คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ชำระบัญชี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 152 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโต้แย้งคำชี้ขาดผู้ชำระบัญชี: ยังไม่มีสิทธิฟ้องหากยังไม่ถูกเรียกร้องหนี้
ในเรื่องผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลตั้งในกรณีเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญมิได้จดทะเบียน ได้ทำคำชี้ขาดและทำบัญชีงบดุลย์ของหุ้นส่วนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ใดอื่นจะมาร้องขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงแก้ไขมิได้ เพราะยังไม่มีสิทธิโต้แย้งอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 กล่าวคือ ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดยังมิได้ถูกฟ้องเรียกหนี้ตามคำชี้ขาดหรือตามบัญชีแต่อย่างใด จึงไม่มีสิทธิที่จะมาร้องต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอดถอนผู้ชำระบัญชีเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ห้ามฎีกา
การวินิจฉัยว่า คดีมีเหตุควรจะถอดถอนผู้ชำระบัญชีหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอดถอนผู้ชำระบัญชีเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ห้ามฎีกา
การวินิจฉัยว่า คดีมีเหตุควรจะถอดถอนผู้ชำระบัญชีหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเลิกหุ้นส่วน-การตั้งผู้ชำระบัญชี: ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยไม่อุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
ฟ้องขอให้แสดงว่าห้างหุ้นส่วนเลิกกันและขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีนั้น เป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ กำหนดเป็นราคาเงินมิได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนขอให้ชำระบัญชีจำเลยที่ 1 ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหุ้นส่วน และว่าเป็นเจ้าของโรงมหรสพแต่ผู้เดียว เมื่อได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยครอบครองโรงมหรสพใน ฐานะเป็นผู้จัดการของหุ้นส่วนก็เป็นการสมควรที่จะต้องกล่าวคำวินิจฉัยให้แจ้งชัดตามประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยเองว่า จำเลยครอบครองในฐานะอันใดการกล่าวคำวินิจฉัยเช่นนี้หาใช่เป็นการวินิจฉัยเกินประเด็นไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกันและให้ตั้งผู้ชำระบัญชีศาลชั้นต้นพิพากษาว่าห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ทรัพย์สินของหุ้นส่วนเป็นกรรมสิทธิรวม จึงให้บังคับคดีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1364 โดยให้จัดการประมูลขายหรือขายทอดตลาดทรัพย์สิน แบ่งให้ผู้ถือหุ้นตามส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้ตั้งผู้ชำระบัญชีตาม ป.พ.พ.มาตรา 1061-1062-1063 ดังนี้ ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขศาลชั้นต้นแต่เพียงเล็กน้อย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญและการตั้งผู้ชำระบัญชี: ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยไม่อุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
ฟ้องขอให้แสดงว่าห้างหุ้นส่วนเลิกกันและขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีนั้นเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์กำหนดเป็นราคาเงินมิได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนขอให้ชำระบัญชีจำเลยที่ 1 ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหุ้นส่วน และว่าเป็นเจ้าของโรงมหรสพแต่ผู้เดียวเมื่อได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยครอบครองโรงมหรสพในฐานะเป็นผู้จัดการของหุ้นส่วนก็เป็นการสมควรที่จะต้องกล่าวคำวินิจฉัยให้แจ้งชัดตามประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยเองว่า จำเลยครอบครองในฐานะอันใดการกล่าวคำวินิจฉัยเช่นนี้หาใช่เป็นการวินิจฉัยเกินประเด็นไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกันและให้ตั้งผู้ชำระบัญชี ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้วทรัพย์สินของหุ้นส่วนเป็นกรรมสิทธิ์รวมจึงให้บังคับคดีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 โดยให้จัดการประมูลขายหรือขายทอดตลาดทรัพย์สิน แบ่งให้ผู้ถือหุ้นตามส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้ตั้งผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061,1062,1063 ดังนี้ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขศาลชั้นต้นแต่เพียงเล็กน้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 878/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน ต้องเป็นไปตามเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน
การตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนนั้น+เป็นไปตามเสียงข้างมาก+ผู้เป็นหุ้นส่วน+ศาลยุตติธรรม+อำนาจศาล+บังคับบุคคลภายนอก+ทำกิจโดยเขาไม่สมัคร+ได้ อำนาจเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์เสนอให้ตั้งเจ้าพนักงาน+ทรัพย์เป็นผู้ชำระ+ของห้างหุ้นส่วนนั้น+เจ้าพนักงานไม่ยอมรับ+มีกฎหมายบังคับเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้ชำระบัญชีหลังเลิกบริษัท และการเรียกค่าหุ้นค้างชำระ
บริษัทที่ ๆ ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิกกันแล้วนั้นยังพึงถือว่าคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีผู้ชำระบัญชีบริษัทมีอำนาจดำเนิรกิจการของบริษัทตามความจำเป็นได้ ตลอดจนการแก้ต่างว่าต่างในนามของบริษัทในทางอรรถคดีทั้งแพ่งแลอาชญาด้วย ผู้ชำระบัญชีบริษัทที่เลิกกันแล้วมีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระจากผู้ถือหุ้นได้ แลไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ถือหุ้นนั้นทราบว่าเหตุใดจึงเรียกให้ชำระเงินค่าหุ้นที่ค้างนั้น พะยาน เมื่อหลักฐานที่อ้างเป็นพะยานโดยชอบแล้ว ปัญหาที่ศาลจะเชื่อพะยานฝ่ายใดเป็นข้อที่ศาลวินิจฉัยชั่งน้ำหนักจากคำพะยานเหล่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 40/2475

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญายอมความมีเงื่อนไข: การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีเมื่อเงื่อนไขไม่เป็นไปตามที่ตกลง
วิธีพิจารณาแพ่ง สัญญายอมความเงื่อนไข

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1198/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้ชำระบัญชีในการวินิจฉัยสถานะลูกหนี้: หุ้นส่วนหรือเจ้าหนี้
ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจเพียงใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8785/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ชำระบัญชีละเว้นการชำระภาษีค้างชำระ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายและดอกเบี้ยได้
โจทก์ประสงค์จะฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะผู้ชำระบัญชีของจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 กระทำการตามที่โจทก์ฟ้อง การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ชำระบัญชี เป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ชำระบัญชีโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดในความเสียหายที่ทำให้โจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระ แต่ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ชำระบัญชีของจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดไม่เกินกว่าเงินสดคงเหลือที่จำเลยที่ 1 มีอยู่ในวันจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เป็นเงิน 1,927,770.08 บาท และเนื่องจากจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ยอมรับผิดจะชำระภาษีและเบี้ยปรับมาตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนเลิกบริษัท เมื่อเจ้าพนักงานส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มให้จำเลยที่ 1 ทราบโดยชอบเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 โดยในหนังสือแจ้งการประเมินระบุให้นำเงินมาชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ชำระบัญชีของจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,927,770.08 บาท นับแต่วันพ้นกำหนดให้ชำระเงินภาษีตามหนังสือแจ้งการประเมินคือนับแต่วันที่ 10 กันยายน 2554 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
of 16