คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลายกรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 184 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คหลายฉบับถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แม้ลงวันที่เดียวกัน ศาลต้องลงโทษทุกกระทง
การออกเช็คเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนเงินและวันที่ที่ปรากฏในเช็ค ซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับ แม้จะลงวันที่สั่งจ่ายวันเดียวกันและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินวันเดียวกัน ก็เป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คหลายฉบับถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมตามกฎหมาย
การออกเช็คเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนเงินและวันที่ที่ปรากฏในเช็ค ซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับ แม้จะลงวันที่สั่งจ่ายวันเดียวกันและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินวันเดียวกัน ก็เป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2360/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรมต่างกันจากการขนส่งคนโดยสารด้วยรถยนต์หลายคัน โดยแต่ละคันถือเป็นองค์ประกอบความผิดแยกต่างหาก
จำเลยที่ 1 นำรถยนต์อันเป็นเครื่องอุปกรณ์การขนส่งจำนวน 3 คันออกวิ่งรับส่งคนโดยสารและเก็บค่าโดยสาร โดยนำรถยนต์คันหนึ่งซึ่งได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะออกวิ่งทับเส้นทางรถประจำทางในสัมปทานของบริษัทอื่นซึ่งเป็นลักษณะของการแข่งขัน เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 14 และนำรถยนต์อีกสองคันซึ่งเป็นรถที่สังกัดอยู่ในสัมปทานรถประจำทางของจำเลยที่ 1 ออกวิ่งนอกเส้นทางที่กำหนด อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 ดังนี้ รถยนต์โดยสารแต่ละคันเป็นองค์สำคัญแห่งความผิด การขนส่งของรถแต่ละคันเป็นความผิดต่างหากจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2040/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญา: จำเลยวิกลจริตกระทำหลายกรรมต่อเนื่องถึงแก่ความตาย
จำเลยวิกลจริตยิง บ. ตายแล้วลงเรือนไป อีก 2-3 นาทีจำเลยกลับขึ้นมายิง จ. อีก เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน จำเลยรู้ผิดชอบอยู่บ้าง เป็นความผิดตาม มาตรา 288,288,80, 65 เรียงกระทงลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราหลายกรรมต่างกัน ศาลมีอำนาจลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด
จำเลย 3 คนกับพวกจับตัวนางสาว ส.และเด็กหญิง บ.ลงจากเรือนไปยังทุ่งนาแล้วผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายทั้งสองบนคันนาห่างกันราว 2 วา โดยจำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำชำเรา ส. อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติกรรมหนึ่งแล้วร่วมกับจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำชำเรา บ. อันเป็นความผิดตามมาตรา 276 ตามที่แก้ไขอีกกรรมหนึ่ง การกระทำของจำเลยที่ 1ที่ 2 ดังนี้ แยกออกได้เป็นความผิด 2 กรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อหลายราย ศาลฎีกายืนโทษจำคุกฐานกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลย 3 คนกับพวกจับตัวนางสาว ส.และเด็กหญิง บ.ลงจากเรือนไปยังทุ่งนาแล้วผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายทั้งสองบนคันนาห่างกันราว 2 วา โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำชำเรา ส. อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติกรรมหนึ่งแล้วร่วมกับจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำชำเรา บ. อันเป็นความผิดตามมาตรา 276 ตามที่แก้ไขอีกกรรมหนึ่ง. การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ดังนี้ แยกออกได้เป็นความผิด 2 กรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2360/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันจากการขนส่งคนโดยสารด้วยรถยนต์หลายคัน โดยแต่ละคันถือเป็นองค์สำคัญแห่งความผิด
จำเลยที่ 1 นำรถยนต์อันเป็นเครื่องอุปกรณ์การขนส่งจำนวน 3 คัน ออกวิ่งรับส่งคนโดยสารและเก็บค่าโดยสาร โดยนำรถยนต์คันหนึ่งซึ่งได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ ออกวิ่งทับเส้นทางรถประจำทางในสัมปทานของบริษัทอื่นซึ่งเป็นลักษณะของการแข่งขัน เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14 และนำรถยนต์อีกสองคันซึ่งเป็นรถที่สังกัดอยู่ในสัมปทานรถประจำทางของจำเลยที่ 1 ออกวิ่งนอกเส้นทางที่กำหนด อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 ดังนี้รถยนต์โดยสารแต่ละคันเป็นองค์สำคัญแห่งความผิด การขนส่งของรถแต่ละคันเป็นความผิดต่างหากจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยฐานเสพและมีเฮโรอีนครอบครองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษเป็นรายกระทง
ฟ้องโจทก์บรรยายไว้ชัดเจนว่า จำเลยได้บังอาจเสพเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งไม่ทราบจำนวนรับเข้าร่างกายด้วยการสูบ และตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยได้มีไว้ในความครอบครองซึ่งเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาดซึ่งเหลือจากที่จำเลยเสพแล้วไว้ในความครอบครองของจำเลย ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นการยอมรับข้อกล่าวหาของโจทก์ว่าจำเลยเสพเฮโรอีน และมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครองจริง ทั้ง 2 กระทงความผิดเป็นความผิดที่แยกกันได้ เพราะข้อหาฐานมีเฮโรอีนนั้นโจทก์มุ่งถึงเฮโรอีนซึ่งจำเลยมีอยู่หลังจากได้เสพไปบ้างแล้ว มิใช่เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองได้เสพไปแล้วซึ่งจะต้องมีอยู่จึงจะเสพได้จึงลงโทษจำเลยทั้งสองฐานได้
เสพเฮโรอีนและมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นกระทงความผิด เมื่อจำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 มีผลใช้บังคับแล้ว ต้องลงโทษจำเลยเป็นรายกระทงความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานเสพและมีครอบครองยาเสพติดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษเป็นรายกระทง
ฟ้องโจทก์บรรยายไว้ชัดเจนว่า จำเลยได้บังอาจเสพเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งไม่ทราบจำนวน รับเข้าร่างกายด้วยการสูบ และตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้มีไว้ในความครอบครองซึ่งเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาดซึ่งเหลือจากที่จำเลยเสพแล้วไว้ในความครอบครองของจำเลย ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นการยอมรับข้อกล่าวหาของโจทก์ว่าจำเลยเสพเฮโรอีน และมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครองจริง ทั้ง 2 กระทงความผิดเป็นความผิดที่แยกกันได้ เพราะข้อหาฐานมีเฮโรอีนนั้นโจทก์มุ่งถึงเฮโรอีนซึ่งจำเลยมีอยู่หลังจากได้เสพไปบ้างแล้ว มิใช่เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองได้เสพไปแล้วซึ่งจะต้องมีอยู่จึงจะเสพได้จึงลงโทษจำเลยทั้งสองฐานได้
เสพเฮโรอีนและมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นกระทงความผิด เมื่อจำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 มีผลใช้บังคับแล้ว ต้องลงโทษจำเลยเป็นรายกระทงความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2770/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา: การปรับบทลงโทษและการพิจารณาความผิดหลายกรรม
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกร่วมกันฉุดคร่ากระทำอนาจาร ว. กับ ก. ผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คนฉุด ก.ผู้เสียหายและผลัดกันข่มขืนกระทำชำเรา แม้ตามทางพิจารณาจะปรากฏว่าพวกของจำเลยที่ 2 ที่ร่วมฉุด ก.ไปผลัดกันข่มขืนกระทำชำเรานั้นคือ จำเลยที่ 1 นายสำลีกับชายอีกคนหนึ่งก็เป็นเพียงรายละเอียดไม่ต่างกับฟ้องในสารสำคัญ และเมื่อจำเลยที่ 2 มิได้หลงต่อสู้คดี ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ จึงไม่ต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษจำเลยด้วย
จำเลยใช้มีดขู่บังคับผู้เสียหายและฉุดเข้าไปในป่าอ้อยลึก 2 เส้น แล้วข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 อันเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่จำต้องยกเอามาตรา 278 มาปรับบทด้วยอีก
of 19