พบผลลัพธ์ทั้งหมด 228 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยพยานหลักฐานจากสำนวนคดีอาญาในคดีแพ่ง ศาลต้องพิจารณาตามกฎหมาย
โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างสำนวนคดีอาญาเป็นพยานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 สำนวนคดีอาญาดังกล่าวจึงเป็นพยานหลักฐานที่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)ที่จะต้องได้รับการวินิจฉัย การที่ศาลยกฟ้องโจทก์โดยไม่วินิจฉัยพยานหลักฐานในสำนวนคดีอาญานั้นจึงเป็นการไม่ชอบ
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดกฎหมาย และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่แทนข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(3),247 ข้อเท็จจริงนี้ย่อมมีผลถึงโจทก์อื่นซึ่งต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดกฎหมาย และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่แทนข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(3),247 ข้อเท็จจริงนี้ย่อมมีผลถึงโจทก์อื่นซึ่งต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยคำว่า 'กระหรี่ที่ดิน' แม้ไม่ระบุรายละเอียดก็ถือเป็นคำหมิ่นประมาทได้ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยความเสียหายเอง
ผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาทได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ได้ทำการสอบสวนปากคำผู้เสียหายและพยานอีกปากหนึ่ง โดยยังไม่ได้ทำบันทึกการมอบคดีและลงบันทึกประจำวัน พนักงานสอบสวนผู้นั้นก็ได้ย้ายไปรับราชการที่อื่นต่อมาพนักงานสอบสวนคนใหม่มาทำการสอบสวนต่อจึงได้ทำบันทึกการมอบคดีและบันทึกประจำวันขึ้นดังนี้ หาทำให้การสอบสวนที่ได้กระทำไปแล้วนั้นเสียไปไม่ เพราะเมื่อผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ย่อมมีอำนาจทำการสอบสวนได้แล้วโดยไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง โจทก์ซึ่งมีอำนาจฟ้อง
จำเลยพูดถึงผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงทำงานอยู่ที่สำนักงานที่ดินอำเภอว่ากระหรี่ที่ดิน คำว่า "กระหรี่" หมายความว่าหญิงนครโสเภณีหรือหญิงค้าประเวณี แม้จำเลยจะไม่ได้กล่าวรายละเอียดว่าค้าประเวณีกับใครประพฤติสำส่อนในทางเพศกับใครบ้างก็เพียงพอที่จะถือว่าเป็นคำหมิ่นประมาทแล้ว
ผลของการใส่ความผู้อื่นน่าจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังหรือไม่นั้นศาลมีอำนาจวินิจฉัยเองได้ไม่จำต้องอาศัยคำเบิกความของพยาน
จำเลยพูดถึงผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงทำงานอยู่ที่สำนักงานที่ดินอำเภอว่ากระหรี่ที่ดิน คำว่า "กระหรี่" หมายความว่าหญิงนครโสเภณีหรือหญิงค้าประเวณี แม้จำเลยจะไม่ได้กล่าวรายละเอียดว่าค้าประเวณีกับใครประพฤติสำส่อนในทางเพศกับใครบ้างก็เพียงพอที่จะถือว่าเป็นคำหมิ่นประมาทแล้ว
ผลของการใส่ความผู้อื่นน่าจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังหรือไม่นั้นศาลมีอำนาจวินิจฉัยเองได้ไม่จำต้องอาศัยคำเบิกความของพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเช็ค: ศาลต้องวินิจฉัยตามประเด็นที่คู่ความตกลง หากโจทก์ไม่สืบพยาน ศาลไม่อาจหยิบยกข้อเท็จจริงที่ไม่ยุติมาวินิจฉัย
การที่คู่ความแถลงต่อศาลขอต่อสู้เฉพาะประเด็นเรื่องอายุความไม่ติดใจประเด็นอื่น โดยโจทก์แถลงว่า โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1003 คดีจึงไม่ขาดอายุความ ส่วนจำเลยว่าโจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 และต่างฝ่ายต่างไม่ติดใจสืบพยานนั้น เมื่อความปรากฏต่อศาลว่า ตามฟ้องและคำให้การรูปเรื่องยังไม่พอฟังว่าโจทก์ได้รับคืนเช็คพิพาทมาอย่างไรอันจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1003 ได้ซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบข้อนี้ ให้ปรากฏเมื่อโจทก์ไม่ติดใจนำสืบก็ไม่อาจหยิบยกข้อเท็จจริงซึ่งยังไม่ยุติมาเป็นข้อวินิจฉัยได้ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง และเมื่อโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานเสียแล้วก็ไม่มีเหตุใด ๆ ที่ศาลฎีกาจะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2511/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ซ้ำหรือไม่: ศาลวินิจฉัยประเด็นการบอกเลิกสัญญาเช่าใหม่ แตกต่างจากคดีเดิม
ศาลยกฟ้องเพราะโจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลาโดยไม่ถูกต้อง โจทก์ฟ้องคดีใหม่โดยได้บอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้วไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชี้ขาดตัดสินนอกประเด็น: ศาลมิควรวินิจฉัยประเด็นที่จำเลยมิได้ต่อสู้ไว้
คำให้การของจำเลยต่อสู้เพียงว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่พิพาท คดีจึงมีประเด็นว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่เท่านั้น จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าโจทก์ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าจนหมดสิทธิในที่พิพาท และที่พิพาทได้ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว ฉะนั้น ปัญหาที่ว่าโจทก์ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่พิพาทหรือปล่อยให้ที่พิพาทรกร้างว่างเปล่า จนตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน จึงไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลชั้นต้นยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาวินิจฉัย จึงเป็นการชี้ขาดตัดสินนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้เอง แม้ไม่ได้ยกขึ้นเป็นประเด็น
ในเรื่องอำนาจฟ้อง อันเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น แม้ไม่เป็นประเด็นที่คู่ความอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)
เมื่อตามคำฟ้องปรากฏว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ โดยหาจำต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 17, 18 ไม่
เมื่อตามคำฟ้องปรากฏว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ โดยหาจำต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 17, 18 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ข้อเท็จจริงเรื่องความเป็นบริวารและการมีสิทธิทำสัญญาเช่า ย่อมแยกพิจารณาได้ แม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเป็นบริวาร
โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ น. ฟ้องจำเลยว่าทำการก่อสร้างอาคารลงในที่ดินของ น. โดยไม่มีอำนาจ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์สั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยและบริวารเข้าไปอยู่และทำการค้าในที่ดินและอาคารที่กำลังก่อสร้างของ น. ต่อมาศาลชั้นต้นเห็นว่า ย.เป็นบริวารจำเลยมีคำสั่งให้ย. ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามชั่วคราว ดังนี้เมื่อ ย.ต่อสู้ว่าย.ได้จองเช่าอาคารจากจำเลยโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและด้วยความรู้เห็นยินยอมของเจ้าของที่ดิน จึงเป็นเรื่อง ย. ยกข้อต่อสู้ของตนเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก ในชั้นนี้ยังฟังไม่ได้ว่า ย.เป็นบริวารของจำเลยศาลจะบังคับย.ตามคำร้องขอให้จับย. ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด vs. อายุความผิดสัญญาเช่าซื้อ: ศาลวินิจฉัยอายุความตามมาตรา 165 ไม่ได้
ค่าเสียหายฐานละเมิดต้องไม่เกี่ยวกับมูลหนี้ตามสัญญาเรียกค่าเสียหายเนื่องจากผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ไม่มีกฎหมายกำหนดโดยเฉพาะจึงมีอายุความ 10 ปี ตาม มาตรา 164
ในศาลชั้นต้นจำเลยยกอายุความตาม มาตรา 448 ขึ้นต่อสู้จำเลยฎีกาให้ศาลวินิจฉัยถึงอายุความตาม มาตรา 165 ไม่ได้
ในศาลชั้นต้นจำเลยยกอายุความตาม มาตรา 448 ขึ้นต่อสู้จำเลยฎีกาให้ศาลวินิจฉัยถึงอายุความตาม มาตรา 165 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้สัตยาบันต่อการฟ้องคดีที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ หากจำเลยไม่โต้แย้งตั้งแต่แรก แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเองได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ข้อค้านว่าฟ้องต่อศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู่โดยไม่มีคำร้องขออนุญาตก่อนเป็นการผิดระเบียบนั้น ถ้าจำเลยไม่คัดค้านในศาลชั้นต้น แต่กลับดำเนินกระบวนพิจารณาจนเสร็จ เท่ากับให้สัตยาบันแล้ว จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ แต่ศาลอาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 220: การโต้เถียงข้อเท็จจริงหลังศาลล่างวินิจฉัยแล้ว
ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คโดยมิได้มีเจตนาทุจริต โจทก์ฎีกาว่าจำเลยได้อายัดการจ่ายเงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริตเป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้