คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พฤติการณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการล้างมลทินทางวินัย: ไม่ลบล้างพฤติการณ์กระทำผิดเดิม
พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา60พรรษาพ.ศ.2530มาตรา5ตอนท้ายที่ระบุว่าโดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้นๆหมายความเพียงว่าผู้ที่ถูกลงโทษทางวินัยไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยเท่านั้นหาได้หมายความว่าความประพฤติหรือการกระทำที่เป็นเหตุให้บุคคลนั้นถูกลงโทษทางวินัยลบล้างไปด้วยไม่ กรมที่ดินมีคำสั่งลงโทษทางวินัยให้ปลดโจทก์ออกจากราชการฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาพระราชบัญญัติล้างมลทินฯดังกล่าวมีผลเพียงให้ถือว่าโจทก์ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยให้ปลดออกจากราชการเท่านั้นแต่การกระทำหรือความประพฤติของโจทก์ที่ไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่หรืออื่นๆไม่ได้ถูกลบล้างไปด้วยการที่คณะกรรมการช่างรังวัดเอกชนเห็นว่าการกระทำของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้รับการล้างมลทินและเป็นการขาดคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติช่างรังวัดเอกชนฯมาตรา19(7)ที่ว่าไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6382/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาคำขอพิจารณาใหม่: การพิจารณาพฤติการณ์นอกเหนือความสามารถในการยื่นคำขอภายในกำหนด
โจทก์ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยที่ 1 โดยปิดหมายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2537 ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในวันที่ 7 กรกฎาคม 2537 แม้ทนายจำเลยที่ 1 จะยื่นคำร้องต่อศาลขอคัดเอกสารเกี่ยวกับคดีและเพิ่งได้รับเอกสารที่ขอคัดนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2537 ก็ตามก็ยังมีเวลาอีก 6 วัน ที่จำเลยที่ 1 สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยที่ 1 ได้ กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวอันจะทำให้มีสิทธิยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ได้สิ้นสุดลง เพราะตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคหนึ่ง กรณีจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ได้สิ้นสุดลงได้ นอกจากต้องมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้แล้วยังต้องเป็นกรณีที่ไม่สามารถยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยที่ 1 ได้ด้วย กรณีของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อเป็นดังนี้จำเลยที่ 1 ต้องยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 7 กรกฎาคม 2537 การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำขอในวันที่ 15 กรกฎาคม 2537จึงล่วงพ้นกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: พฤติการณ์ช่วยเหลือพาข้ามแดน-รับเงิน จี้ความรู้เจตนาจากเหตุแวดล้อม
การกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้นเป็นการยากที่จะนำสืบด้วยประจักษ์พยาน จึงจำเป็นต้องอาศัยเหตุผลจากกรณีแวดล้อมและพิรุธแห่งการกระทำการที่จำเลยที่1ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ด่านทหารไทยและทหาร กัมพูชาแล้วพาคนร้ายนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อข้ามแดนไปขายในประเทศ กัมพูชาโดยไม่มีการจดทะเบียนและต้องจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ด่านชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่1รู้อยู่แล้วว่ารถยนต์บรรทุกสิบล้อที่จำเลยที่1ช่วยพาไปจำหน่ายนั้นเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดการกระทำของจำเลยที่1จึงเป็นความผิดฐานรับ ของโจร แม้คำให้การในชั้นสอบสวนจะเป็น พยานบอกเล่า แต่ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนบันทึกคำให้การของ ส. ไว้โดยไม่ถูกต้องและคำให้การของผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในชั้นสอบสวนก็ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังประกอบพยานอื่นทั้งได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุเพียง5วันคำให้การชั้นสอบสวนของ ส. จึงมีน้ำหนักรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5587/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจของศาลในการรอการลงโทษคดีทำลายทรัพยากรธรรมชาติ พิจารณาจากความร้ายแรงแห่งคดีและพฤติการณ์ของผู้กระทำผิด
