คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สันนิษฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้โดยปราศจากหลักฐานชัดเจน สันนิษฐานได้ว่าเป็นการยกให้
ที่ดิน ลงชื่อในโฉนดไม่ปรากฏเป็นอย่างอื่น สันนิษฐานว่ายกให้วิธีพิจารณาแพ่งรับมฤดกความค่าทนายความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าคนตาย: หลักการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง
ศาลย่อมไม่สันนิษฐานให้ร้ายแก่จำเลยเกินกว่าคำพะยานหลักฐานในสำนวนวิธีพิจารณาอาญาฟ้องขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนตาย ได้ความว่าเป็นแต่ช่วยเขาหามศพไปฝังเท่านั้น ลงโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรู้ร่วมคิดลักทรัพย์: การวิ่งหนีไปในทิศทางเดียวกันยังไม่พอฟ้อง
ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้สมคบ กับผู้ร้ายที่ลักทรัพย์ แต่วิ่งหนีไปทางเดียวกันยังไม่พอสันนิษฐานว่าสมรู้ด้วยผู้ร้าย วิธีพิจารณาอาญา ลักษณพะยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิโคจากตั๋วพิมพ์รูปพรรณ: สันนิษฐานว่าเป็นเจ้าของจนกว่าจะพิสูจน์ได้
ผู้ใดมีชื่อเป็นเจ้าของโคในตั๋วพิมพ์รูปพรรณกฎหมายสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าเป็นเจ้าของโค พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงซื้อขายหุ้นต่างสกุลเงิน: สันนิษฐานตามสภาพแวดล้อมและพยานหลักฐาน
สัญญา ซื้อขายหุ้น หุ้นส่วน วิธีพิจารณาแพ่งความสันนิษฐาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้บางส่วนและการสันนิษฐานทางกฎหมายว่าใช้เงินต้นก่อน
ปลดหนี้ , แปลงหนี้ , หลักกฎหมาย การชำระหนี้ถ้าไม่ปรากฏเปนอย่างอื่นท่านให้สันนิษฐานว่าต้องคิดหักค่าดอกเบี้ยเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความขัดแย้งกันในชั้นไต่สวนและชั้นพิจารณา: สันนิษฐานว่าจำเลยไม่ได้เบิกความเท็จหากโจทก์ไม่มีพยาน
เบิกความชั้นไต่สวนผิดกับชั้นพิจารณาวิธีพิจารณาอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9840-9841/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดฐานฟอกเงิน ศาลพิจารณาหน้าที่ผู้เสียหาย และการสันนิษฐานทางกฎหมาย
ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา ได้มี พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 43 ให้ยกเลิกความในวรรคหกของมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ในกรณีตามวรรคหนึ่งถ้าปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้เสียหายในความผิดมูลฐานให้เลขาธิการขอให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายแทนการสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินด้วยในคราวเดียวกันและเมื่อศาลมีคำสั่งให้คืนทรัพย์สินหรือชดใช้ให้ผู้เสียหายตามวรรคนี้แล้ว ให้สำนักงานดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาลโดยเร็ว" ดังนี้ แม้พนักงานอัยการจะไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหาย แต่เมื่อคดีนี้ผู้คัดค้านที่ 3 กระทำความผิดอันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (4) แห่ง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ท. เป็นผู้เสียหายในความผิดมูลฐานนั้น และผู้คัดค้านที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ท. ยื่นคำคัดค้านขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ท. ผู้ล้มละลาย แม้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของผู้คัดค้านที่ 4 และผู้คัดค้านที่ 4 ไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็ไม่อาจมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรา 51 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เนื่องจากจะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ประสงค์จะคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐานนั้นก่อน เมื่อไม่มีผู้เสียหายแล้วจึงจะมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินต่อไป โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าผู้เสียหายจะยื่นคำร้องหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่าย - สันนิษฐานความรับผิด - จำเลยต้องพิสูจน์การสูญหาย - ไม่ฟังเหตุผล
จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้งสามฉบับ ย่อมเข้าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายที่ระบุให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 900 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ปฏิเสธความรับผิด ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 เบิกความในฐานะพยานจำเลยที่ 1 และที่ 2 เพียงว่าเช็คพิพาทหาย และไปแจ้งความลงบันทึกในรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายต่อเจ้าพนักงานตำรวจไว้เท่านั้น ไม่ได้ดำเนินการใดต่อไปหรือแม้กระทั่งการเรียกคืนเช็คจากโจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์พึงกระทำเลย และในรายละเอียดของรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายก็ไม่ได้กล่าวว่าเช็คพิพาทสูญหายไปอย่างไร แค่กล่าวอ้างอย่างลอย ๆ ว่าไม่แน่ใจว่าเช็คหล่นหายหรือถูกขโมย ย่อมยากที่จะรับฟังเป็นจริงตามภาระการพิสูจน์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11292/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แม้ไม่มีหลักฐานการล่อซื้อ แต่มีปริมาณที่กฎหมายสันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 190 เม็ด แต่พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ามีการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย แต่เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 190 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 2.19 กรัม จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ซึ่งปริมาณของยาเสพติดดังกล่าวกฎหมายสันนิษฐานไว้เด็ดขาดว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย แม้โจทก์จะไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดฐานนี้ แต่การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนด้วยตนเองตามลำพัง แสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าจำเลยจะต้องมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายก่อนที่จะนำไปจำหน่าย ศาลจึงลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้
of 15