พบผลลัพธ์ทั้งหมด 264 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกันไม่ทำให้เกิดอายุความ ย่อมฟ้องแบ่งได้แม้ครอบครองคนเดียว
เจ้ามรดกตาย ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกได้ครอบครองมรดกร่วมกัน แม้เพียง 1 เดือนก็ถือได้ว่าได้ร่วมกันรับมรดกดังกล่าวและเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันแล้ว เมื่อทายาทฝ่ายหนึ่งมาฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าวนั้น จึงเป็นการฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์ซึ่งทายาทฝ่ายนั้นเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วยจะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้
โจทก์จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกันต่อมาโจทก์โกรธจำเลยจึงแยกไปอยู่เสียที่อื่นจำเลยจึงครอบครองทรัพย์มรดกนั้นแต่ผู้เดียวต้องถือว่าครอบครองในฐานะเจ้าของร่วมกันและแทนกันมิใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองดังประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
โจทก์จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกันต่อมาโจทก์โกรธจำเลยจึงแยกไปอยู่เสียที่อื่นจำเลยจึงครอบครองทรัพย์มรดกนั้นแต่ผู้เดียวต้องถือว่าครอบครองในฐานะเจ้าของร่วมกันและแทนกันมิใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองดังประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมในทรัพย์สินที่ได้มาจากการใช้ชีวิตร่วมกัน แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เจ้าหนี้บังคับคดีเอาทรัพย์ส่วนเจ้าของร่วมไม่ได้
หญิงชายอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ได้ร่วมกันซื้อนาและทำกินเป็นการแสดงเจตนาให้ถือได้ว่าเป็นเจ้าของร่วมกัน ส่วนเงินที่ซื้อฝ่ายใดจะยืมใครมาเป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์ เพราะหญิงชายนั้นระคนปนทรัพย์กันใช้สอยและทำมาหากินด้วยกัน ต้องถือว่าต่างสิทธิเป็นเจ้าของคนละครึ่ง
เจ้าหนี้ของสามีจะเอาทรัพย์ส่วนของภริยาที่มิได้จดทะเบียนและมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 303/2488)
เจ้าหนี้ของสามีจะเอาทรัพย์ส่วนของภริยาที่มิได้จดทะเบียนและมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 303/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมทรัพย์สิน: สามีภริยาไม่ได้จดทะเบียนซื้อร่วมทำกิน สิทธิในทรัพย์สินแบ่งครึ่ง
หญิงชายอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสได้ร่วมกันซื้อนาและทำกินเป็นการแสดงเจตนาให้ถือได้ว่าเป็นเจ้าของร่วมกันส่วนเงินที่ซื้อฝ่ายใดจะยืมใครมาเป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์ เพราะหญิงชายนั้นระคนปนทรัพย์กันใช้สอยและทำมาหากินด้วยกัน ต้องถือว่าต่างมีสิทธิเป็นเจ้าของคนละครึ่ง
เจ้าหนี้ของสามีจะเอาทรัพย์ส่วนของภริยาที่มิได้จดทะเบียนและมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 303/2488)
เจ้าหนี้ของสามีจะเอาทรัพย์ส่วนของภริยาที่มิได้จดทะเบียนและมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 303/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313-314/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตที่ดินติดกัน-คูน้ำ: ข้อสันนิษฐานเจ้าของร่วมและการพิสูจน์สิทธิ
คูพิพาทเป็นเขตระหว่างที่ของโจทก์และจำเลย จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1344 ว่าเจ้าของที่ดินทั้งสองข้างเป็นเจ้าของรวมกันเมื่อจำเลยอ้างว่าคูซึ่งเป็นเขตระหว่างที่โจทก์และจำเลยเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งที่ดินมรดก เจ้าของร่วมแยกครอบครอง ศาลแบ่งตามแนวเขตเดิม
ในกรณีที่เจ้าของร่วมสองคนในโฉนดได้แยกกันครอบครองที่ดินตามทิศทาง เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าฝ่ายหนึ่งได้ครอบครองเนื้อที่มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว ต้องถือว่าต่างมีส่วนเท่า ๆ กัน และควรแบ่งให้แต่ละฝ่ายตามทิศทางที่ครอบครองอยู่นั้น
(อ้างฎีกาที่ 1993/2500)
(อ้างฎีกาที่ 1993/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าและส่งมอบทรัพย์สิน เจ้าของร่วมมีส่วนผูกพันตามสัญญา
จำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาขายสิ่งของในห้องพิพาท และตกลงโอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทให้โจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาโดยมิชอบด้วยกฎหมายรู้เห็นยินยอมด้วย แต่มิได้ลงชื่อในสัญญานั้น สัญญานั้นย่อมผูกพันสิ่งของส่วนของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของรวมด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคสอง โจทก์จึงบังคับให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบสิ่งของนั้นให้แก่โจทก์ได้