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดโดยไม่ได้บรรยายว่าการกระทำของจำเลยร้ายแรงอย่างไรแต่ในฎีกากลับอ้างว่าจำเลยทำลายป่าสงวนแห่งชาติและทำให้เสื่อมสภาพอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นความผิดที่ร้ายแรงทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวงสมควรได้รับการลงโทษในสถานหนักโดยไม่รอการลงโทษจำคุกจึงเป็นการคาดคะเนของโจทก์เองซึ่งอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้และไม่ปรากฎว่าจำเลยมีพฤติการณ์ว่าเคยกระทำความผิดทำนองเดียวกันนี้มาก่อนการกระทำของจำเลยไม่ร้ายแรงนักที่ศาลรอการลงโทษจำคุกจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายพฤติการณ์การกระทำความผิดเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักยาปราบวัชพืช15 ลัง ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกร่วมกันรับของโจรยาปราบวัชพืช 13 ลัง ของผู้เสียหายไว้ คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมิได้มีข้อความใดระบุยืนยันหรือทำให้เข้าใจได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรเลยเพียงแต่บรรยายข้อเท็จจริงที่ปรากฏเพื่อให้ศาลวินิจฉัยเลือกลงโทษตามที่ศาลจะฟังข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์ คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและราย-ละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4753/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: เจตนาและพฤติการณ์การสับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ที่บ่งชี้ถึงความรู้ว่าทรัพย์สินนั้นถูกลักมา
ในวันเกิดเหตุลักรถจักรยานยนต์ของกลาง ก.ได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปพบจำเลยที่ 3 ที่คิวรถและบอกขายเครื่องยนต์ของรถคันดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 3 ทราบดีว่าเครื่องยนต์ที่ตนรับซื้อไว้ไม่ใช่ของ ก.ผู้บอกขายหากแต่เป็นของบุคคลอื่น ทั้งสถานที่บอกขายก็มิใช่สถานที่มีการขายและขายในราคาต่ำแต่จำเลยที่ 3 ยังรับซื้อและนำไปให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ช่วยกันถอดเปลี่ยนตัว-เครื่องยนต์เพื่อสับเปลี่ยนกับรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 3 ซึ่งทำให้หมายเลขตัวเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันมีหมายเลขไม่ตรงกับรายการจดทะเบียนในสมุดคู่มือจดทะเบียน แม้ต่อมาภายหลังจำเลยทั้งสามจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางและของจำเลยที่ 3 ไปถอดตัวเครื่องยนต์และชิ้นอุปกรณ์อื่นที่บริเวณหน้าบ้านจำเลยที่ 1เป็นที่เปิดเผยก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 เคยรับจ้างซ่อมรถจักรยานยนต์ที่บริเวณหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 ย่อมทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้ว่าการถอดตัวเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์อื่นในคราวเกิดเหตุนี้เป็นการซ่อมรถจักรยานยนต์อย่างที่จำเลยที่ 1เคยรับจ้างมาก็เป็นได้ พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อตัวเครื่องยนต์แล้วนำไปจ้างให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ถอดเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลย-ทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4753/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยร่วมกันรับซื้อและสับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมย แม้แสดงเจตนาบริสุทธิ์ แต่พฤติการณ์บ่งชี้ความผิดฐานรับของโจร
