พบผลลัพธ์ทั้งหมด 468 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาผู้กระทำผิด, เหตุผลแวดล้อม, พยานหลักฐานไม่ชัดเจน, ยกประโยชน์แห่งความสงสัย, ริบของกลาง
การที่จะค้นหาเจตนาของจำเลยว่ารู้หรือไม่ว่าหนังสือรับรองความประพฤติทั้ง 20 ฉบับ เป็นเอกสารปลอม จำเป็นจะต้องอาศัยเหตุผลกรณีแวดล้อมและพิรุธแห่งการกระทำเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลย จำเลยเรียนจบชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ในระหว่างที่จำเลยทำงานอยู่ที่บริษัทพ. จำเลยมีหน้าที่เพียงเป็นผู้ส่งหนังสือ ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 2,000 บาท สภาพหรือฐานะของจำเลยเป็นเพียงเด็กรับใช้หรือนักการภารโรง คงไม่มีโอกาสรู้ถึงนโยบายการบริหารงานของบริษัทและไม่รู้ว่าหนังสือรับรองความประพฤติซึ่งพิมพ์ด้วยภาษาอังกฤษทั้งฉบับเป็นเอกสารอันแท้จริงหรือเป็นเอกสารปลอม ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การยืนยันมาโดยตลอดว่า น. เจ้าหน้าที่บริษัท พ. เป็นผู้วานให้จำเลยนำหนังสือรับรองความประพฤติไปให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยรับรอง โดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นเอกสารปลอม ยิ่งกว่านั้นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบริษัท พ. ได้พบใบรับรองความประพฤติปลอมอีก 18 ฉบับในตู้เก็บเอกสารของ น.ซึ่งหลบหนีไปแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง แต่หนังสือรับรองความประพฤติปลอมเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด สมควรให้ริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการริบและทำลายของกลาง ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาทริบของกลาง และให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าศาลสั่งริบและทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลางไม่ได้ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งริบอาวุธปืน: ปืนมีทะเบียนใช้ทำผิดได้ริบหรือไม่ พิจารณาจากพฤติการณ์
จำเลยพาอาวุธปืนของจำเลยที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ ไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้พกติดตัวไป และยิงปืนในหมู่บ้านเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ และ ป.อ.มาตรา 371,376, อาวุธปืนเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิด หรือทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจ หรืออำนาจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ก็ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3000/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบอาชีพเร่ขายสินค้าของคนต่างด้าวที่ขัดต่อกฎหมาย และอำนาจการริบของกลาง
จำเลยเป็นคนต่างด้าว ไม่มีทางที่จะได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพเร่*ขายสินค้าได้เลย ตาม พ.ร.บ. การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521ประกอบ พ.ร.ฎ.กำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำพ.ศ. 2522 แต่จำเลยได้เร่*ขายแผ่นพลาสติกไปตามถนนสาธารณะการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดเพราะฝ่าฝืนกฎหมายที่กำหนดไว้ในตัว ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาตแผ่นพลาสติกสำหรับปูโต๊ะของกลาง ที่จำเลยมีไว้ใช้ในการกระทำผิดจึงเป็นของควรริบ ตาม ป.อ. มาตรา 33.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3000/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดของคนต่างด้าวที่เร่ขายสินค้าซึ่งเป็นงานที่ห้ามโดยกฎหมาย และอำนาจการริบของกลาง
ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 ประกอบพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำพ.ศ. 2522 บัญญัติให้งานเร่ขายสินค้าเป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำเป็นการค้าหรือหารายได้โดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักรจำเลยจึงไม่มีทางที่จะได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพเร่ขายสินค้าได้เลยถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดเพราะฝ่าฝืนกฎหมายที่กำหนดไว้ในตัวไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาต แผ่นพลาสติกสำหรับปูโต๊ะของกลางที่จำเลยเร่ขาย จึงเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ศาลมีอำนาจสั่งให้รับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2804/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งการริบของกลางในคดีสัตว์ป่าคุ้มครอง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยและริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาว่าไก่ฟ้าและนกหว้า ของกลางเดิมจำเลยมีไว้ในครอบครองประเภทละ 2 ตัวซึ่งชอบด้วยกฎหมายต่อมาสัตว์ดังกล่าวได้ขยายพันธุ์จนมีจำนวนตามฟ้องลูกของสัตว์ป่าเหล่านั้นหาใช่สัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมาย จึงมิใช่ทรัพย์ที่จะริบได้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพว่ามีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครอง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2804/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งการริบของกลางสัตว์ป่าคุ้มครองที่เกิดจากการขยายพันธุ์ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย 700 บาท ริบของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า สัตว์ป่าของกลางเดิมจำเลยมีไว้ในครอบครองประเภทละ 2 ตัวซึ่งชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาสัตว์ดังกล่าวได้ขยายพันธุ์จนมีจำนวนตามฟ้อง ลูกของสัตว์ป่าเหล่านั้นหาใช่สัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายไม่จึงมิใช่ทรัพย์ที่จะริบได้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยรับสารภาพว่าจำเลยมีสัตว์ป่าคุ้มครองจำนวนทั้งหมดตามฟ้องไว้ในความครอบครองจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางจากสัตว์ป่าขยายพันธุ์: ข้อโต้แย้งเรื่องสถานะสัตว์คุ้มครองและการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี และริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า ของกลางในคดีนี้เดิมจำเลยมีไว้ในครอบครองจำนวนอย่างละ 2 ตัว ซึ่งชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาสัตว์ได้ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติจนมีจำนวนตามฟ้อง ลูกของสัตว์ป่าดังกล่าวหาใช่สัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 ไม่ จึงมิใช่ทรัพย์ที่จะริบได้ อันเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ฟังได้ตามคำรับสารภาพของจำเลยแล้วว่าจำเลยมีสัตว์ป่าคุ้มครองในจำนวนทั้งหมดตามฟ้องไว้ในครอบครอง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ: ข้อจำกัดการริบของกลาง และการแก้ไขบทมาตราที่อ้าง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี และริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า ของกลางในคดีนี้เดิมจำเลยมีไว้ในครอบครองจำนวนอย่างละ 2 ตัว ซึ่งชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาสัตว์ได้ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติจนมีจำนวนตามฟ้อง ลูกของสัตว์ป่าดังกล่าวหาใช่สัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2503 ไม่ จึงมิใช่ทรัพย์ที่จะริบได้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ฟังได้ตามคำรับสารภาพของจำเลยแล้วว่าจำเลยมีสัตว์ป่าคุ้มครองในจำนวนทั้งหมดตามฟ้องไว้ในครอบครอง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาให้ริบและทำลายของกลางในคดีสิ่งแวดล้อม: การอุทธรณ์และฎีกาที่ไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน และปรับ 5,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติจำเลยริบของกลาง และให้ทำลายปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ของกลางศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีย่อมต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าไม่สมควรริบและทำลายลานปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ของกลางอันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว.