พบผลลัพธ์ทั้งหมด 341 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีเพื่อประวิงเวลา และการไม่อนุญาตเลื่อนคดีเมื่อพฤติการณ์บ่งชี้ถึงเจตนาประวิงคดี
ในวันนัดสืบพยานโจทก์สี่นัดแรก ศาลอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเพื่อเจรจากับโจทก์ ครั้นวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งสุดท้าย จำเลยขอเลื่อนคดีอีกโดยอ้างว่า ทนายติดว่าความที่ศาลอื่น ทั้ง ๆ ที่ทนายจำเลยเป็นคนกำหนดวันนัดไว้เองซึ่งหากตรงกับวันนัดในคดีนี้ก็ไม่ควรนัดให้ซ้อนกัน ประกอบกับในวันนัดสืบพยานจำเลยอีก 2 นัดจำเลยก็ขอเลื่อนคดีอีก และในวันนัดสืบพยานจำเลยในนัดต่อมาจำเลยและทนายก็ไม่มาศาลอีก จึงยิ่งทำให้เห็นว่าจำเลยขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้ายก็เพื่อประวิงคดีเท่านั้น ศาลจึงชอบที่จะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: เหตุจำเป็นที่ศาลควรอนุญาตเพื่อความยุติธรรม
ในวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยที่ 2 นอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมีบัตรตรวจโรคผู้ป่วย รายงานการรักษาและใบรับรองแพทย์มาเป็นหลักฐาน เชื่อ ได้ว่าทนายจำเลยที่ 2 ป่วยจนไม่สามารถมาศาลได้จริง เป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ การนัดสืบพยานจำเลยในวันนั้นเป็นการซักค้านตัวจำเลยที่ 2 ของทนายโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 ยังเบิกความไม่เสร็จก็ยากที่จะรับฟังเป็นความจริงได้ถ้า ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีย่อมจะทำให้เสียความยุติธรรมชอบที่ศาลจะสั่งเลื่อนคดีต่อไปเท่าที่จำเป็นแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5834/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดชัดเจน การไม่ดำเนินการยื่นขอเลื่อนคดีเป็นสาระสำคัญ
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองกล่าวเพียงว่า วันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยทั้งสองไม่มาศาลเพราะป่วยกะทันหัน และให้เสมียนทนายมาขอเลื่อนคดี แต่เสมียนทนายไม่ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีให้โดยไม่ทราบสาเหตุ (ซึ่งจำเลยจะนำเสมียนทนายนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป) และปรากฏว่าจำเลยทั้งสองยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่หลังวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าว 3 เดือน น่าจะทราบเหตุที่เสมียนทนายไม่ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีให้แล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่กล่าวถึงสาเหตุที่เสมียนทนายไม่ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีให้ทั้งที่การมิได้ร้องขอเลื่อนคดีเป็นสาระสำคัญประการหนึ่งแห่งการขาดนัดพิจารณา คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองจึงเป็นคำขอที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5402/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีต้องกระทำภายในกรอบเวลาที่กำหนด แม้มีเหตุขัดข้องกะทันหัน ก็ไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ทนายโจทก์ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ล่วงหน้าเป็นเวลานานถึง14 วัน มีเวลายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีได้ล่วงหน้าอย่างเพียงพอ อีกทั้งคดียังมีตัวโจทก์อีกผู้หนึ่งซึ่งสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อศาลได้ ดังนั้น ถ้าเสมียนทนายป่วยกะทันหันก็ยังมีตัวโจทก์มาศาลได้ในวันนัด และแจ้งให้ศาลทราบถึงเหตุขัดข้องจำเป็นต้องขอเลื่อนคดีกรณีของโจทก์จึงถือไม่ได้ว่ามีเหตุสุดวิสัย โจทก์จึงต้องยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอย่างช้าภายในวันนัดสืบพยาน จะยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีภายหลังจากวันนัดสืบพยานโจทก์หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4297/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีและการขาดนัดพิจารณา: ศาลแพ่งมีอำนาจอนุญาตเลื่อนคดีได้ แม้ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน
วันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยมาศาล ส่วนโจทก์ไม่ได้ไปศาลเจ้าของคดีตามนัด แต่โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีต่อศาลแพ่งอันเป็นศาลที่โจทก์และทนายโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ อ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์และความเห็นของแพทย์แนบไปด้วยศาลแพ่งจึงสั่งให้โจทก์เลื่อนคดีและได้แจ้งให้ศาลเจ้าของคดีทราบอันเป็นกระบวนพิจารณาที่ศาลแพ่งมีอำนาจทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์ได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานไม่ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง แม้โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนวันสืบพยาน 3 วันก็ตาม เมื่อปรากฏว่าศาลเจ้าของคดีสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาก่อนทราบคำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าว จึงเป็นการสั่งไปโดยผิดหลง ศาลเจ้าของคดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีและการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยาน
ศาลอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีไปครั้งหนึ่ง โดยกำชับจำเลย ให้เตรียมพยานมาให้พร้อมเพื่อให้สืบทั้งหมดในวันนัด หากพยานฝ่ายใดไม่มาศาลจะถือว่าฝ่ายนั้นไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าจำเลยติดธุระจำเป็นที่กรุงเทพมหานครอันเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นอัน ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และจำเลยมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของ ศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ดังบัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก พฤติการณ์ของจำเลย ดังกล่าวส่อแสดงว่า จำเลยเพิกเฉยไม่สนใจในการดำเนินคดีของตน เป็นการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และงดสืบพยาน จำเลยเสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3948/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีและการพิสูจน์ความชอบด้วยกฎหมายของการขายทอดตลาด
ทนายความผู้ประกันขอเลื่อนคดีมาแล้วครั้งหนึ่งอ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่นศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้นถึงวันนัดครั้งต่อไปทนายความผู้ประกันยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าได้นัดผู้ประกันให้มาเบิกความต่อศาล แต่ผู้ประกันไม่มาและไม่ทราบสาเหตุ แต่ตามคำร้องขอเลื่อนคดีไม่ได้อ้างเหตุจำเป็นอื่นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ และไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปจะทำให้เสียความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนคดี
ผู้ประกันกล่าวอ้างว่า การขายทอดตลาดที่ดินพิพาทเป็นไปโดยไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการขายทอดตลาด ผู้ซื้อทรัพย์คัดค้าน ดังนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่ผู้ประกัน เมื่อผู้ประกันไม่มีพยานมานำสืบ อีกทั้งได้ความตามสำนวนว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศแจ้งการขายทอดตลาดโดยชอบหลายครั้ง ไม่มีผู้ใดสนใจเข้าสู้ราคา เมื่อผู้ซื้อทรัพย์สู้ราคาสูงสุดสูงกว่าราคาประเมิน และศาลชั้นต้นเห็นสมควรให้ขายทรัพย์แก่ผู้ซื้อทรัพย์การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยชอบแล้ว
การยื่นคำร้องของผู้ประกันในคดีอาญาว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบรวมทั้งการอุทธรณ์ฎีกา ไม่จำต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 252
ผู้ประกันกล่าวอ้างว่า การขายทอดตลาดที่ดินพิพาทเป็นไปโดยไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการขายทอดตลาด ผู้ซื้อทรัพย์คัดค้าน ดังนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่ผู้ประกัน เมื่อผู้ประกันไม่มีพยานมานำสืบ อีกทั้งได้ความตามสำนวนว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศแจ้งการขายทอดตลาดโดยชอบหลายครั้ง ไม่มีผู้ใดสนใจเข้าสู้ราคา เมื่อผู้ซื้อทรัพย์สู้ราคาสูงสุดสูงกว่าราคาประเมิน และศาลชั้นต้นเห็นสมควรให้ขายทรัพย์แก่ผู้ซื้อทรัพย์การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยชอบแล้ว
การยื่นคำร้องของผู้ประกันในคดีอาญาว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบรวมทั้งการอุทธรณ์ฎีกา ไม่จำต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 252
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3948/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่มีเหตุสมควร และการยกคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดที่ชอบด้วยกฎหมาย
ทนายความผู้ประกันขอเลื่อนคดีมาแล้วครั้งหนึ่งอ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้นถึงวันนัดครั้งต่อไปทนายความผู้ประกันยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่า ได้นัดผู้ประกันให้มาเบิกความต่อศาล แต่ผู้ประกันไม่มาและไม่ทราบสาเหตุ แต่ตามคำร้องขอเลื่อนคดีไม่ได้อ้างเหตุจำเป็นอื่นอันไม่อาจก้าวล่วงได้และไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปจะทำให้เสียความยุติธรรมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนคดี ผู้ประกันกล่าวอ้างว่า การขายทอดตลาดที่ดินพิพาทเป็นไปโดยไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการขายทอดตลาด ผู้ซื้อทรัพย์คัดค้าน ดังนี้ หน้าที่นำสืบตกแก่ผู้ประกัน เมื่อผู้ประกันไม่มีพยานมานำสืบ อีกทั้งได้ความตามสำนวนว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศแจ้งการขายทอดตลาดโดยชอบหลายครั้งไม่มีผู้ใดสนใจเข้าสู้ราคา เมื่อผู้ซื้อทรัพย์สู้ราคาสูงสุดสูงกว่าราคาประเมิน และศาลชั้นต้นเห็นสมควรให้ขายทรัพย์แก่ผู้ซื้อทรัพย์ การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยชอบแล้ว การยื่นคำร้องของผู้ประกันในคดีอาญาว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบ รวมทั้งการอุทธรณ์ฎีกา ไม่จำต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตาม ป.วิ.อ. มาตรา 252
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่มาศาลของผู้ร้องและการประวิงคดี กรณีไม่มีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นเคยสั่งจำหน่ายคดีผู้ร้องเพราะเหตุทิ้งคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานผู้ร้องในวันนัดสืบพยานผู้ร้องทนายความผู้ร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าผู้ร้องไปอบรมราชการที่กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ผู้ร้องขอลาหยุดราชการต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อมาศาลแล้วแต่ไม่มาโดยไม่มีพยานอื่นมาสืบ ตามพฤติการณ์แสดงว่าผู้ร้องไม่ได้เอาใจใส่การดำเนินคดีมีลักษณะประวิงคดีให้ชักช้า เพื่อมิให้ทรัพย์ที่ถูกยึดถูกนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้แก่โจทก์จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี แม้เป็นการขอเลื่อนคดีครั้งแรกก็ไม่สมควรให้เลื่อนคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 40 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยไม่สมเหตุผล ศาลไม่อนุญาตเลื่อนคดี แม้เป็นครั้งแรก เพื่อรักษาสิทธิเจ้าหนี้
ศาลชั้นต้นเคยสั่งจำหน่ายคดีผู้ร้องเพราะเหตุทิ้งคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานผู้ร้องแต่ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องทนายความผู้ร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าผู้ร้องไปอบรมราชการที่กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ปรากฏว่าผู้ร้องขอลาหยุดราชการต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อมาศาลแล้วไม่มาโดยไม่มีพยานอื่นมาสืบ ตามพฤติการณ์แสดงว่าผู้ร้องไม่ได้เอาใจใส่ในการดำเนินคดี มีลักษณะประวิงคดีให้ชักช้า เพื่อมิให้ทรัพย์ที่ถูกยึดถูกนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้แก่โจทก์จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี แม้เป็นการขอเลื่อนคดีครั้งแรกก็ไม่สมควรให้เลื่อนคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก.