คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ผูกพัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 151 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าไม่ได้จดทะเบียนและหมดอายุ ผู้ซื้อที่ดินย่อมไม่ผูกพันสัญญา
ผู้เช่าที่ดินทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของเดิม และได้ปลูกสร้างอาคารบนที่ดินนั้น โดยมีข้อตกลงในสัญญาว่า เมื่อสร้างอาคารเสร็จแล้ว จะต้องให้ผู้เช่าได้มีสิทธิใช้ประโยชน์ต่อไปเป็นกำหนด 15 ปี นับแต่ปลูกสร้างเสร็จแต่สัญญานี้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และกำหนดเวลาเช่า 3 ปี ล่วงเลยแล้ว ที่ดินแปลงนี้ได้โอนขายไปยังบุคคลอื่นต่อไป ผู้ที่รับซื้อที่ดินไว้ ย่อมฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดินนั้นได้ เพราะข้อตกลงจะมีลักษณะเป็นสัญญาเช่าหรือเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างอื่นก็ตาม ย่อมไม่ผูกพันผู้ซื้อ เพราะหากพิจารณาในแง่เป็นสัญญาเช่า ซึ่งผู้รับโอนต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่าด้วย การเช่ามีผลตามกฎหมายเพียง 3 ปีเท่านั้น เพราะไม่ได้จดทะเบียน กำหนดเวลาเช่า 3 ปี ก็ล่วงเลยมาเสียแล้วและหากพิจารณาในแง่เป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างอื่น ก็หามีผลผูกพันไปถึงผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลภายนอกรับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยสุจริตไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมระหว่างลูกหนี้ร่วมไม่ผูกพันลูกหนี้ที่ไม่ได้ร่วมทำสัญญา และไม่ถือเป็นการแปลงหนี้
การที่โจทก์กับจำเลยที่ 1-2 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยที่ 1-2 ยอมใช้ต้นเงิน 100,000 บาท กับดอกเบี้ยซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นผู้เซ็นชื่อกู้เงินนี้จากโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1-2 นั้นไม่ทำให้จำเลยที่ 3 ซึ่งต่อสู้คดีไปคนละประเด็นกับจำเลยที่ 1-2พ้นผิด เพราะการทำสัญญาประนีประนอมดังกล่าวเป็นแต่สัญญาระงับข้อพิพาท ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ ไม่ใช่เป็นการที่ลูกหนี้ร่วมชำระหนี้ และไม่ใช่เป็นการปลดหนี้เพราะในสัญญาประนีประนอมนั้นมิได้ระบุให้จำเลยที่ 3 พ้นความผิด ศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคดีระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 3 ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ยังไม่ผูกพัน & การเข้าครอบครองโดยอาศัยสิทธิไม่ก่อให้เกิดภาระจำยอม
การที่เจ้าอาวาสลงชื่อในสัญญาเช่าหมาย ล.5 โดยเจตนาจะถือเป็นเพียงแต่ร่างสัญญาโดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการวัดก่อนอีกทีหนึ่ง ไม่มีความประสงค์จะให้เป็นสัญญาอันแท้จริง สัญญาเช่าดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์จำเลยอย่างใด ที่จำเลยอ้างว่าเข้าอยู่โดยอาศัยสิทธิการเช่าตามสัญญาหมาย ล.5 จึงฟังไม่ได้ เป็นแต่เพียงอาศัยเท่านั้น เมื่อเป็นการอาศัยจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้จดทะเบียนการเช่าและภาระจำยอมตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312
การที่โจทก์ฟ้องจำเลย ๆ ฟ้องแย้งโจทก์ โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งนั้น เป็นคดีเดียวกันทั้งนั้น ทนายโจทก์ที่ได้รับแต่งตั้งไว้แล้วมีสิทธิทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งจำเลยได้ ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งทนายใหม่อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทานบนที่ทำกับบุคคลที่ไม่ได้เป็นสามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นผลผูกพันบังคับได้ และศาลไม่แก้ไขคำพิพากษาเดิมเมื่อจำเลยไม่ฎีกา
ฟ้องขอหย่าและให้ริบทรัพย์โดยอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งผิดทานบล เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยไม่เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วย ก.ม.แล้ว เรื่องผิดทานบลจึงเป็นเพียงข้อตกลงกันตามธรรมดา เมื่อไม่มีมูลหนี้ผูกพันกันตาม ก.ม.ก็บังคับกันไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ริบทรัพย์จำเลยตามทานบนเมื่อศาลวินิจฉัยว่าทานบนใช้บังคับไม่ได้ คดีก็ไม่มีประเด็นว่าจะแบ่งทรัพย์กันเพียงใดหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งทรัพย์แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ฎีกาโต้แย้ง ศาลฎีกาย่อมไม่แก้ไข.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมที่ทำโดยมารดา เกี่ยวกับทรัพย์สินบุตรผู้เยาว์ ไม่สมบูรณ์และไม่ผูกพัน
จำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นว่าสัญญาท้ายคำให้การและฟ้องแย้งเป็นสัญญาประนีประนอม ดังนี้ประเด็นข้อวินิจฉัยก็อยู่ที่ว่าข้อความที่ปรากฎในเอกสารฉบับนั้นจะเป็นการเพียงพอตาม ก.ม.ที่ศาลจะบังคับให้เป็นไปตามนั้นหรือไม่เท่านั้น ถ้าศาลเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลเพียงพอหรือข้อความกำกวม จำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไปก่อนก็อาจระงับไว้โดยยังไม่วินิจฉัยปัญหาเบื้องต้นในชั้นนี้ก็ได้
อนึ่งยังปรากฎต่อไปว่าศาลได้เปรียบเทียบให้คู่ความอ้างนายเย๊ะเป็นพยานคนกลางแต่เพียงคนเดียว โจทก์ไม่ยอมฉนั้นเมื่อศาลชั้นต้นเรียกนายเย๊ะเข้ามาเป็นพยานศาลและรับฟังตามคำพยานปากนี้ขึ้นปรับคดีให้โจทก์แพ้จึงเป็นการไม่ชอบ
สัญญาที่จำเลยขอให้วินิจฉัยเบื้องต้นโดยอ้างว่าเป็นสัญญาประนีประนอม ฯ นั้น แม้จะยอมรับฟังว่าเป็นสัญญาประนีประนอมแต่บุตรของโจทก์ทั้ง 3 ยังไม่บรรลุนิติภาวะฉนั้นมารดาย่อมไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอม ฯ เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของบุตรผู้เป็นเด็กโดยลำพังตาม ป.พ.พ.ม.1546 ข้อพิพาทจึงไม่อาจระงับไปได้ คดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารติดพันในที่ดินรวม เจ้าของรวมคนอื่นไม่ผูกพันสัญญา
เจ้าของรวมในกรรมสิทธิ์ที่ดินผู้หนึ่งไปก่อให้เกิดภารติดพันในที่ดินแปลงนั้น โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้บุคคลอื่นมามีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่นๆ ด้วยสัญญานั้นหาผูกพันเจ้าของรวมคนอื่นๆ ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องทางแพ่งหลังคดีอาญา: ศาลไม่ผูกพันข้อเท็จจริงเดิม หากคดีอาญาไม่ได้ชี้ขาดเรื่องสิทธิในทางแพ่ง
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งให้ศาลถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
แม้ว่าโจทก์จะเคยฟ้องจำเลยในคดีอาญาในข้อหาว่าลักทรัพย์บุกรุกมาแล้ว และศาลเป็นแต่พิพากษาว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตลักทรัพย์หรือบุกรุกที่ดินของโจทก์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องโต้เถียงการครอบครองหรือสิทธิในทางแพ่ง ศาลหาได้ชี้ขาดที่พิพาทว่าเป็นของใครไม่ ดังนี้โจทก์มีสิทธิกลับมาฟ้องทางแพ่งให้พิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวในคดีก่อนเป็นของโจทก์ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม
