พบผลลัพธ์ทั้งหมด 263 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกเงินค่าธรรมเนียมและปลอมแปลงเอกสารราชการ
บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานเป็นเสมียนของเทศบาล มีหน้าที่เกี่ยวแก่การเงินและเขียนใบอนุญาตฆ่าสัตว์ เขียนแล้วรับเงินส่งเป็นรายได้เทศบาล จำเลยเขียนใบอนุญาให้ฆ่าสัตว์แล้วรับเงิน แล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัว อันเป็นผิดก.ม.ลักษณะอาญา ม.131 และ319 ใช้ได้ไม่เคลือบคลุม เพราะจำเลยอาจทำผิดได้ทั้งสองอย่าง
จำเลยเป็นเสมียนเทศบาลมีหน้าที่เขียนอาชญาบัตรฆ่าสัตว์ แล้วรับเงินค่าธรรมเนียมส่งเป็นรายได้เทศบาล ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย.
จำเลยเป็นเสมียนเทศบาลมีหน้าที่เขียนอาชญาบัตรฆ่าสัตว์ แล้วรับเงินค่าธรรมเนียมส่งเป็นรายได้เทศบาล ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกใบแทนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีเอกสารต้นฉบับจริง ถือเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและสมรู้ร่วมคิด
เสมียนตรวจคนเข้าเมืองประจำอำเภอซึ่งมีหน้าที่ทำใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และปลัดอำเภอซึ่งมีหน้าที่เซ็นใบสำคัญ ได้จัดทำใบแทนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวออกให้ไปโดยรู้อยู่ว่าไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตัวจริง ย่อมเป็นการปลอมหนังสือตาม มาตรา 230
จำเลยผู้เป็นคนต่างด้าวแต่ไม่มีใบสำคัญประจำตัวอยู่ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ออกใบแทนใบสำคัญ เพื่อที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในการทำใบสำคัญจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าใบสำคัญตัวจริงไม่มีอยู่ ดังนี้ นับว่าเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าไม่มีใบสำคัญตัวจริงจัดว่าเป็นการสมรู้ด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้จัดออกใบแทนใบสำคัญดังกล่าวแล้วด้วย
จำเลยผู้เป็นคนต่างด้าวแต่ไม่มีใบสำคัญประจำตัวอยู่ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ออกใบแทนใบสำคัญ เพื่อที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในการทำใบสำคัญจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าใบสำคัญตัวจริงไม่มีอยู่ ดังนี้ นับว่าเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าไม่มีใบสำคัญตัวจริงจัดว่าเป็นการสมรู้ด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้จัดออกใบแทนใบสำคัญดังกล่าวแล้วด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397-1398/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์, ปลอมแปลงเอกสาร, ฟ้องเคลือบคลุม: การพิจารณาความผิดและขอบเขตการฟ้องร้อง
บุคคลที่นายอำเภอท้องที่แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชลประทานตามพ.ร.บ. การชลประทานราษฎร์ ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมาย
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ม. 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่จากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฏหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป 3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อ ๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน.....ถึงวัน....... จำเลยไดบังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม.
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ม. 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่จากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฏหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป 3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อ ๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน.....ถึงวัน....... จำเลยไดบังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาศัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องอาศัยข้อกฎหมาย โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, การรับฟังพยานผู้เชี่ยวชาญ, และประเภทหนังสือสำคัญทางราชการ: ผลต่อความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์เคลือบคลุม (อ้างว่าข้อ 1.ค.กล่าวว่าจำเลยทั้งสองได้บังอาจสมคบกันใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จแก่นายเจริญ ซึ่งแสดงว่าได้ใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จทั้งสองคน แต่ในข้อเดียวกันก็กล่าวว่าจำเลยที่ 2 แต่คนเดียวเป็นผู้กล่าวว่ากองทัพอากาศได้ใช้ให้จำเลยมาเก็บเงิน ฟ้องเช่นนี้เป็นสองแง่สองคม ทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้) แต่เมื่ออ่านฟ้องแล้วได้ความว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันทำใบเสร็จปลอมขึ้นหรือมิฉะนั้นก็สมคบกันใช้หนังสือปลอม โดยจำเลยที่ 1 ใช้ให้ จำเลยที่ 2 นำใบเสร็จปลอมไปเก็บเงิน จำเลยเข้าใจได้ดีไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อพยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือ (ตามป.วิ.อาญา ม.243 วรรคแรก) ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือ ดังนี้พยานจึงไม่อยู่ในบังคับต้องส่งสำเนาเอกสารการตรวจลายมือให้จำเลยก่อน 3 วันตาม ป.วิ.อาญา ม.243 วรรค 2
เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไรรายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายในเงินของราชการหรือไม่ประการใด ดังนี้แม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของและรองเสนาธิการทหารอากาศเป็นบรรณาธิการก็ดี ก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นหนังสือราชการของกองทัพอากาศ จำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินหนังสือข่าวดังกล่าวจึงมีความผิดตาม ม.224 ไม่ใช่ 225.
