจากความประมาทเลินเล่อของพนักงาน
ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทกับตัวอย่างลายมือชื่อของโจทก์มีลักษณะและลวดลายการเขียนผิดกันชัดเจนหลายจุด ซึ่งหากใช้ความระมัดระวังในการตรวจก็จะเห็นได้ว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนละคนกัน การที่พนักงานของจำเลยที่ 1 ไม่ตรวจลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทให้ถูกต้อง จึงเป็นการประมาทเลินเล่อในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้เงินซึ่งได้จ่ายแก่ผู้นำเช็คพิพาทมาเบิกคืนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3767/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้มีแก้ไข – ธนาคารฟ้องหนี้ ยอดคลาดเคลื่อนแต่แก้ไขแล้ว ศาลไม่เห็นว่าทำให้จำเลยสับสน
ธนาคารโจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับยอดเงินที่จำเลยที่ 1ค้างชำระคลาดเคลื่อน ซึ่งอาจทำให้จำเลยสับสนได้ แต่โจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับยอดหนี้ ให้ถูกต้องและสอดคล้องกับเอกสารท้ายฟ้องและศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตแล้ว ย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์ไม่คลาดเคลื่อนและไม่ทำให้จำเลยสับสนอีกต่อไป จึงเป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3367/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเรื่องคำพิพากษาคดีอาญาต่อธนาคารและเบิกความต่อศาล ไม่ถือเป็นการละเมิด
การที่จำเลยที่ 1 ทำหนังสือร้องเรียนต่อธนาคารออมสินให้ลงโทษโจทก์ เนื่องจากโจทก์ถูกลงโทษจำคุกนั้น เป็นการแจ้งให้ธนาคารออมสินทราบเท่านั้น ธนาคารออมสินจะพิจารณาและมีคำสั่งลงโทษโจทก์หรือไม่เป็นเรื่องของธนาคารออมสิน แม้การกระทำดังกล่าวจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่ก็เป็นการใช้สิทธิในฐานะประชาชนที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ได้ ส่วนการที่จำเลยที่ 1และที่ 3 เบิกความต่อศาลถึงคำพิพากษาที่โจทก์ถูกลงโทษ ก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ในฐานะพยาน อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย มิใช่เป็นการใช้สิทธิโดยเจตนาให้โจทก์เสียหายฝ่ายเดียวอีกทั้งเป็นการไขข่าวตามความจริง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเลตเตอร์ออฟเครดิต: การกระทำของธนาคารในฐานะตัวแทนผู้เปิด L/C และการชำระหนี้
จำเลยเป็นผู้ขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ และเป็นผู้รับประโยชน์ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ธนาคารในต่างประเทศเป็นผู้เปิดตามคำขอของผู้ซื้อ ส่วนโจทก์เป็นธนาคารในประเทศผู้แจ้งการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้จำเลยทราบ การที่โจทก์ไม่เพียงทำหน้าที่ดังกล่าว แต่โจทก์ยังรับเอกสารประกอบการส่งสินค้าจากจำเลยไว้ตรวจสอบรวมทั้งรับตั๋วแลกเงินที่จำเลยสั่งจ่ายตามเลตเตอร์ออฟเครดิตไว้แล้วรวบรวมส่งไปยังธนาคารผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต แม้ขณะโจทก์รับตั๋วแลกเงินไว้จากจำเลย จำเลยจะทำสัญญาซื้อขายเงินตราตามตั๋วแลกเงินล่วงหน้าไว้ แต่สัญญาดังกล่าวไม่มีข้อตกลงหรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการชำระราคาทั้งโจทก์ไม่ได้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินให้แก่จำเลยทันที โจทก์กลับรอให้ตั๋วแลกเงินถึงกำหนดชำระและโจทก์ได้รับแจ้งจากธนาคารผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตว่า ธนาคารดังกล่าวส่งเงินตามตั๋วแลกเงินเข้าบัญชีของโจทก์แล้ว โจทก์จึงจ่ายเงินให้แก่จำเลย กรณีจึงไม่เป็นการซื้อขายตั๋วแลกเงินดังโจทก์อ้างการกระทำของโจทก์เข้าลักษณะเป็นตัวแทนธนาคารผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตในต่างประเทศ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลตเตอร์ออฟเครดิต: การชำระหนี้ค่าสินค้าโดยตัวแทน ธนาคารมีหน้าที่ชำระเงินให้ผู้ขาย
ธนาคาร อ. ในต่างประเทศซึ่งเป็นผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตได้ให้ธนาคาร ย. ตัวแทนในประเทศของตนเป็นผู้แจ้งมายังธนาคารโจทก์เพื่อขอให้ธนาคารโจทก์แจ้งเลตเตอร์ออฟเครดิตให้จำเลยทราบซึ่งธนาคารโจทก์ก็ได้ดำเนินการให้รวมทั้งรับเป็นผู้ตรวจสอบเอกสารและรับตั๋วแลกเงินซึ่งจำเลยผู้ขายได้ออกภายใต้เลตเตอร์ออฟเครดิตดังกล่าวด้วย หลังจากนั้นจึงได้รวบรวมส่งไปให้ธนาคาร อ.ผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต การกระทำของธนาคารโจทก์ดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นตัวแทนของธนาคาร อ. แล้ว โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์โดยอ้างว่าจำเลยได้นำตั๋วแลกเงินที่ออกภายใต้เลตเตอร์ออฟเครดิตของธนาคาร อ. มาตกลงทำสัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้ากับโจทก์และต่อมาตั๋วแลกเงินดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยขายตั๋วแลกเงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง โจทก์จึงไม่อาจฟ้องเรียกราคาที่อ้างว่าได้ชำระให้จำเลยตามตั๋วแลกเงินไปแล้วคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธเช็คด้วยเหตุผล 'เช็คพ้นกำหนด' ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
การที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยให้เหตุผลว่า"เช็คพ้นกำหนดการจ่ายเงิน" ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คอันเป็นความผิดตามที่พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 บัญญัติไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีต่ออายุโดยปริยาย การคิดดอกเบี้ยทบต้นหลังหมดอายุสัญญา
ธนาคารโจทก์กับจำเลยมิได้ถือกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นข้อสาระสำคัญ แต่ได้ตกลงกันโดยปริยายต่ออายุสัญญาบัญชีเดินสะพัดออกไปโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นต่อมาได้จนกว่าจะมีการบอกเลิกสัญญาตาม ป.พ.พ. มาตรา 859.