พบผลลัพธ์ทั้งหมด 275 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเลี่ยงภาษี การยื่นแบบไม่ครบถ้วนแตกต่างจากไม่ยื่นเลย ศาลยกฟ้องตามหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า (ภ.ด.(พ) 4) ทำให้ภาษีการค้าขาดไป ไม่ใช่กรณียื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้าแล้วยื่นไม่ครบแต่ประการใด แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ศาลลงโทษจำเลยในกรณีความผิดที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรอันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ทวิ หาใช่กรณีที่หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรโดยการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้าอันเป็นเท็จโดยวิธียื่นขาดไปไม่ครบถ้วน ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 37 ไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ยื่นเสียภาษีการค้าตลอดมาทุกเดือน เพียงแต่บางเดือนจำเลยยื่นไม่ครบ บางเดือนก็ยื่นเกินกว่ารายรับ จึงเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญที่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยมิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำคดีอาญาเดิม ศาลยกฟ้องตามหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าเปรียบเทียบปรับ ร. โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อช่วย ร. ให้รับโทษน้อยลง คดีแรกโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขัดข้องไม่ส่งสำนวนการสอบสวนต่อศาล คดีหลัง โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเปรียบเทียบปรับโดยไม่มีอำนาจ คดีหลังนี้โจทก์ฟ้องระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีแรก ดังนี้ อนุโลมใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ได้ เป็นฟ้องซ้อน ศาลไม่รับฟ้องคดีหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-57/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: คดีแรกเรียกค่าเสียหาย คดีหลังเรียกคืนเงินค่ารถ ศาลยกฟ้องคดีหลัง
โจทก์และจำเลยทำสัญญาแลกเปลี่ยนรถยนต์กัน จำเลยผิดสัญญา โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีแรก ในระหว่างพิจารณาคดีแรก โจทก์มาฟ้องคดีหลังให้จำเลยคืนเงินค่ารถยนต์อีก โดยที่โจทก์อาจขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคารถรวมมาในคดีแรกได้ คดีหลังจึงเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 (1) แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเพื่อยกฟ้องโจทก์ในคดีหลังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทต่างจากฟ้อง: ศาลยกฟ้องได้ตามกฎหมาย แม้ไม่เคยยกขึ้นในชั้นต้น
ปัญหาว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องในข้อสารสำคัญให้ศาลต้องยกฟ้องหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยหรือศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรค 2 แม้จะมิได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์เฉพาะกระทง ศาลยกฟ้องเฉพาะกระทงที่อุทธรณ์ กระทงที่ไม่ได้รับการอุทธรณ์คำพิพากษาเดิมยังคงมีผล
ศาลลงโทษจำเลย 2 กระทง จำเลยอุทธรณ์กระทงเดียวศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องกระทงที่ไม่มีอุทธรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: คดีซื้อขายที่ดินระหว่างการพิจารณาคดีเดิม ศาลยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
โจทก์เคยฟ้องหาว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมให้โจทก์ไถ่ถอนหรือซื้อที่ดินคืน ขอให้บังคับจำเลยรับการไถ่ถอนหรือขายที่ดินคืนคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ยังไม่ถึงที่สุด โจทก์ได้มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ หาว่าจำเลยผิดสัญญาจะขายที่ดินโฉนดเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องคดีก่อน และขอให้บังคับจำเลยขายที่ดินให้ จึงเห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ในเรื่องอันเดียวกันต่อศาลเดียวกันในขณะที่คดีก่อนอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฟ้องซ้อนอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา173
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเท็จต้องระบุรายละเอียดชัดเจน หากฟ้องไม่ชัดเจน ศาลยกฟ้องได้
เมื่อข้อความในฟ้องของจำเลยที่โจทก์กล่าวหาในคดีนี้ว่าเป็นฟ้องเท็จ มีข้อความยืดยาว มิได้เป็นเท็จไปทั้งหมดและโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่าข้อความที่จำเลยฟ้องกล่าวหาโจทก์กระทำผิดนั้น เป็นเท็จอย่างไร ฟ้องของโจทก์ย่อมไม่พอจะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลยกฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีใดว่าลูกหนี้จะต้องรับผิดเพียงใด ย่อมเป็นเรื่องที่คู่ความจะต้องดำเนินการในคดีนั้นเพื่อขอคำวินิจฉัยจากศาล แม้คดีนั้นจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แต่ในชั้นบังคับคดี เมื่อมีเหตุอันควรสงสัย คู่ความก็ยังมีสิทธิขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาได้
การที่โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนกลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนเกี่ยวกับหนี้จำนองซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรับชำระหนี้รายเดียวกันนั้นอีก ย่อมเป็นฟ้องซ้ำเพราะเป็นคู่ความเดียวกัน และศาลต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นอื่น และสละประเด็นข้อฟ้องซ้ำเมื่อศาลเห็นสมควรก็ยังมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปได้
การที่โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนกลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนเกี่ยวกับหนี้จำนองซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรับชำระหนี้รายเดียวกันนั้นอีก ย่อมเป็นฟ้องซ้ำเพราะเป็นคู่ความเดียวกัน และศาลต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นอื่น และสละประเด็นข้อฟ้องซ้ำเมื่อศาลเห็นสมควรก็ยังมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีอาญาต้องยึดตามฟ้อง หากข้อเท็จจริงในชั้นพิจารณาไม่ตรงกับที่โจทก์กล่าวอ้าง ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า วันเกิดเหตุเวลากลางคืน จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายแล้วร่วมกันชกต่อยเตะผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295,365, 83 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกเกิดชกต่อยกับผู้เสียหายและพวกที่หน้ากองดุริยางค์กรมตำรวจ เมื่อมีคนมาห้ามก็เลิกชกต่อยกัน และเหตุการณ์ก็ยุติลงแค่นั้น ตามฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหะสถานของผู้เสียหายแล้วทำร้ายผู้เสียหาย อันเป็นการกระทำคนละตอน ต่างกรรม ต่างวาระเมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยกับพวกได้บุกรุกเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายอีกดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องก็ต้องยกฟ้องโจทก์ จะถือเอาการที่จำเลยต่อยกับผู้เสียหายที่หน้ากองดุริยางค์มาลงโทษจำเลยหาได้ไม่เพราะต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คู่ความเดิมฟ้องเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงเดิมซ้ำอีก ศาลยกฟ้อง
จำเลยคดีนี้ เคยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยมาแล้ว คดีถึงที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยคดีนี้(โจทก์ในคดีก่อน) แล้ว โจทก์มารื้อฟื้นฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันนี้อีก เป็นฟ้องซ้ำ