คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4807/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องอาญาต้องชัดเจนครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มิฉะนั้นศาลไม่มีอำนาจลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ หรือรับของโจรแต่ระบุสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิด เฉพาะข้อหารับของโจรฟ้องโจทก์ในข้อหาลักทรัพย์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้ทางพิจารณาได้ความว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ก็ตาม ศาลก็ไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ การที่ศาลจะมีอำนาจลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จะต้องเป็นเรื่องที่คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายมาครบถ้วนถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(1) ถึง (7) เสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3989/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การลงโทษจำเลยเกินกว่าที่ระบุในคำฟ้องถือเป็นข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 จำนวน 3 ห่อ หนัก 4,825 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 17,69 เป็นการบรรยายฟ้องตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคหนึ่งที่บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เว้นแต่ได้รับอนุญาต"ซึ่งการมีฝิ่นไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีโทษตามมาตรา 69 วรรคสอง โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าฝิ่นดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่หนึ่งร้อยกรัมขึ้นไปดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 17 วรรคสอง ซึ่งมีโทษตามมาตรา 69 วรรคสี่ หนักกว่าโทษตามมาตรา 69 วรรคสองดังนั้นแม้โจทก์จะนำสืบได้ว่า ฝิ่นที่จำเลยมีไว้ในครอบครองคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินกว่าหนึ่งร้อยกรัมก็ตามศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 69 วรรคสี่ ซึ่งเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3471/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจากสารภาพและการมอบตัวเพื่อรับผิดชอบอาญา แม้พยานหลักฐานมัดตัว
แม้พฤติการณ์แห่งคดีจะเป็นที่สะเทือนขวัญของประชาชนอย่างยิ่งและจำเลยให้การรับสารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดีของศาล ก็ด้วยเหตุที่จำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ก็ตาม แต่การที่จำเลยเข้ามามอบตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อสารภาพความผิด และนำชี้ที่เกิดเหตุให้พนักงานสอบสวนทำแผนที่เกิดเหตุ ถือได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงมีเหตุสมควรที่จะลดโทษให้แก่จำเลย โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92มาด้วย เมื่อศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย และตามมาตรา 54ให้เพิ่มโทษก่อนแล้วจึงลดจากผลที่เพิ่มแล้วนั้น เมื่อศาลเพิ่มโทษจำเลยมิได้เพราะเป็นโทษประหารชีวิต จึงคงลดโทษให้จำเลยสถานเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3460/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุก, ข่มขืนใจ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง: การกระทำผิดฐานอาญาหลายบทจากการบุกรุกบ้านและข่มขู่
ขณะเกิดเหตุโจทก์ร่วมไม่ได้เป็นภรรยาน้อยของจำเลยเพราะต่างสมัครใจเลิกร้างขาดจากการอยู่กินฉันสามีภรรยากันแล้ว การที่จำเลยถืออาวุธปืนเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมพูดในลักษณะ ขู่เข็ญว่าจำเลยจะกลับมาอยู่กินกับโจทก์ร่วมให้ได้ใช้มือจิกผมโจทก์ร่วมไม่ได้อนุญาตให้จำเลยเข้าไปจึงเป็นการ เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควรเป็นความผิดฐานบุกรุก และการที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ร่วมออกไปจากห้องนอนรวมระยะเวลาประมาณ4 ชั่วโมง เพื่อบังคับให้โจทก์ร่วมยอมให้จำเลยอยู่กินกับโจทก์ร่วมดังเดิม จนกระทั่งมีคนมาเกลี้ยกล่อม จำเลยจึงยอมปล่อยให้โจทก์ร่วมออกมาจากห้องนอนการกระทำของจำเลย เป็นการพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ๆ และหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น ซึ่งการกระทำของจำเลยดังกล่าวมานี้ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3343/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องอาญา: คำร้องทุกข์ไม่ครอบคลุมจำเลยอื่น แม้มีส่วนร่วมกระทำผิด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ร่วมได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าถูก ส.หลอกลวงเอาเงินไป โจทก์ร่วมได้ติดตามสืบหาตัว ส.ตลอดมาแต่ไม่พบ จึงไม่มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ติดตามตัวส. มาเจรจากัน หากการเจรจาไม่เป็นที่ตกลงกันจะได้มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป ต่อมาโจทก์ร่วมไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมว่าในการหลอกลวงนี้มีจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยา ส.ได้ร่วมทำการหลอกลวงด้วย โจทก์ร่วมได้ติดตาม ส.กับจำเลยที่ 1 ตลอดมา แต่ยังไม่พบ โจทก์ร่วมได้รับความเสียหายจึงได้มาพบพนักงานสอบสวนแจ้งความร้องทุกข์และมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการจนกว่าคดีถึงที่สุดเป็นการกล่าวหาเฉพาะ ส. กับจำเลยที่ 1 เท่านั้นที่ร่วมกระทำผิด ไม่ได้กล่าวหาจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5ว่าได้ร่วมกระทำผิดด้วย ทั้งไม่ได้กล่าวหาว่ามีพวกของ ส.จำเลยที่ 1 หรือบุคคลอื่นร่วมกระทำผิด การกล่าวหาจึงไม่ครอบคลุมถึงจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 จึงไม่เป็นการกล่าวหาที่โจทก์ร่วมมีเจตนาจะให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้รับโทษไม่เป็นคำร้องทุกข์ในส่วนของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7),127

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยุยงให้กระทำผิด vs. ตัวการร่วม: ศาลแก้โทษจากตัวการเป็นผู้สนับสนุนอาญา
จำเลยทั้งสองไม่มีเจตนาจะใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายผู้ใดมาก่อนเมื่อชาวบ้านวิ่งไล่ตามจับ จำเลยที่ 2 ตะโกนว่า "ยิงเลย" เพื่อหลบหนีเอาตัวรอด จำเลยที่ 1 จึงใช้ปืนยิงผู้เสียหายในระยะห่าง2 วา ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 2 ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด จะถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้ จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2ตามที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84แต่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการ จึงเป็นการแตกต่างในสาระสำคัญอย่างมากย่อมลงโทษไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง แต่การที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกดังกล่าวถือได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2329/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกและการทำให้เสียทรัพย์ในเคหสถาน การกระทำโดยไม่มีเหตุอันสมควรและความรับผิดทางอาญา
แม้จำเลยจะไปมาหาสู่ ด. ที่บ้านโจทก์ร่วมเป็นประจำ แต่จำเลยไม่เคยเข้าไปในห้องนอนของ ด. เลย การที่จำเลยเข้าไปในห้องนอนของ ด.เพื่อตามหาด. ให้มาดื่มสุรากับตนโดยโจทก์ร่วมมิได้อนุญาตให้เข้าไป เป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นการรบกวนการครอบครองบ้านของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จำเลยมีความผิดฐานบุกรุก ข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อจำเลยเข้าไปในห้องนอนของ ด.โจทก์ร่วมได้ปิดประตูห้องนอนไว้ เพื่อมิให้จำเลยออกมาเพราะจำเลยเมาสุราจำเลยได้ใช้เท้าถีบประตูห้องนอนจนบานประตูห้องนอนหลุดดังนี้นอกจากเป็นความผิดฐานบุกรุกกรรมหนึ่งแล้วยังผิดฐานทำให้เสียทรัพย์อีกกรรมหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2321/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำผิดทางอาญา: การมอบอาวุธปืนไม่ถึงขั้นเป็นตัวการร่วม
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 2 แต่การที่จำเลยที่ 2 ท้าผู้เสียหายกับพวกชกต่อย ครั้นผู้เสียหายกับพวกลงจากบ้านจำเลยที่ 2 ได้วิ่งหนี แต่เมื่อผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตาม จำเลยที่ 2 จึงใช้อาวุธปืนยิง ดังนี้ เป็นการตัดสินใจของจำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียวเพื่อมิให้ผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตามกรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2321/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำผิดทางอาญา: การมอบอาวุธปืนไม่ใช่การสมคบหรือกระทำผิดร่วมกันหากผู้รับไปกระทำผิดด้วยตนเอง
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 2 แต่การที่จำเลยที่ 2 ท้าผู้เสียหายกับพวกชกต่อยครั้นผู้เสียหายกับพวกลงจากบ้านจำเลยที่ 2 ได้วิ่งหนี แต่เมื่อผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตาม จำเลยที่ 2 จึงใช้อาวุธปืนยิง ดังนี้เป็นการตัดสินใจของจำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียวเพื่อมิให้ผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตาม กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีอาญา: เหตุสมควร และความรับผิดชอบของโจทก์
บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 และ 181 ได้กำหนดหน้าที่ของโจทก์ว่า ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดี โจทก์จะต้องมาศาลตามนัดมิฉะนั้นก็ให้ศาลยกฟ้องเสีย เว้นแต่จะมีเหตุสมควรศาลจึงจะให้เลื่อนคดีไป บทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะเร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วมิให้มีการประวิงคดี จึงกำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า โจทก์ไม่มาศาลเพราะทนายความจำเลยขอเลื่อนคดีไปโดยโจทก์ตกลงยินยอมกับทนายจำเลยไว้และโจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีได้เป็นการคาดคะเนของโจทก์ ไม่เป็นเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 วรรคสอง
of 71