เมื่อทางวัดได้มอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนวัดโดยถูกต้องแล้วผู้นั้นก็ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีได้ ส่วนผู้รับมอบอำนาจจะเป็นไวยาวัจจกรของวัดจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินของเด็กต้องได้รับอนุญาตจากศาล สัญญาจึงผูกพัน เมื่อยังไม่ผูกพันเด็ก ผู้รับมรดกก็ไม่อาจถูกบังคับตามสัญญาได้
บิดาในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร ได้ทำสัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินของบุตร กับที่ดินของโจทก์แต่ยังไม่ทันได้ร้องขออนุญาตต่อศาล บุตรก็ตายลงเสียก่อน ที่ดินของบุตรจึงตกเป็นมรดกได้แก่บิดา ดังนี้ โจทก์จะฟ้องบิดาให้โอนที่ดินนั้นให้แก่โจทก์ตามสัญญาย่อมไม่ได้ เพราะบิดาเป็นแต่เพียงผู้ทำสัญญาแทนเด็กและเมื่อสัญญายังไม่ผูกพันเด็ก ก็ย่อมไม่ผูกพันบิดา ผู้ซึ่งเป็นผู้รับมรดกด้วย
(ประชุมใหญ่) ครั้งที่ 9/2494

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินโดยผู้แทนชอบธรรม สัญญาไม่ผูกพันเมื่อบุตรเสียชีวิตก่อนได้รับอนุมัติศาล
บิดาในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร ได้ทำสัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินของบุตร กับที่ดินของโจทก์ แต่ยังไม่ทันได้ร้องขออนุญาตต่อศาล บุตรก็ตายลงเสียก่อนที่ดินของบุตรจึงตกเป็นมรดกได้แก่บิดา ดังนี้ โจทก์จะฟ้องบิดาให้โอนที่ดินนั้นให้แก่โจทก์ตามสัญญาย่อมไม่ได้ เพราะบิดาเป็นแต่เพียงผู้ทำสัญญาแทนเด็ก และเมื่อสัญญายังไม่ผูกพันเด็ก ก็ย่อมไม่ผูกพันบิดา ผู้ซึ่งเป็นผู้รับมรดกด้วย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2494)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากที่ดินของบุตรโดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ผู้รับซื้อฝากอ้างอายุความมิได้ คดีไม่ผูกพันบุตร
บิดาเอาที่ดิน (ไม่มีโฉนด) พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน อันเป็นของบุตรไปขายฝากเขาไว้มีกำหนดไถ่คืนภายใน10 ปี ในนามตนเองเป็นส่วนตัว มิใช่ทำแทนบุตร ผู้รับซื้อฝากก็ทราบว่าที่ดินเป็นของบุตร ดังนี้ จะนำสัญญามาใช้ยันบุตรไม่ได้ และผู้รับซื้อฝากจะอ้างว่าได้ครอบครองมาครบ 10 ปีแล้ว ก็ไม่ได้อีก เพราะเมื่อสัญญานั้นไม่ผูกพันบุตรดังกล่าวแล้ว การครอบครองของจำเลยตามข้อสัญญาและตามกิริยาที่ปฏิบัติต่อกันเป็นทำนองเอาที่ดินประกันเงินกู้ โดยยอมให้มีสิทธิไถ่ถอนได้ภายใน 10 ปีฉะนั้นภายในกำหนด 10 ปีนั้นผู้รับซื้อฝากจะอ้างว่า ตนครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของหาได้ไม่
จำเลยรับซื้อฝากที่ดินจากบิดาของโจทก์โดยรู้ว่าบิดาครอบครองแทนโจทก์และไม่มีอำนาจโอน จำเลยอ้างอายุความปกครองโดยปรปักษ์ยันโจทก์ไม่ได้
จำเลยเคยฟ้องมารดาของเด็ก (ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว) ขอให้ศาลขับไล่ออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์มาจากการขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เด็กกลับมาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของเด็ก มิใช่ของบิดามารดา การที่บิดาเอาที่ไปขายฝากแก่จำเลย เด็กไม่ทราบ เป็นเรื่องจำเลยสมคบกับบิดาเด็กแจ้งเท็จต่ออำเภอว่าเป็นที่ของบิดาเด็ก จึงขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก ดังนี้ ถือว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ และคำพิพากษาในคดีก่อนก็ไม่ผูกพันเด็ก
of 16