พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3557/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การสนับสนุนการกระทำผิดและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โจทก์บรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนถึงขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุและกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา84ทั้งพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองยังเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามมาตรา86อีกด้วยเมื่ออ่านฟ้องทั้งฉบับแล้วจะเข้าใจข้อหาได้ดีฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3470/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาลและการฟ้องอาญา – การเบียดบังเงิน, ข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายไม่ถือเป็นการยอมความ
คดียักยอกโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นกรรมเดียวโดยระบุไว้ว่า จำเลยได้รับเงินจำนวนตามฟ้องตั้งแต่วันใดถึงวันใดแล้วจำเลยเบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวไปอันเป็นการชัดเจนพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าจำเลยได้เบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวไปในระหว่างวันที่โจทก์ได้ระบุไว้ในคำฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเป็นหลายกระทงความผิดตามจำนวนเงินที่จำเลยรับแต่ละครั้ง จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายในคำฟ้องให้ปรากฏว่าจำเลยรับเงินกี่ครั้งครั้งละเท่าใดคำฟ้องของโจทก์เป็นการครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เหตุเกิดที่สำนักงานของโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ทั้งจำเลยที่ 2 ก็มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร และโจทก์มิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน การที่โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงชลบุรีจึงเป็นการฟ้องผิดเขตอำนาจศาล เช่นนี้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
เอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าจำเลยที่ 1 ตกลงจะชดใช้เงินของโจทก์ที่ขาดไปเท่านั้น ไม่มีข้อความใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ตกลงเลิกหรือระงับการดำเนินคดีอาญากับจำเลยที่ 1 แต่ประการใด ข้อตกลงตามเอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงตกลงที่ชดใช้ค่าเสียหายกันในทางแพ่งเท่านั้น มิใช่เป็นการยอมความอันมีผลให้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาของโจทก์ต้องระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)
จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เหตุเกิดที่สำนักงานของโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ทั้งจำเลยที่ 2 ก็มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร และโจทก์มิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน การที่โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงชลบุรีจึงเป็นการฟ้องผิดเขตอำนาจศาล เช่นนี้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
เอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าจำเลยที่ 1 ตกลงจะชดใช้เงินของโจทก์ที่ขาดไปเท่านั้น ไม่มีข้อความใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ตกลงเลิกหรือระงับการดำเนินคดีอาญากับจำเลยที่ 1 แต่ประการใด ข้อตกลงตามเอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงตกลงที่ชดใช้ค่าเสียหายกันในทางแพ่งเท่านั้น มิใช่เป็นการยอมความอันมีผลให้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาของโจทก์ต้องระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3467/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาเช็ค: วันที่ปฏิเสธการจ่ายเงินจากเอกสารท้ายฟ้อง
คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวไว้โดยตรงว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามกฎหมายใบคืนเช็คเอกสารท้ายฟ้องซึ่งในเอกสารดังกล่าวมีวัน เดือน ปี ระบุไว้ให้เห็นเป็นการชัดเจนว่า ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อใด เอกสารท้ายฟ้องนั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องจึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวถึงวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันที่การกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3426/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งรื้อถอนอาคารผิดกฎหมายเป็นของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องอาญาเท่านั้น
อำนาจในการสั่งให้รื้อถอนอาคารในกรณีที่มีผู้ต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เป็นอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 40 และ 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ฐานะของผู้เสียหายตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมีเพียงสิทธิในการดำเนินคดีในทางอาญาต่อผู้กระทำความผิดเท่านั้น ผู้เสียหายดังกล่าวหามีอำนาจที่จะฟ้องบังคับจำเลยเพื่อให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมผิดกฎหมายอันเป็นอำนาจหน้าที่ในทางแพ่งโดยเฉพาะของเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญาและขอบเขตความรับผิดในคดีความเสียหายร่วมกัน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจ กรรโชกให้ผู้เสียหายมอบเนื้อกระบือชำแหละแล้ว 140 กิโลกรัม ให้แก่จำเลยกับพวก มิฉะนั้น จำเลยกับพวกจะยึดเนื้อกระบือชำแหละแล้ว 500 กิโลกรัม ไปตรวจสอบอันจะเป็นเหตุให้เนื้อดังกล่าวเสียหาย และจะจับกุมผู้เสียหาย กับพวกทำให้ปราศจากเสรีภาพ ผู้เสียหายกับพวกจึงยอมมอบเนื้อ140 กิโลกรัมให้จำเลยกับพวกไป เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงที่เป็นการกระทำของจำเลยที่กระทำต่อผู้เสียหายโดยละเอียดครบถ้วนในลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 337 แล้ว ทั้งบทบัญญัติแห่งกฎหมาย 2 มาตราดังกล่าวก็ไม่ได้ระบุองค์ประกอบความผิดว่าผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริตด้วย คำบรรยายฟ้องจึงชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องและได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายคิดเป็นเงิน 6,000 บาท กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 432 คือจำเลยกับพวกต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น คำว่า 'ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน' หมายความว่า แต่ละคนจะต้องชำระหนี้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง อันมีฐานะเช่นเดียวกับลูกหนี้ร่วม
ฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องและได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายคิดเป็นเงิน 6,000 บาท กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 432 คือจำเลยกับพวกต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น คำว่า 'ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน' หมายความว่า แต่ละคนจะต้องชำระหนี้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง อันมีฐานะเช่นเดียวกับลูกหนี้ร่วม
ฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551-2554/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาเช็ค และเอกสารเคลียร์หนี้ไม่ใช่การยอมความ
คำบรรยายฟ้องเกี่ยวกับความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น ไม่จำต้องระบุว่า จำเลยนำเช็คไปแลกเงินสดจากโจทก์ที่ไหน เมื่อใด เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับความเป็นมาของมูลหนี้ในทางแพ่ง ซึ่งอาจจะต้องนำสืบชั้นพิจารณา เมื่อมีข้อต่อสู้ของจำเลย ดังนี้ การที่โจทก์มิได้ระบุถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม
ข้อตกลงกันในเรื่องหนี้สิน ไม่มีความตอนใดในเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คู่กรณีมีเจตนาที่จะให้ระงับความผิดทางอาญาด้วยแต่อย่างใด ข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่ใช่การยอมความที่จะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ข้อตกลงกันในเรื่องหนี้สิน ไม่มีความตอนใดในเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คู่กรณีมีเจตนาที่จะให้ระงับความผิดทางอาญาด้วยแต่อย่างใด ข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่ใช่การยอมความที่จะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องอาญา: การนับระยะเวลาเริ่มเมื่อใด และผลของการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้าม
ปัญหาที่ว่าอายุความเริ่มนับเมื่อใด เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ปัญหาที่ว่าโจทก์ทราบมูลเหตุแห่งคดีนี้และรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่เมื่อใด เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ดังนั้น ย่อมไม่มีข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์โดยชอบ โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหาได้ไม่ แม้จะมีผู้พิพากษาที่ลงชื่อในศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ก็ตาม
เมื่อคดีขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง
เมื่อคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ดังนั้น ย่อมไม่มีข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์โดยชอบ โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหาได้ไม่ แม้จะมีผู้พิพากษาที่ลงชื่อในศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ก็ตาม
เมื่อคดีขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายเวลาเกิดเหตุที่ไม่จำเป็นหากไม่ใช่สาระสำคัญของความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2525 เวลากลางวัน โดยร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอมด้วยการกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นวันเวลาเกิดเหตุส่วนโจทก์จะลงชื่อในใบมอบอำนาจดังกล่าวเมื่อใด และมอบให้จำเลยที่ไหน เมื่อวันเวลาใดนั้น มิใช่วันเวลาที่จำเลยกับพวกกระทำผิด จึงหาใช่สาระสำคัญไม่ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในฟ้อง ฟ้องของโจทก์ย่อมสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายวันเวลาเกิดเหตุที่ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดทั้งหมด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดเมื่อวันที่10 มีนาคม 2525 เวลากลางวันโดยร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอม ด้วยการกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อ เป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้วซึ่งถือว่า เป็นวันเวลาเกิดเหตุส่วนโจทก์ จะลงชื่อในใบมอบอำนาจดังกล่าวเมื่อใดและมอบให้จำเลยที่ไหน เมื่อวันเวลาใดนั้นมิใช่วันเวลาที่จำเลยกับพวกกระทำผิดจึงหาใช่สาระสำคัญไม่โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในฟ้องฟ้องของโจทก์ ย่อมสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาเช็คต้องระบุวันปฏิเสธการจ่ายเงินชัดเจน หากฟ้องไม่สมบูรณ์แก้ไขไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โดยบรรยายฟ้องแต่เพียงวันเดือนปีที่จำเลยออกเช็ค และบรรยายต่อไปว่า เมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่าย โจทก์นำไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งไม่อาจชี้ชัดหรือคาดคะเนได้ว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินวันใด เป็นฟ้องที่ไม่ปรากฏวันที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
การขอแก้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 นั้น ฟ้องเดิมจะต้องสมบูรณ์อยู่แล้ว หากมีข้อที่จะต้องแก้หรือเพิ่มเติมอีก ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ฟ้องเดิมไม่สมบูรณ์ แต่โจทก์มาขอแก้ให้สมบูรณ์เช่นนี้หาได้ไม่
การขอแก้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 นั้น ฟ้องเดิมจะต้องสมบูรณ์อยู่แล้ว หากมีข้อที่จะต้องแก้หรือเพิ่มเติมอีก ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ฟ้องเดิมไม่สมบูรณ์ แต่โจทก์มาขอแก้ให้สมบูรณ์เช่นนี้หาได้ไม่