เมื่อคำขอท้ายฟ้องมีว่า "ถ้าการโอนการเช่าห้องพิพาทไม่สามารถกระทำได้ก็ให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ " มิได้เรียกร้องให้คืนเงินในกรณีที่จำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของในห้องพิพาทให้โจทก์ด้วยแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เท่านั้นมีสิทธิในการเช่าจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่สามารถโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ได้ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยที่ 2 โดยอ้างว่าเงินที่จำเลยที่ 1 ได้รับมาย่อมตกเป็นทรัพย์ของจำเลยทั้งสองร่วมกันจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 คืนเงินให้โจทก์ด้วยมิได้ เพราะเท่ากับเป็นการขอให้บังคับแก่บุคคลภายนอก
เมื่อคำขอท้ายฟ้องมีว่า "ถ้าการโอนการเช่าห้องพิพาทไม่สามารถกระทำได้ก็ให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ " มิได้เรียกร้องให้คืนเงินในกรณีที่จำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของในห้องพิพาทให้โจทก์ด้วยแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เท่านั้นมีสิทธิในการเช่าจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่สามารถโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ได้ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยที่ 2 โดยอ้างว่าเงินที่จำเลยที่ 1 ได้รับมาย่อมตกเป็นทรัพย์ของจำเลยทั้งสองร่วมกันจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 คืนเงินให้โจทก์ด้วยมิได้ เพราะเท่ากับเป็นการขอให้บังคับแก่บุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายทอดตลาดที่ดินงอกร่วมกัน เจ้าหนี้มีสิทธิยึดขายได้ทั้งแปลง
เมื่อจำเลยกับผู้ร้องเป็นเจ้าของที่งอกร่วมกันโดยยังมิได้แบ่งส่วนเช่นนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและขายทอดตลาดที่งอกได้ทั้งแปลง เรื่องเช่นนี้ แม้แต่ในกรณีระหว่างจำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันอยู่ถ้าไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์กันอย่างไรแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1364 ก็ต้องขายไปทั้งแปลงเช่นเดียวกัน
เจ้าของรวมย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมในทางการบังคับคดีได้
เจ้าของรวมย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมในทางการบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนไม่ผูกพันบุคคลภายนอกที่สุจริต สิทธิเจ้าของร่วมเป็นไปตามส่วน
โจทก์ซื้อที่ดินมีโฉนดบางส่วนจากเจ้าของเดิมโดยยังมิได้เข้าครอบครอง แม้โจทก์จะได้ตกลงกับเจ้าของเดิมว่าซื้อขายกันทางฝั่งด้านตะวันตกของถนนก็ตาม เมื่อหลักฐานทางทะเบียบปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมจำนวน 8,000 ส่วน ในจำนวน 18,278 ส่วนเท่านั้น โจทก์ย่อมไม่อาจยกข้อตกลงนี้ใช้ยันจำเลยผู้ซื้อที่ดินคนหลังจากเจ้าของเดิมซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและกระทำโดยสุจริตได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับการจำนองของผู้อื่นโดยปริยาย แม้เป็นเจ้าของร่วม ไม่สามารถเรียกร้องภายหลังได้
จำเลยกับผู้ร้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยมิได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างนั้นได้ออกเงินช่วยกันซื้อที่ดินและร่วมกันครอบครองมา เมื่อจำเลยผู้เป็นสามีนำรังวัดที่ดินนี้เพื่อออกโฉนดและใบไต่สวนผู้ร้องก็ทราบ แต่ก็ยอมให้ลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว ภายหลังจำเลยนำที่ดินนี้ไปจำนองไว้กับโจทก์ เมื่อโจทก์บอกกล่าวการบังคับจำนองผู้ร้องก็ติดต่อขอผ่อนผันกับโจทก์โดยได้รับมอบอำนาจจากจำเลย ต่อมาผู้ร้องปลูกป้องแถวลงในที่ดินนี้ ผุ้ร้องก็ขออนุญาตโจทก์ และยังยอมให้สิ่งปลูกสร้างตกอยู่ในสัญญาจำนองด้วย เมื่อจำเลยถูกโจทก์ฟ้องบังคับจำนองตลอดจนกระทั่งโจทก์ชนะคดีแล้วนำยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาด ผู้ร้องก็ไม่เคยโต้แย้งเลย ดังนี้ ผู้ร้องจะเพิ่งมาโต้แย้งภายหลังที่ขายทอดตลาดแล้วว่าทรัพย์รายนี้เป็นของผู้ร้องร่วมอยู่ด้วย และว่าจำเลยไม่มีอำนาจจำนองทรัพย์ส่วนของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงขอแบ่งเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเช่นนี้หาได้ไม่ เพราะตามพฤติการณ์ของผู้ร้องแสดงชัดแจ้งแล้วว่าผู้ร้องรับรองต่อโจทก์ว่าที่จำเลยจำนองที่ดินนี้แก่โจทก์นั้นเป็นการสมบูรณ์และโดยมีอำนาจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ตึกหลังครบกำหนดเช่า และสิทธิเจ้าของร่วมในการฟ้องคดี
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่าให้ตึกเป็นของเจ้าของที่ดินเมื่อครบกำหนดเช่าแล้วฉะนั้น เมื่อครบกำหนดการเช่า ตึกย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบของที่ดินโดยไม่ต้องทำการโอนต่อกัน
ทรัพย์สินซึ่งมีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้นการที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
ทรัพย์สินซึ่งมีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้นการที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย