พบผลลัพธ์ทั้งหมด 192 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีข่มขืนฯ และประเด็นการเป็นความผิดฐานโทรมหญิง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายสำเร็จความใคร่คนละหนึ่งครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 โดยมิได้กล่าวว่าการกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง และอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281 นั้น เห็นได้ว่าโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานโทรมหญิงด้วย เมื่อผู้เสียหายกับจำเลยตกลงยอมความกัน คดีย่อมระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การขัดแย้งกัน มิสามารถนำสืบได้ หากไม่จำกัดขอบเขตการสืบพยาน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าแชร์เปียหวยจากจำเลย จำเลยให้การว่ามิได้เล่นแชร์กับโจทก์ ถ้าหากปรากฎว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์ จำเลยก็ได้จ่ายเงินให้โจทก์ไปหมดแล้ว ดังนี้ เป็นคำให้การที่ขัดกัน ไม่ประกอบชอบด้วยเหตุผลที่จำเลยจะนำสืบตามคำให้การของจำเลย ๆ มิได้แถลงต่อศาลว่าจะสืบแต่เฉพาะทางใดทางหนึ่ง แน่ หากแต่จะสืบทั้งสองทางเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะให้จำเลยสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบประเด็นข้อพิพาทและการตกลงเงื่อนไขการชำระหนี้
ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาวันชี้สองสถานเพียงว่า ประเด็นเรื่องบอกกล่าวนี้ โจทก์กล่าวอ้าง จำเลยปฏิเสธ โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนให้นัดสืบพยานโจทก์ไป เช่นนี้ หาใช่ศาลกะให้คู่ความนำสืบเพียงประเด็นเดียวไม่ หากจำเลยให้การต่อสู้ไว้ประเด็นอื่นอีก จำเลยก็นำสืบได้
สัญญามิได้มีข้อกำหนดชัดเจนว่า ให้ชำระเงินกัน ณ ที่ใด คู่ความย่อมนำสืบได้ว่า มีการตกลงในเรื่องนี้ไว้อย่างไรอีกต่างหาก ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสารและหากได้ความว่ามีการตกลงชำระเงินกัน ณ สถานที่แห่งอื่นแล้ว ก็ไม่ต้องนำเงินชำระ ณ ภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้ตาม มาตรา 324
สัญญามิได้มีข้อกำหนดชัดเจนว่า ให้ชำระเงินกัน ณ ที่ใด คู่ความย่อมนำสืบได้ว่า มีการตกลงในเรื่องนี้ไว้อย่างไรอีกต่างหาก ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสารและหากได้ความว่ามีการตกลงชำระเงินกัน ณ สถานที่แห่งอื่นแล้ว ก็ไม่ต้องนำเงินชำระ ณ ภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้ตาม มาตรา 324
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดในชั้นอุทธรณ์ฎีกาต้องเป็นประเด็นที่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้น การตั้งประเด็นใหม่ทำไม่ได้
มีส่วนได้เสียเพราะเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์ที่จำเลยทำยอมความโอนให้โจทก์ไปและศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว ดังนี้ จะร้องสอดเข้ามาในคดีเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์และฎีกาในอายุความอุทธรณ์ฎีกาเพื่อทำลายสัญญายอมความไม่ได้ เพราะเหตุที่ผู้ร้องยกขึ้นอุทธรณ์เป็นการตั้งประเด็นใหม่ ไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบจำเลยไม่ต้องทำหากโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงแล้ว แม้เป็นประเด็นที่จำเลยมีหน้าที่นำสืบ
หน้าที่นำสืบบางกรณี แม้จะตกแก่จำเลยต้องนำสืบก็จริงแต่ถ้าโจทก์ได้ยอมรับข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นและคำรับของโจทก์เกี่ยวกับประเด็นโดยตรงแล้วจำเลยก็ไม่จำต้องสืบพยานตามหน้าที่นำสืบนั้นอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากประเด็นไม่เป็นสาระสำคัญต่อการวินิจฉัยคดี
คดีอาญา เมื่อปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมานั้นไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัยตามป.วิ.พ. มาตรา 242 (1) และป.วิ อาญามาตรา 15 ศาลฎีกาก็พิพากษายกฎีกาของโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานนอกฟ้องและประเด็นที่มิได้ยกขึ้นในคำให้การและฟ้องแย้ง ศาลไม่รับวินิจฉัย
ฟ้องแย้งบรรยายว่า โจทก์รับเงินไปจากจำเลยจำนวนหนึ่งคิดหักค่าจ้างขนไม้ออกแล้ว โจทก์ต้องคืนเงินให้จำเลยอีก ดังนี้ จำเลยจะนำสืบว่า ได้จ่ายค่าสิ่งของอื่นๆ แทนโจทก์และขอหักกลบลบหนี้โดยมิได้บรรยายเป็นประเด็นมาในฟ้องแย้ง ย่อมเป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีแพ่งต้องพิจารณาประเด็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ตัดสินในคดีอาญา
ในคดีอาญาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกโดยจำเลยขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินบางส่วนของโจทก์ ต่อมาโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยบุกรุกและให้ออกจากที่ดินส่วนเลยขึ้นไปทางด้านเหนืออีก ซึ่งในคดีอาญาเดิมนั้นศาลฎีกายังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือ เช่นนี้ ศาลจะงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยถือเอาข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาและเอกสารที่คู่ความส่งอ้างในคดีแพ่งเท่านั้นมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งหาเพียงพอไม่ เพราะในคดีอาญาศาลยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือนั้นเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยของศาล: ประเด็นที่จำกัด vs. ประเด็นตามฟ้องและต่อสู้
โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดากัน โจทก์ฟ้องขอแบ่งส่วนมรดกของบิดาครึ่งหนึ่ง จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์มีส่วนไม่ถึงครึ่ง เพราะควรตกเป็นของมารดาจำเลย 2 ใน 3 ที่เหลืออีก 1 ใน 3 จึงเป็นของโจทก์เพียง 1 ใน 3
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาเพรื่องฟ้องและทำให้การโดยย่อ ข้อที่คู่ความรับกัน และต่างไม่ติดใจสืบพยาน แล้วศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาต่อไปว่า ประเด็นมีเฉพาะข้อที่ว่าโจทก์ควรได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งตามฟ้องหรือควรได้ส่วนแต่เท่าที่จำเลยต่อสู้
ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่ใช่เรื่องที่คู่ความท้ากันโดยจำกัดให้ศาลชี้ขาดเพียง 2 ทางว่าส่วนแบ่งนั้นถ้าโจทก์ไม่ได้ครึ่งหนึ่งตามฟ้องแล้ว จักต้องเป็นไปดังจำเลยให้การต่อสู้ หากแต่เป็นเรื่องที่คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ฟ้องและต่อสู้ซึ่งศาลจะต้องพิพากษาไปตามบทกฎหมายและรูปคดี ฉะนั้นศาลมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนเป็นอย่างอื่นได้
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาเพรื่องฟ้องและทำให้การโดยย่อ ข้อที่คู่ความรับกัน และต่างไม่ติดใจสืบพยาน แล้วศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาต่อไปว่า ประเด็นมีเฉพาะข้อที่ว่าโจทก์ควรได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งตามฟ้องหรือควรได้ส่วนแต่เท่าที่จำเลยต่อสู้
ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่ใช่เรื่องที่คู่ความท้ากันโดยจำกัดให้ศาลชี้ขาดเพียง 2 ทางว่าส่วนแบ่งนั้นถ้าโจทก์ไม่ได้ครึ่งหนึ่งตามฟ้องแล้ว จักต้องเป็นไปดังจำเลยให้การต่อสู้ หากแต่เป็นเรื่องที่คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ฟ้องและต่อสู้ซึ่งศาลจะต้องพิพากษาไปตามบทกฎหมายและรูปคดี ฉะนั้นศาลมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนเป็นอย่างอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยคดี: ศาลมิได้จำกัดการพิพากษาเฉพาะประเด็นที่คู่ความจำกัดขอบเขตไว้ แต่ต้องวินิจฉัยตามบทกฎหมายและข้อเท็จจริง
โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดากันโจทก์ฟ้องขอแบ่งส่วนมรดกของบิดาครึ่งหนึ่ง จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์มีส่วนไม่ถึงครึ่ง เพราะควรตกเป็นของมารดาจำเลย 2 ใน 3 ที่เหลืออีก 1 ใน 3 จึงเป็นของโจทก์เพียง 1 ใน 3
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาเรื่องฟ้องและคำให้การโดยย่อ ข้อที่คู่ความรับกัน และต่างไม่ติดใจสืบพยาน แล้วศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาต่อไปว่า 'ประเด็นมีเฉพาะข้อที่ว่าโจทก์ควรได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งตามฟ้องหรือควรได้ส่วนแต่เท่าที่จำเลยต่อสู้'
ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่ใช่เรื่องที่คู่ความท้ากันโดยจำกัดให้ศาลชี้ขาดเพียง 2 ทางว่าส่วนแบ่งนั้นถ้าโจทก์ไม่ได้ครึ่งหนึ่งตามฟ้องแล้ว จักต้องเป็นไปดังจำเลยให้การต่อสู้หากแต่เป็นเรื่องที่คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ฟ้องและต่อสู้ซึ่งศาลจะต้องพิพากษาไปตามบทกฎหมายและรูปคดี ฉะนั้นศาลมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนเป็นอย่างอื่นได้
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาเรื่องฟ้องและคำให้การโดยย่อ ข้อที่คู่ความรับกัน และต่างไม่ติดใจสืบพยาน แล้วศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาต่อไปว่า 'ประเด็นมีเฉพาะข้อที่ว่าโจทก์ควรได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งตามฟ้องหรือควรได้ส่วนแต่เท่าที่จำเลยต่อสู้'
ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่ใช่เรื่องที่คู่ความท้ากันโดยจำกัดให้ศาลชี้ขาดเพียง 2 ทางว่าส่วนแบ่งนั้นถ้าโจทก์ไม่ได้ครึ่งหนึ่งตามฟ้องแล้ว จักต้องเป็นไปดังจำเลยให้การต่อสู้หากแต่เป็นเรื่องที่คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ฟ้องและต่อสู้ซึ่งศาลจะต้องพิพากษาไปตามบทกฎหมายและรูปคดี ฉะนั้นศาลมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนเป็นอย่างอื่นได้