พบผลลัพธ์ทั้งหมด 340 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหักล้างการกู้เงินและการอ้างเหตุผลในการลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินจาก ค. ที่จำเลยนำสืบว่าการทำสัญญาจำนองไม่มีการมอบเงินกันเป็นการนำสืบหักล้างว่าการกู้เงินไม่สมบูรณ์ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 วรรคท้ายและที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยเป็นผู้เช่าซื้อและนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ ค. ยึดถือไว้เป็นประกันเงินดาวน์เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุที่จำเลยลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นที่มาแห่งมูลหนี้กู้ยืมและจำนองที่โจทก์ฟ้อง มิใช่เป็นการนำสืบเพื่อบังคับหรือไม่บังคับตามสัญญาเช่าซื้อ จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4849/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันด้วยเอกสารปลอม: จำเลย 2 ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว แม้หนังสือมอบอำนาจเป็นเท็จ
จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกทำหนังสือมอบอำนาจปลอมว่าจำเลยที่ 1มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 นำหลักทรัพย์ไปประกันตัวผู้ต้องหากับโจทก์แล้วจำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญาประกันกับโจทก์โดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจปลอมดังกล่าว เพื่อให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและยินยอมให้จำเลยที่ 2 ประกันตัวผู้ต้องหาไป หลังจากนั้นจำเลยที่ 2ได้ไปขอผัดส่งตัวผู้ต้องหากับโจทก์หลายครั้ง โดยเป็นที่ตระหนักดีแก่จำเลยที่ 2 ว่าตนเองมิได้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 แต่อย่างใดจึงเท่ากับจำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญาประกันกับโจทก์ในฐานะส่วนตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4745/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการดำเนินคดี - ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง
ตามหนังสือมอบอำนาจไม่ปรากฏว่ากรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทผู้ร้องมอบอำนาจให้ ช.ผู้รับมอบอำนาจยื่นคำร้องหรือดำเนินคดีในชั้นศาลเพื่อขอรถยนต์ของกลางคืน ช.จึงไม่มีอำนาจมายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4427/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, อากรแสตมป์, อายุความ, และข้อยกเว้นความรับผิดในประกันภัย: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
การที่จำเลยร่วมให้การว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ที่ 1ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีมิได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามกฎหมาย เป็นคำให้การที่อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธไว้ชัดแจ้งแล้ว คดีจึงมีประเด็นพิพาทด้วยว่าหนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่ โจทก์ที่ 1 มอบอำนาจให้ ม. ฟ้องคดีซึ่งเป็นการมอบให้บุคคลเดียวกระทำการครั้งเดียว เพราะเป็นการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเดียว ที่หนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ 10 บาท จึงครบถ้วนตามประมวลรัษฎากรแล้ว เมื่อจำเลยร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วเพราะโจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าเสียหายจำเลยร่วมจะฎีกาปัญหาดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 แม้จำเลยที่ 1 จะขาดต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เกินกว่า 180 วันในเวลาเกิดเหตุซึ่งจำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรมประกันภัยข้อ 2.13 ก็ตาม แต่ตามข้อ 2.14 ระบุเป็นใจความว่าบริษัท (จำเลยร่วม) จะไม่ยกข้อ 2.13 เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดตามข้อ 2.1 เมื่อบริษัทได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว แต่บริษัทไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ต่อผู้เอาประกันภัยเพราะกรณีดังกล่าวข้างต้นซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก ผู้เอาประกันภัยต้องใช้จำนวนเงินที่บริษัทได้จ่ายไปนั้นคืนให้บริษัททันที ดังนั้นจำเลยร่วมไม่มีสิทธิที่จะยกเอาเหตุที่ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ขาดการต่ออายุดังกล่าวมาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อความบาดเจ็บหรือมรณะตามข้อ 2.1 ได้แต่ยกขึ้นว่ากล่าวเอากับผู้เอาประกันภัย จำเลยร่วมจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, สัญญาเช่าซื้อ, อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืน, เบี้ยปรับ, ความเสียหายจากอุบัติเหตุ
สำเนาภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้ผู้อื่นลงชื่อเป็นผู้ให้เช่าซื้อแทน โดยมีเจ้าหน้าที่รับรองถึงความถูกต้องเพราะต้นฉบับได้มีการอ้างส่งไว้ในสำนวนคดีของศาล และจำเลยก็มิได้คัดค้านว่าสำเนาไม่ถูกต้อง กรณีนี้จึงไม่จำต้องใช้ต้นฉบับก็รับฟังได้ และหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือมอบอำนาจทั่วไป ไม่จำต้องระบุว่าจะให้ผู้รับมอบอำนาจทำสัญญากับผู้ใด สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่ทำขึ้นก็ไม่เป็นโมฆะ สัญญาเช่าซื้อมีข้อตกลงว่าในกรณีที่รถเสียหายทั้งสิ้น หรือถูกทำลายสิ้นเชิงหรือไม่สามารถซ่อมแซมดังเดิมได้ ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระค่าเช่าซื้อส่วนที่ค้างทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อนั้น ข้อกำหนดดังกล่าวใช้บังคับได้ โดยมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ หากพฤติการณ์ปรากฏว่าสูงเกินส่วน ศาลอาจลดลงได้ การฟ้องขอให้คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น เป็นการที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์คืนจึงมีอายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ.มาตรา 164 มิใช่มีอายุความ6 เดือนหรือ 2 ปี ตามมาตรา 562,563 หรือ มาตรา 165(6).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3311/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ถูกต้อง และจำเลยที่ 2 ผูกพันตามหนังสือรับสภาพหนี้ แม้ไม่รู้เห็นด้วย
แม้บัญชีอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร ข้อ 7(ข) ที่ใช้บังคับในปัจจุบันกำหนดให้ปิดอากรแสตมป์ 30 บาท แต่ขณะที่ทำหนังสือมอบอำนาจซึ่งมอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียว บัญชีอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรที่บังคับใช้ในเวลานั้นกำหนดให้ต้องปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาท ก็ตาม ถือได้ว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ หนังสือค้ำประกันมีข้อความระบุว่า "ถ้าผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชดใช้เงิน แก่บริษัท ข้าพเจ้ายอมค้ำประกันและรับผิดชอบร่วมกับผู้เช่าซื้อ และยอมให้บริษัทผ่อนเวลาชำระหนี้ ผ่อนผันการชำระหนี้ได้ตามจำนวนครั้งหรือตามเงื่อนไขที่บริษัทจะเห็นสมควร" แสดงว่าจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันยินยอมให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ได้ และเมื่อจำเลยที่ 1 ยินยอมรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้เห็นด้วย จำเลยที่ 2 ยังคงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์เพราะหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เป็นค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระแก่โจทก์ แต่โจทก์ผ่อนผันลดหย่อนให้มิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3102/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทนตามหนังสือมอบอำนาจทั่วไปและการดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลย
สำเนาหนังสือมอบอำนาจท้ายคำให้การของจำเลยที่มีใจความสำคัญว่า จำเลยขอมอบอำนาจให้ ท.เป็นผู้มีอำนาจและดำเนินการต่างๆ ของจำเลยจัดการเกี่ยวกับงานในประเทศไทย ตลอดจนมอบอำนาจช่วงให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้จำเลยขอรับผิดชอบในการกระทำของผู้รับมอบอำนาจเสมือนหนึ่งจำเลยได้กระทำเองทุกประการ นั้น มีลักษณะเป็นหนังสือมอบอำนาจที่ตั้ง ท.เป็นตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไปท.จึงมีอำนาจทำกิจใดๆ ในทางจัดการแทนจำเลยได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 801วรรคแรก หนังสือมอบอำนาจของจำเลยดังกล่าวมีผลเท่ากับว่าจำเลยได้มอบอำนาจให้ ท.เข้ามาต่อสู้คดีแทนจำเลย กับมีอำนาจแต่งตั้งทนายความเข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแทนจำเลยได้ ดังนั้น การมาศาล การยื่นคำให้การ และการสืบพยานจำเลยของทนายความที่ ท.แต่งตั้งไว้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3011/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจฟ้องจากหนังสือมอบอำนาจ: การฟ้องคดีละเมิดทรัพย์สิน
หนังสือมอบอำนาจข้อ 6 ระบุว่า ให้ผู้รับมอบอำนาจเรียกร้องทวงถามให้ชำระหนี้ แจ้งบังคับจำนองหรือจำนำดำเนินคดี ฟ้องร้อง แก้ต่างทั้งคดีแพ่งคดีอาญา ฯลฯ เพื่อประโยชน์ในกิจการดังกล่าวให้ผู้รับมอบอำนาจกระทำได้ซึ่งสาขาที่กล่าวข้างต้นมีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องอยู่ และข้อ 9ระบุว่าให้มีอำนาจดูแลและรักษาผลประโยชน์และทรัพย์สินทุกอย่างของผู้มอบอำนาจ จึงเป็นการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเกี่ยวกับการกระทำละเมิดต่อทรัพย์สินของผู้มอบอำนาจที่อยู่ในความดูแลรักษาของผู้รับมอบอำนาจด้วย หาใช่เพียงมอบอำนาจให้ดำเนินการสาขาเฉพาะการธนาคารพาณิชย์ตามที่ระบุไว้ในข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ไม่ ผู้รับมอบอำนาจจึงใช้หนังสือมอบอำนาจนี้ฟ้องคดีละเมิดต่อทรัพย์สินดังกล่าวแทนผู้มอบอำนาจได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องอำนาจฟ้องจากหนังสือมอบอำนาจที่ระบุศาลผิดพลาด โดยการยื่นหนังสือมอบอำนาจใหม่
โจทก์มอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งโดยระบุในหนังสือมอบอำนาจผิดพลาดไปว่าให้ฟ้องต่อศาลแพ่งธนบุรี การระบุชื่อศาลที่จะฟ้องร้องผิดพลาดเป็นข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจแต่ต่อมาก่อนส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโจทก์ได้ยื่นใบมอบอำนาจใหม่ระบุว่า มอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่ง ถือได้ว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจปลอมทำให้การซื้อขายและขายฝากเป็นโมฆะ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้มอบอำนาจ
โจทก์ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้จำเลยที่ 1 นำที่พิพาทไปจำนอง จำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจไปทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้แก่ตนเอง หนังสือมอบอำนาจที่จำเลยที่ 1 นำไปใช้ทำนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทจึงเป็นเอกสารปลอม ต้องถือว่านิติกรรมการซื้อขายที่พิพาทมิได้เกิดขึ้น กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทคงเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิขายฝากที่พิพาท แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะจดทะเบียนรับซื้อฝากที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและขายฝากที่จำเลยที่ 1ทำไปได้