คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนี้สินล้นพ้นตัว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 157 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จากการมีหนี้สินล้นพ้นตัว แม้มีทรัพย์สินแต่ไม่สามารถนำมาชำระหนี้ได้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษามาเป็นเวลาถึงสิบปีโจทก์มีหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ จำเลยก็เพิกเฉย แม้จำเลยจะมีสิทธิการเช่าซื้อบ้านและที่ดิน หากโจทก์นำยึดมาก็อาจจะขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ไม่ได้ถ้าผู้ให้เช่าซื้อไม่ยินยอม รายได้จากการทำงานของจำเลยก็ยังห่างไกลกับจำนวนหนี้ที่จะต้องชำระแก่โจทก์ ทั้งจำเลยไม่เคยกระทำการใดอันแสดงให้เห็นว่ามีความตั้งใจที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดยสุจริต ถือได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่น้อยกว่า30,000 บาท ซึ่งเป็นหนี้จำนวนแน่นอนโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อรู้ถึงการมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
การที่ธนาคารเจ้าหนี้ให้ลูกหนี้ (จำเลย) ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไปในขณะที่ลูกหนี้ยังมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมให้แก่ธนาคารเจ้าหนี้และลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ แม้ธนาคารเจ้าหนี้จะเชื่อถือหลักประกันของลูกหนี้ก็เป็นที่เห็นได้ว่าลำพังเฉพาะตัวของลูกหนี้ไม่อยู่ในฐานะที่จะชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินเกินบัญชีให้แก่ธนาคารเจ้าหนี้ได้ หนี้รายนี้จึงเป็นหนี้ที่ธนาคารเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อธนาคารเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ธนาคาร เจ้าหนี้จึงไม่อาจขอรับชำระหนี้รายนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา94(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3273/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลายแม้มีเจ้าหนี้เพียงรายเดียว และมีหนี้สินล้นพ้นตัว
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 1 ล้านบาทเศษคดีถึงที่สุดจำเลยไม่มีทรัพย์สินนอกจากสิทธิได้รับเงินบำนาญดังนี้ จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว แม้จำเลยเป็นหนี้โจทก์รายเดียว โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องล้มละลาย กฎหมายมิได้กำหนดว่าลูกหนี้ต้องเป็นหนี้ต่อเจ้าหนี้หลายราย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระบวนการล้มละลาย: การไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การหลังเริ่มพิจารณา และการสันนิษฐานเรื่องหนี้สินล้นพ้นตัว
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีฟ้องให้ล้มละลายนั้นกฎหมายไม่ได้กำหนดวันยื่นคำให้การเหมือนคดีแพ่งธรรมดา ฉะนั้นจำเลยจะยื่นคำให้การหรือไม่ยื่นก็ได้และหากจำเลยประสงค์จะยื่นคำให้การก็มีโอกาสยื่นได้ถึง 7 วันเป็นอย่างน้อยก่อนวันนั่งพิจารณาแต่คดีนี้ปรากฏว่าจำเลยไม่มาศาลในวันนั่งพิจารณาและไม่ยื่นคำให้การทั้งมิได้ร้องขอเลื่อนหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานเพิ่งจะมาศาลภายหลังเมื่อโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ฉะนั้นที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงชอบแล้ว
จำเลยถูกยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดี และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นใดที่โจทก์จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้อีกจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 4 ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2825/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่เกิดจากการให้กู้ยืมหลังจากลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เจ้าหนี้ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
การที่จำเลยเป็นหนี้ธนาคารเจ้าหนี้ 691,591.43 บาท จำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้จนธนาคารเจ้าหนี้ต้องหักเงินในบัญชีเงินฝากประจำซึ่งเป็นหลักประกันตามข้อตกลง ทั้งหมดจำนวน 400,118.98 บาท ชำระหนี้แล้วก็ยังขาดอยู่อีกถึง 291,472.54 บาท หลังจากนั้นอีก 7 วัน ธนาคารเจ้าหนี้ให้จำเลยที่ 2 กู้เงินอีกเป็นจำนวนถึง 403,000 บาท โดยเพียงแต่ให้จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งหมดคืนภายใน 2 วันนับแต่วันกู้โดยไม่มีหลักประกันอย่างอื่นนอกจากตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังนี้ ถือว่าเป็นหนี้ที่ธนาคารเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจึงไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 94(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2825/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่เกิดจากการให้กู้ยืมหลังจากรู้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
การที่จำเลยเป็นหนี้ธนาคารเจ้าหนี้ 691,591.43 บาทจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้จนธนาคารเจ้าหนี้ต้องหักเงินในบัญชีเงินฝากประจำซึ่งเป็นหลักประกันตามข้อตกลงทั้งหมดจำนวน 400,118.98 บาท ชำระหนี้แล้วยังขาดอยู่อีกถึง 291,472.54 บาท หลังจากนั้นอีก 7 วัน ธนาคารเจ้าหนี้ให้จำเลยที่ 2 กู้เงินอีกเป็นจำนวนถึง 403,000 บาท โดยเพียงแต่ให้จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งหมดคืนภายใน 2 วันนับแต่วันกู้โดยไม่มีหลักประกันอย่างอื่น นอกจากตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังนี้ ถือว่าเป็นหนี้ที่ธนาคารเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 94(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แม้เจ้าหนี้อ้างสุจริต หากรู้ถึงภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
บริษัทลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ผู้ชำระบัญชีจึงตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้บางรายที่เป็นผู้ทรงเช็คโดยขอชำระหนี้ 21.2% เพื่อให้คดีอาญาที่เจ้าหนี้ตามเช็คบางรายฟ้อง กรรมการบริษัทลูกหนี้เป็นอันระงับไป ดังนี้ เมื่อเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คดังกล่าวรับชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้นั้น โดยรู้ถึงภาระหนี้สินล้นพ้นตัวของบริษัทลูกหนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้รับชำระหนี้โดยสุจริตตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 114
มาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511 มาตรา 30 ระบุชัดแจ้งว่ามิได้ห้ามเฉพาะการโอนทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงการกระทำใดๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ด้วย ดังนั้น การชำระหนี้ของบริษัทลูกหนี้ตามข้อตกลงประนอมหนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามความหมายแห่งมาตราดังกล่าว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างบริษัทลูกหนี้กับเจ้าหนี้ ให้เจ้าหนี้คืนเงินที่รับไปและให้เสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินดังกล่าวนับแต่วันศาลสั่งเพิกถอนไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เจ้าหนี้คืนเงินพร้อมดอกเบี้ยโดยมิได้กล่าวว่าให้ชำระตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด ดังนี้ เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ไขเพิ่มความให้ครบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ตามข้อตกลงประนอมหนี้ในคดีล้มละลาย เมื่อเจ้าหนี้รู้ถึงภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
บริษัทลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ผู้ชำระบัญชีจึงตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้บางรายที่เป็นผู้ทรงเช็คโดยขอชำระหนี้ 21.2% เพื่อให้คดีอาญาที่เจ้าหนี้ตามเช็คบางรายฟ้องกรรมการบริษัทลูกหนี้เป็นอันระงับไป ดังนี้ เมื่อเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คดังกล่าวรับชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้นั้นโดยรู้ถึงภาระหนี้สินล้นพ้นตัวของบริษัทลูกหนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้รับชำระหนี้โดยสุจริตตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 114
มาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติล้มละลาย(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511 มาตรา 10ระบุชัดแจ้งว่ามิได้ห้ามเฉพาะการโอนทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงการกระทำใดๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ด้วยดังนั้น การชำระหนี้ของบริษัทลูกหนี้ตามข้อตกลงประนอมหนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามความหมายแห่งมาตรา ดังกล่าว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างบริษัทลูกหนี้กับเจ้าหนี้ให้เจ้าหนี้คืนเงินที่รับไปและให้เสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินดังกล่าวนับแต่วันศาลสั่งเพิกถอนไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เจ้าหนี้คืนเงินพร้อมดอกเบี้ยโดยมิได้กล่าวว่าให้ชำระตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด ดังนี้ เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ไขเพิ่มความให้ครบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลาย: การบอกกล่าวหนี้ก่อนฟ้องไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นเพียงเหตุสันนิษฐาน
เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ให้เป็นบุคคลล้มละลายได้ เมื่อบรรยายฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2511กล่าวคือ ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเป็นหนี้ไม่น้อยกว่า 30,000 บาท และหนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน แม้จะอยู่ระหว่างบังคับคดีในหนี้รายเดียวกันในคดีแพ่งสามัญ
การบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อนไม่น้อยกว่าสองครั้ง มีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน ตามมาตรา 8(9) นั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวข้อหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่บทบังคับว่าโจทก์ต้องบอกกล่าวเช่นนั้นก่อนฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลบหนีคดีอาญาและการสันนิษฐานว่าหนี้สินล้นพ้นตัวตามพ.ร.บ.ล้มละลาย
จำเลยออกเช็คชำระแก่โจทก์หลายฉบับ แล้วต้องหาคดีอาญาว่าออกเช็คไม่มีเงินจ่าย จำเลยหลบหนีหมายจับ เป็นการหลบหนีไม่ให้โจทก์ได้รับใช้หนี้อยู่ด้วยในตัวสันนิษฐานว่าหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 8
of 16