คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 356 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2489/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม เนื่องจากเป็นการโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์ในการกำหนดโทษคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 2 กระทง โดยเรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รอการลงโทษไว้กระทงละ 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวทุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่คุมความประพฤติจำเลย ดังนี้ เท่ากับศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ 1 ปีหรือปรับไม่เกินกระทงละ 10,000 บาท ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ และคุมความประพฤติจำเลย ซึ่งเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังว่าจำเลยพยายามฆ่า ศาลฎีกายกฟ้องฐานพยายามฆ่า แม้จำเลยจะฎีกาเรื่องโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดข้อหาพยายามฆ่าด้วย จำเลยฎีกาเพียงว่าศาลอุทธรณ์กำหนดโทษรุนแรงเกินไป ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยในความผิดข้อหาพยายามฆ่าแล้ว ก็มีอำนาจยกฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 ประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225 ส่วนข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้น ปรากฏว่า โจทก์จำเลยต่างไม่อุทธรณ์จึงเป็นยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยในความผิดดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงบทและโทษจากตัวการเป็นผู้ช่วยเหลือในคดีฉ้อโกง ทำให้จำเลยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุก 1 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นกระทำความผิดฉ้อโกงตามมาตรา 341, 86 จำคุก 8 เดือน นั้น แม้จะเป็นการแก้ทั้งบทและโทษ แต่ศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดโทษคดียาเสพติดต้องคำนึงถึงปริมาณยาเสพติดและอัตราโทษตามกฎหมาย
การกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยในคดีอาญาต้องคำนึงถึงอัตราโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายด้วย โทษฐานมียาเสพติดประเภท 1(เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นถือเอาปริมาณยาเสพติดที่มีไว้ในครอบครองเป็นเกณฑ์กล่าวคือ ถ้าปริมาณไม่เกิน 100กรัม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท แต่ถ้าปริมาณเกิน 100 กรัม ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต. จำเลยมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 58.255 กรัม. คือปริมาณกึ่งหนึ่งของเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต การที่ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำคุกจำเลยถึง 40 ปี ซึ่งเกือบจะเท่าโทษสูงสุดที่กฎหมายกำหนด นับได้ว่าเป็นการกำหนดโทษที่ค่อนข้างจะสูงเกินไป เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้และลดโทษให้จำเลย เหลือโทษจำคุก 15 ปี จึงเป็นกำหนดโทษที่เหมาะสม.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4524/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจากครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเพียงครอบครอง ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 76 จำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับ 14,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 76 วรรคแรก จำคุก 3 เดือนและปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาที่ศาลล่างพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้ไม่กำหนดโทษ
ข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ นั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้จะมิได้กำหนดโทษไว้แต่ความผิดฐานดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3152/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริงและการแก้ไขโทษลดลง
คำอนุญาตให้ฎีกาของผู้พิพากษาศาลชั้นต้นว่า 'จำเลยเป็นข้าราชการ มีปัญหาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายควรศาลสูงจะได้พิจารณา จึงรับรองให้ฎีกาข้อเท็จจริงได้ด้วย' นั้น ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นเห็นว่าฎีกาข้อใดเป็นปัญหาข้อเท็จจริงอันเป็นปัญหาสำคัญควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา จึงเป็นคำอนุญาตที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกท้องสำนวนว่าจำเลยมีเจตนาในการกระทำผิด เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานนอกไปจากที่ปรากฏในท้องสำนวน หากแต่ยกเอาถ้อยคำของพยานโจทก์และพยานจำเลยขึ้นมาประกอบเป็นข้อวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องจำเลยเห็นควรเชื่อตามพยานหลักฐานของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง รวมทั้งฎีกาของจำเลยที่ว่าตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรให้รอการลงโทษให้แก่จำเลย เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2641/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางโทษคดีฝิ่น: ศาลฎีกาชี้การปรับบทลงโทษตามกฎหมายแก้ไขเป็นไปผิดพลาด ต้องใช้บทเดิม
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 69วรรคสามขยายความมาตรา69 วรรคสอง เฉพาะความผิดฐานจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ซึ่งเป็นมอร์ฟีน ฝิ่นหรือโคคาอีนที่มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม
จำเลยมีมูลฝิ่นหนัก 8.5 กรัม ไว้ในครอบครอง จึงต้องวางอัตราโทษตามมาตรา 69 วรรคหนึ่ง ศาลล่างวางโทษจำเลยตามมาตรา 6แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่2) พ.ศ.2528 ซึ่งเป็นบทแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 69 วรรคสามและวรรคสี่ด้วยนั้นไม่ถูก ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเป็นไม่ปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่2)พ.ศ.2528 มาตรา 6.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การรับเอาทรัพย์ที่ลักมาโดยรู้ว่าเป็นของผู้อื่น และการพิจารณาโทษ
จำเลยหาบข้าวของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปไปกองไว้ด้วยตนเอง เมื่อปรากฏว่าลักษณะของฟ่อนข้าวของผู้เสียหายกับของจำเลยแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากวัสดุที่ใช้มัดข้าวของผู้เสียหายเป็นไม้ไผ่ของจำเลยเป็นหญ้าแฝก ข้าวก็เป็นคนละพันธุ์ ข้าวของผู้เสียหายที่อยู่ในลานข้าวของจำเลยก็มิได้วางไว้พื้นนาแต่มีกองข้าวของจำเลยปิดทับอยู่ ต้องรื้อกองข้าวของจำเลยออกจึกพบข้าวของผู้เสียหาย พฤติการณ์เหล่านี้แสดงว่าจำเลยรับเอาข้าวของผู้เสียหายไว้ โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ลักมาจำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการใช้มาตรา 69 วรรคสาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ แก้ไขเพิ่มเติม มิได้ขยายถึงวรรคแรก
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคสาม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 6 นั้น เป็นการบัญญัติกฎหมายขยายความในมาตรา 69 วรรคสอง ซึ่งเป็นเรื่องของการจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 มิได้ประสงค์ให้ใช้กับมาตรา69 วรรคแรกซึ่งเป็นเรื่องมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ด้วย.
of 36