คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญากู้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าพิสูจน์ลายมือชื่อในสัญญากู้: ผลตรวจผู้เชี่ยวชาญเพียงพอต่อการวินิจฉัยคดี
โจทก์จำเลยท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในสัญญาว่าเป็นลายมือของจำเลยหรือไม่ ถ้าเป็นลายมือชื่อของจำเลย จำเลยยอมแพ้คดี ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อจำเลยและลายมือชื่อผู้กู้ในสัญญากู้แล้วมีความเห็นว่าน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกัน ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เชี่ยวชาญมี ความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อของจำเลยตรงตาม คำท้าอันเป็นเหตุให้จำเลยแพ้คดีตามคำท้าแล้วหาจำต้องเอาข้อเท็จจริง อื่นมาฟังประกอบอีกไม่ ดังนั้น ปัญหาที่ว่าศาลอุทธรณ์นำคำรับ ในคำให้การของจำเลยมาวินิจฉัยร่วมกับผลการตรวจพิสูจน์ของ ผู้เชี่ยวชาญให้จำเลยแพ้คดีเป็นการชอบหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต่อ รูปคดีที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3599/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการบังคับชำระหนี้จากหลักประกันและการฟ้องร้องตามสัญญากู้
จำเลยทำสัญญากู้เงินไปจากโจทก์ 200,000 บาท โดยมี ว.เป็นผู้ค้ำประกันและยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมและ ว. ได้มอบใบฝากประจำจำนวนเงิน 500,000 บาท จำนำเป็นประกันไว้ด้วย สัญญาค้ำประกัน ข้อ 9 ระบุว่าในกรณีที่ผู้กู้ผิดนัด... ให้ผู้กู้มีสิทธิที่จะเอาทรัพย์สินที่จำนำออกขายทอดตลาดได้... โดยไม่ต้องบอกกล่าว หากไม่พอชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันยอมใช้ให้จนครบ ในบันทึกสลักหลังการจำนำใบฝากของ ว. มีความว่า เมื่อครบกำหนดเวลาชำระหนี้ หากลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระอยู่เท่าไร ผู้จำนำยอมให้ธนาคารโจทก์ผู้รับจำนำหักเงินฝากที่จำนำนี้ชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยจนครบโดยให้ถือบันทึกสลักหลังนี้เป็นการบอกกล่าวจำนำเช่นนี้ เงื่อนไขของข้อตกลงดังกล่าว เป็นเพียงให้สิทธิโจทก์ที่จะบังคับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนำได้เท่านั้นตราบใดที่โจทก์ยังมิได้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนำ หนี้ตามสัญญากู้ที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ก็ยังคงมีอยู่ โจทก์ใช้สิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้นั้นได้โดยไม่ต้องบังคับจำนำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้จำนองต่อดอกเบี้ยทบต้นเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ทำไว้ต่อธนาคารโจทก์ในวงเงิน 400,000 บาท โดยจำเลยที่ 2 ยอมเสียดอกเบี้ยทบต้นเมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระดอกเบี้ยตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีโดยถือเอารายการบัญชีกระแสรายวันที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์เต็มตามวงเงินที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองไว้เป็นวันเริ่มต้นของการคิดดอกเบี้ยทบต้น ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์มีจำนวนเกิน 400,000 บาท ในวันที่ 30 กันยายน 2525 จำเลยที่ 2 จึงต้องเสียดอกเบี้ยทบต้นให้แก่โจทก์นับแต่วันนั้นเป็นต้นไปจนถึงวันที่สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เลิกกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2317/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบมูลหนี้เดิมและการแปลงหนี้ใหม่ การฟ้องตามสัญญากู้โดยมีหลักฐานลายมือชื่อ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์และได้รับเงินกู้ไปแล้ว การที่โจทก์นำสืบว่าเดิมสามีจำเลยกู้เงินโจทก์ไป จำเลยรู้เห็นด้วย เมื่อสามีจำเลยถึงแก่กรรมจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ แต่จำเลยไม่ชำระเงินตามสัญญากู้นั้น จึงเป็นการนำสืบถึงมูลหนี้ของสัญญากู้ซึ่งโจทก์มีสิทธินำสืบได้โดยไม่ต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องและไม่เป็นการนำสืบแตกต่างจากคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องคดีโดยแนบสำเนาหนังสือสัญญากู้มาท้ายฟ้อง เมื่อคำให้การและทางนำสืบจำเลยยอมรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้ฉบับพิพาทไว้ให้โจทก์จริง ดังนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยแล้วว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้ตามฟ้อง กรณีไม่จำต้องยกเอกสารสัญญากู้ฉบับพิพาทขึ้นวินิจฉัย โจทก์จึงไม่จำต้องเสียค่าอ้างเอกสารสัญญากู้ฉบับพิพาทดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4487/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นแทนกัน สัญญากู้เงิน และการชำระหนี้ด้วยเช็ค: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
โจทก์มีฐานะเป็นทั้งบริษัทเงินทุนและบริษัทหลักทรัพย์และจำเลยรับว่าโจทก์มีอำนาจให้กู้ยืมเงินในฐานะเป็นบริษัทเงินทุนได้แล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าในฐานะที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์ โจทก์มีอำนาจให้กู้ยืมเงินหรือไม่ต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ถือว่าไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 หุ้นที่โจทก์ซื้อแทนจำเลยในตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่ต้องปฏิบัติการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 1129 แม้หุ้นจะมิได้มีชื่อจำเลยก็จะถือว่ามิใช่หุ้นของจำเลย และโจทก์มิได้ซื้อหุ้นให้จำเลยหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ซื้อขายหุ้น ให้จำเลย และจำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อขายหุ้นแก่โจทก์จึงได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์เพื่อชำระหนี้ การที่จำเลยได้รับเช็คจำนวนเงินตามที่กู้และนำเช็คนั้นไปชำระหนี้โจทก์จนเป็นเหตุให้หนี้ระงับไป ถือว่าจำเลยได้รับเงินกู้แล้วสัญญากู้จึงบริบูรณ์มีมูลหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4140/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดกฟ้องหนี้สินนอกพินัยกรรม และความชอบธรรมของสัญญากู้ซื้อโบราณวัตถุ
อำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 ไม่ได้จำกัดแต่เฉพาะทรัพย์ที่กำหนดไว้ในพินัยกรรมเท่านั้นทรัพย์มรดกในส่วนที่มิได้จำหน่ายโดยพินัยกรรม หรือส่วนที่พินัยกรรมไม่มีผลบังคับย่อมตกได้แก่ทายาทโดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1620 ผู้จัดการมรดกก็มีอำนาจหน้าที่จัดการแบ่งปันให้แก่ทายาทด้วย ดังนั้น ผู้จัดการมรดกจึงมีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องตามสัญญากู้ที่ไม่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรม
สัญญากู้ยืมเงินเพื่อไปซื้อโบราณวัตถุตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวไม่เป็นโมฆะ เพราะไม่มีกฎหมายห้ามมิให้มีการซื้อขายโบราณวัตถุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้จากสัญญากู้เป็นสัญญาขายฝาก ทำให้หนี้เงินกู้ระงับสิ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349
ทำสัญญากู้เงินกันแล้วตกลงเปลี่ยนสัญญานั้นเป็นสัญญาขายฝากเรือนเป็นการทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งของซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ ทำให้หนี้เงินกู้เป็นอันระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้จากสัญญากู้เป็นสัญญาขายฝาก ทำให้หนี้เดิมระงับสิ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349
ทำสัญญากู้เงินกันแล้วตกลงเปลี่ยนสัญญานั้นเป็นสัญญาขายฝากเรือนเป็นการทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งของซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ทำให้หนี้เงินกู้เป็นอันระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้จากสัญญากู้เป็นสัญญาขายฝาก ทำให้หนี้เดิมระงับสิ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349
ทำสัญญากู้เงินกันแล้วตกลงเปลี่ยนสัญญานั้นเป็นสัญญาขายฝากเรือนเป็นการทำสัญญษเปลี่ยนสิ่งของซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ทำให้หนี้เงินกู้เป็นอันระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา349.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการนำสืบพยานหักล้างข้ออ้างเรื่องการถูกข่มขู่ในการทำสัญญา การพิสูจน์การส่งมอบเงินตามสัญญากู้
ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้อ้างว่าจำเลยกู้เงินไปแล้วไม่ชำระ จำเลยให้การว่าสัญญากู้รายพิพาทเกิดจากโจทก์ขู่เข็ญให้ทำ จำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้สัญญากู้จึงไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบหักล้างได้ ไม่ถือว่าเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 (ข)
of 40