เมื่อพยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือ (ตามป.วิ.อาญา ม.243 วรรคแรก) ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือ ดังนี้พยานจึงไม่อยู่ในบังคับต้องส่งสำเนาเอกสารการตรวจลายมือให้จำเลยก่อน 3 วันตาม ป.วิ.อาญา ม.243 วรรค 2
เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไรรายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายในเงินของราชการหรือไม่ประการใด ดังนี้แม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของและรองเสนาธิการทหารอากาศเป็นบรรณาธิการก็ดี ก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นหนังสือราชการของกองทัพอากาศ จำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินหนังสือข่าวดังกล่าวจึงมีความผิดตาม ม.224 ไม่ใช่ 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, พยานผู้เชี่ยวชาญ, และหนังสือสำคัญทางราชการ: การพิจารณาความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม (อ้างว่าข้อ 1.ค. กล่าวว่าจำเลยทั้งสองได้บังอาจสมคบกันใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จแก่นายเจริญ ซึ่งแสดงว่าได้ใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จทั้งสองคนแต่ในข้อเดียวกันก็กล่าวว่าจำเลยที่ 2 แต่คนเดียวเป็นผู้กล่าวว่ากองทัพอากาศได้ใช้ให้จำเลยมาเก็บเงินฟ้องเช่นนี้เป็นสองแง่สองคมทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้) แต่เมื่ออ่านฟ้องแล้วได้ความว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันทำใบเสร็จปลอมขึ้นหรือมิฉะนั้นก็สมคบกันใช้หนังสือปลอมโดยจำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 นำใบเสร็จปลอมไปเก็บเงินจำเลยเข้าใจได้ดีไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อพยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือ (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 วรรคแรก) ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือดังนี้พยานจึงไม่อยู่ในบังคับต้องส่งสำเนาเอกสารการตรวจลายมือให้จำเลยก่อน 3 วันตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 วรรคสอง
เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไรรายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายในเงินของราชการหรือไม่ ประการใดดังนี้แม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของและรองเสนาธิการทหารอากาศเป็นบรรณาธิการก็ดีก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นหนังสือราชการของกองทัพอากาศจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินหนังสือข่าวดังกล่าวจึงมีความผิดตาม มาตรา 224 ไม่ใช่ 225
เมื่อพยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือ (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 วรรคแรก) ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือดังนี้พยานจึงไม่อยู่ในบังคับต้องส่งสำเนาเอกสารการตรวจลายมือให้จำเลยก่อน 3 วันตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 วรรคสอง
เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไรรายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายในเงินของราชการหรือไม่ ประการใดดังนี้แม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของและรองเสนาธิการทหารอากาศเป็นบรรณาธิการก็ดีก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นหนังสือราชการของกองทัพอากาศจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินหนังสือข่าวดังกล่าวจึงมีความผิดตาม มาตรา 224 ไม่ใช่ 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกง: การพิสูจน์การร้องทุกข์ของผู้เสียหายเป็นสาระสำคัญในการลงโทษ
อัยการโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายบทหลายกระทงคือปลอมหนังสือและฉ้อโกงนายเจียมพลฯ บรรจง ผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้พนักงานดำเนินคดีแล้ว
แม้ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องและพิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา 224,227,304 ฯลฯ กับให้คืนเงินจำเลย
ในชั้นฎีกาเมื่อคดีนี้ฟังได้ว่าไม่มีการร้องทุกข์ก็ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 304 ไม่ได้ จึงชอบที่จะพิพากษาแก้เฉพาะที่เกี่ยวกับมาตรา 304 และเรื่องการใช้เงิน
แม้ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องและพิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา 224,227,304 ฯลฯ กับให้คืนเงินจำเลย
ในชั้นฎีกาเมื่อคดีนี้ฟังได้ว่าไม่มีการร้องทุกข์ก็ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 304 ไม่ได้ จึงชอบที่จะพิพากษาแก้เฉพาะที่เกี่ยวกับมาตรา 304 และเรื่องการใช้เงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินภาษีและการปลอมแปลงเอกสาร: ข้อหาชัดเจนและพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
บรรยายฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีโรงค้ารายนายฉลองไป 600 บาท แต่ต่อมานำส่งเสีย 57.60 บาท จำเลยยักยอกไปเพียง 542.40 บาท ดังนี้จัดว่าชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาฐานยักยอกได้ดีตาม ม.158 วิ.อาญา.หาเคลือบคลุมไม่
แม้ข้อเท็จจริงทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีรายนายฉลองไป 600 บาท มิใช่ 542.40 บาท ดังข้อหาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องก็ดี ควรฟังข้อเท็จจริงดังนี้เพราะเงิน 57.60 บาท ที่จำเลยนำส่งเป็นค่าภาษีรายนายช่อล้องมิใช่นายฉลอง ฉนั้นเงินค่าภาษีนายฉลองที่จำเลยยักยอกจึงคงมี 600 บาท จึงถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณากับฟ้องเช่นนี้หาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ป.วิ.อาญา ม.192ได้ไม่
ถึงจำเลยจะมีหน้าที่เขียนต้นขั้วใบเสร็จรับเงินด้วยตนเองก็ดี แต่ถ้าจำเลยตกเติมแก้ไขต้นขั้วใบเสร็จนั้นโดยมีเจตนาปลอมแปลงจากเดิมให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นและอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ ดังนี้จำเลยก็หาพ้นความรับผิดฐานปลอมหนังสือไม่
การที่จะวินิจฉัยข้อ ก.ม.นั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว.
แม้ข้อเท็จจริงทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีรายนายฉลองไป 600 บาท มิใช่ 542.40 บาท ดังข้อหาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องก็ดี ควรฟังข้อเท็จจริงดังนี้เพราะเงิน 57.60 บาท ที่จำเลยนำส่งเป็นค่าภาษีรายนายช่อล้องมิใช่นายฉลอง ฉนั้นเงินค่าภาษีนายฉลองที่จำเลยยักยอกจึงคงมี 600 บาท จึงถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณากับฟ้องเช่นนี้หาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ป.วิ.อาญา ม.192ได้ไม่
ถึงจำเลยจะมีหน้าที่เขียนต้นขั้วใบเสร็จรับเงินด้วยตนเองก็ดี แต่ถ้าจำเลยตกเติมแก้ไขต้นขั้วใบเสร็จนั้นโดยมีเจตนาปลอมแปลงจากเดิมให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นและอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ ดังนี้จำเลยก็หาพ้นความรับผิดฐานปลอมหนังสือไม่
การที่จะวินิจฉัยข้อ ก.ม.นั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินภาษีและการปลอมแปลงเอกสารราชการ จำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา
บรรยายฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีโรงค้ารายนายฉลองไป600 บาท แต่ต่อมานำส่งเสีย 57.60 บาท จำเลยยักยอกไปเพียง542.40 บาท ดังนี้จัดว่าชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาฐานยักยอกได้ดีตาม มาตรา158 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หาเคลือบคลุมไม่
แม้ข้อเท็จจริงทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีรายนายฉลองไป 600 บาท มิใช่ 542.40 บาท ดังข้อหาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องก็ดีการฟังข้อเท็จจริงดังนี้เพราะเงิน 57.60 บาท ที่จำเลยนำส่งเป็นค่าภาษีรายนายช่อล้องมิใช่รายนายฉลองฉะนั้นเงินค่าภาษีรายนายฉลองที่จำเลยยักยอกจึงคงมี 600 บาทจึงถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องเช่นนี้หาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192ได้ไม่
ถึงจำเลยจะมีหน้าที่เขียนต้นขั้วใบเสร็จรับเงินด้วยตนเองก็ดีแต่ถ้าจำเลยตกเติมแก้ไขต้นขั้วใบเสร็จนั้นโดยมีเจตนาปลอมแปลงจากเดิมให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นและอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ดังนี้จำเลยก็หาพ้นความรับผิดฐานปลอมหนังสือไม่
การที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว
แม้ข้อเท็จจริงทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีรายนายฉลองไป 600 บาท มิใช่ 542.40 บาท ดังข้อหาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องก็ดีการฟังข้อเท็จจริงดังนี้เพราะเงิน 57.60 บาท ที่จำเลยนำส่งเป็นค่าภาษีรายนายช่อล้องมิใช่รายนายฉลองฉะนั้นเงินค่าภาษีรายนายฉลองที่จำเลยยักยอกจึงคงมี 600 บาทจึงถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องเช่นนี้หาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192ได้ไม่
ถึงจำเลยจะมีหน้าที่เขียนต้นขั้วใบเสร็จรับเงินด้วยตนเองก็ดีแต่ถ้าจำเลยตกเติมแก้ไขต้นขั้วใบเสร็จนั้นโดยมีเจตนาปลอมแปลงจากเดิมให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นและอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ดังนี้จำเลยก็หาพ้นความรับผิดฐานปลอมหนังสือไม่
การที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1720/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นแพทย์และปลอมแปลงเอกสารราชการ ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงินให้จำเลย
จำเลยแสดงตนว่าเป็นแพทย์และพ่อตาจำเลยเป็นแพทย์ใหญ่แม้ความจริงจำเลยและพ่อตาไม่ได้เป็นแพทย์แต่ผู้เสียหายหลงเชื่อให้เงินจำเลยไปเพื่อวิ่งเต้นช่วยเหลือบุตรผู้เสียหาย จำเลยย่อมมีผิดตาม ม.123
ปลอมสำเนาหนังสือราชการซึ่งทำให้เห็นว่าเป็นสำเนาหนังสือที่เจ้าหน้าที่เรียบเรียงและรับรองว่าเป็นสำเนาอันแท้จริง แม้ความจริงจะไม่มีแบบหนังสือที่แท้จริงนั้นก่อนก็ตามก็ยังคงเป็นผิดตาม ม.224
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแสดงตนว่าเป็นคนสนิทชิดชอบกับเจ้าพนักงาน ผู้เสียหายหลงเชื่อให้เงินจำเลยไปเหตุเกิดที่ตำบล ก. แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยพูดแสดงตนเป็นคนสนิทชิดชอบกับเจ้าพนักงานที่ตำบล ข.แต่ได้รับเงินจากผู้เสียหายที่ตำบล ก. เช่นนี้ฟ้องของโจทก์หาผิดตำบลที่เกิดเหตุไม่
ปลอมสำเนาหนังสือราชการซึ่งทำให้เห็นว่าเป็นสำเนาหนังสือที่เจ้าหน้าที่เรียบเรียงและรับรองว่าเป็นสำเนาอันแท้จริง แม้ความจริงจะไม่มีแบบหนังสือที่แท้จริงนั้นก่อนก็ตามก็ยังคงเป็นผิดตาม ม.224
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแสดงตนว่าเป็นคนสนิทชิดชอบกับเจ้าพนักงาน ผู้เสียหายหลงเชื่อให้เงินจำเลยไปเหตุเกิดที่ตำบล ก. แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยพูดแสดงตนเป็นคนสนิทชิดชอบกับเจ้าพนักงานที่ตำบล ข.แต่ได้รับเงินจากผู้เสียหายที่ตำบล ก. เช่นนี้ฟ้องของโจทก์หาผิดตำบลที่เกิดเหตุไม่