ในวันเกิดเหตุลักรถจักรยานยนต์ของกลาง ก. ได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปพบจำเลยที่ 3 ที่คิวรถและบอกขายเครื่องยนต์ของรถคันดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3ซึ่งจำเลยที่ 3 ทราบดีว่าเครื่องยนต์ที่ตนรับซื้อไว้ไม่ใช่ของ ก. ผู้บอกขายหากแต่เป็นของบุคคลอื่น ทั้งสถานที่บอกขายก็มิใช่สถานที่มีการขายและขายในราคาต่ำแต่จำเลยที่ 3 ยังรับซื้อและนำไปให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ช่วยกันถอดเปลี่ยนตัวเครื่องยนต์เพื่อสับเปลี่ยนกับรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 3 ซึ่งทำให้หมายเลขตัวเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันมีหมายเลขไม่ตรงกับรายการจดทะเบียนในสมุดคู่มือจดทะเบียน แม้ต่อมาภายหลังจำเลยทั้งสามจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางและของจำเลยที่ 3 ไปถอดตัวเครื่องยนต์และชิ้นอุปกรณ์อื่นที่บริเวณหน้าบ้านจำเลยที่ 1 เป็นที่เปิดเผยก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 เคยรับจ้างซ่อมรถจักรยานยนต์ที่บริเวณหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 ย่อมทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้ว่าการถอดตัวเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์อื่นในคราวเกิดเหตุนี้เป็นการซ่อมรถจักรยานยนต์อย่างที่จำเลยที่ 1 เคยรับจ้างมาก็เป็นได้ พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อตัวเครื่องยนต์แล้วนำไปจ้างให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ถอดเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3093/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษสำหรับความผิดน้ำหนักบรรทุกเกินกำหนด พิจารณาจากพฤติการณ์และโอกาสให้กลับตัว
แม้ความผิดฐานขับรถบรรทุกน้ำมันเกินอัตราที่จำเลยก่อขึ้นจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยส่วนรวมดังที่โจทก์ฎีกาแต่ความเสียหายดังกล่าวก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นโดยพลันทันทีไม่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดใดๆมาก่อนย่อมน่าจะให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไปที่ศาลอุทธรณ์ภาค2พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำคุกและปรับแต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้โดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติด้วยจึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้วส่วนที่ศาลฎีกาเคยพิพากษาลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษในคดีเช่นเดียวกันก็เป็นดุลพินิจเฉพาะในแต่ละคดีจะถือเอามาเป็นบรรทัดฐานสำหรับคดีนี้หรือคดีอื่นๆหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ครอบครองอาวุธปืนไทยประดิษฐ์และกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาให้รอการลงโทษโดยคำนึงถึงครอบครัวและพฤติการณ์
อาวุธปืนของกลางเป็นเพียงอาวุธปืนพกชนิด ไทยประดิษฐ์ส่วนกระสุนปืนแม้เป็นชนิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้แต่ก็มีเพียง1นัดไม่ปรากฏว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางและกระสุนปืนไปประกอบอาชญากรรมหรือกระทำการอันมิชอบกลับได้ความว่าจำเลยมีครอบครัวและมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดาและมีความประพฤติดีสมควรปรานีเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีแต่ควรวางโทษปรับด้วยเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและมิให้กลับไปก่อความผิดใดๆขึ้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และบาดแผล
ผู้เสียหายกับพวกและจำเลยกับพวกดื่มสุราด้วยกัน แล้วมีปากเสียงกัน มีคนเข้าห้ามปราม จึงแยกย้ายกันไป หลังจากนั้นเมื่อพบกันมีการปรับความเข้าใจและมีปากเสียงกันอีก ผู้เสียหายตบจำเลยที่บริเวณท้ายทอย1 ที พฤติการณ์ดังกล่าวไม่ร้ายแรงถึงกับจะต้องเอาชีวิตกัน ประกอบกับจำเลยแทงผู้เสียหายในทันทีนั้นเพียง 1 ครั้ง แล้วหลบหนีไปโดยไม่ได้แทงซ้ำอีก แม้จะแทงบริเวณหน้าอกข้างขวาใต้ราวนมอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย แต่บาดแผลของผู้เสียหายมีเพียงเลือดออกในผนังหน้าอก ไม่ได้ลึกถึงอวัยวะสำคัญแสดงว่าจำเลยไม่ได้แทงอย่างแรง กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายต้องพักรักษาตัวเกินกว่า 20 วัน จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 297 (8)
การที่ผู้เสียหายตบจำเลยที่บริเวณท้ายทอย 1 ที ยังไม่พอจะถือว่าเป็นการหยามหน้ากัน อันเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมที่จำเลยใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เพราะเหตุบันดาลโทสะ
of 79