คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ และการพิสูจน์ความเสียหายในคดีอาญา
ทนายจำเลยซึ่งถอนตัวไปแล้วได้ลงชื่อในอุทธรณ์โดยมิได้แต่งทนายเข้ามาใหม่ และจำเลยมิได้ลงชื่อในอุทธรณ์ ศาลจึงสั่งในอุทธรณ์ให้จำเลยแต่งทนายให้ถูกต้องก่อนแล้วจะสั่งอุทธรณ์ใหม่ แม้จำเลยจะแต่งตั้งทนายความภายหลังวันสิ้นอายุอุทธรณ์แล้ว แต่ศาลก็สั่งรับอุทธรณ์ ดังนี้ เป็นเรื่องศาลชั้นต้นใช้อำนาจอนุญาตให้จำเลยจัดการแก้ไขการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อจำเลยปฏิบัติถูกต้องแล้ว ก็ต้องถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยสมบูรณ์มาแต่ต้นตั้งแต่วันยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
การที่จำเลยเบิกความและนำสืบพยานหลักฐานต่อศาลก็เพื่อให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และเพื่อให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดอันเป็นความเสียหายแก่โจทก์ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษผู้กระทำผิดเด็กและเยาวชน และข้อยกเว้นการฎีกาในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้มอบตัวจำเลยแก่บิดาจำเลย ให้บิดาจำเลยระวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายภายในกำหนด 3 ปีมิฉะนั้นให้บิดาจำเลยชำระเงินต่อศาลครั้งละ 500 บาททุกครั้งที่จำเลยก่อเหตุร้ายขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74 วิธีการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากำหนดนี้เบากว่าโทษจำคุก ดังนั้นจึงถือว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกว่าจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ของกลางในคดีอาญา และอำนาจศาลในการงดบังคับคดี
แม้ทองคำของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดมา และพนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา อาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินก็ตาม แต่ขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทองคำดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้ริบ ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีนั้นจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ถอนการยึด หรือยกเลิกหมายบังคับคดีได้
การที่จะให้งดการบังคับคดีหรือจะให้บังคับคดีต่อไปย่อมเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ที่จะใช้ให้เหมาะสมแก่รูปคดี เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าทองคำที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเป็นทรัพย์ของกลาง พนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาซึ่งกำลังพิจารณาคดีอยู่ในศาล และอาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินได้ การที่ศาลใช้ดุลพินิจให้งดการบังคับคดีสำหรับทองคำนั้นไว้จึงเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ของกลางในคดีอาญาและการบังคับคดีแพ่ง: สิทธิของผู้ร้องและดุลพินิจศาล
แม้ทองคำของกลางที่พนักงานสอบสวนยึดมา และพนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา อาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินก็ตาม แต่ขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทองคำดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ริบ ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีนั้นจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ถอนการยึด หรือยกเลิกหมายบังคับคดีได้
การที่จะให้งดการบังคับคดีหรือจะให้บังคับคดีต่อไปย่อมเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ที่จะใช้ให้เหมาะสมแก่รูปคดี เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าทองคำที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเป็นทรัพย์ของกลาง พนักงานอัยการจะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาซึ่งกำลังพิจารณาคดีอยู่ในศาล และอาจถูกศาลพิพากษาให้ริบและตกเป็นของแผ่นดินได้ การที่ศาลใช้ดุลพินิจให้งดการบังคับคดีสำหรับทองคำนั้นไว้จึงเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจในคดีอาญา: ศาลไม่ผูกพันข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอื่น
ในการพิพากษาคดีอาญาหาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในคดีอื่น ดังเช่นที่บัญญัติไว้สำหรับคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 ไม่ เพราะในคดีอาญาศาลจะต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง จะไม่พิพากษาลงโทษจำเลยจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในคดีอาญา: ไม่ผูกพันตามคำพิพากษาคดีอื่น แม้มีพยานหลักฐานร่วมกัน
ในการพิพากษาคดีอาญาหาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในคดีอื่นดังเช่นที่บัญญัติไว้สำหรับคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ไม่ เพราะในคดีอาญาศาลจะต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง จะไม่พิพากษาลงโทษจำเลยจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารไม่มีอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานในคดีอาญาได้ ไม่จำกัดเฉพาะคดีแพ่ง
เอกสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์นั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานเฉพาะในคดีแพ่งเท่านั้น หาได้ห้ามมิให้รับฟังในคดีอาญาด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานในคดีอาญา: ถือว่ายื่นแล้วหากเคยยื่นในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์และโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไว้แล้ว ทั้งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องจนสั่งคดีมีมูลแล้วนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไป ดังนี้ แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอีกในชั้นพิจารณาก็ต้องถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน สำหรับคดีนี้ตลอดทั้งเรื่องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานในคดีอาญา: ถือว่ายื่นแล้วหากยื่นในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและศาลมีคำสั่งประทับฟ้อง
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ และโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทั้งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องจนสั่งคดีมีมูลแล้วนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไป ดังนี้แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอีกในชั้นพิจารณาก็ต้องถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานสำหรับคดีนี้ตลอดทั้งเรื่องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษายกฟ้องคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำพยานมาไต่สวนได้ ศาลพิจารณาจากเหตุผลที่โจทก์ไม่มีมูลคดีได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 167 บัญญัติว่า'ถ้าปรากฏว่าคดีมีมูลให้ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปเฉพาะกระทงที่มีมูล ถ้าคดีไม่มีมูล ให้พิพากษา ยกฟ้อง'คำว่า ถ้าคดีไม่มีมูลให้พิพากษายกฟ้อง นั้น มิได้หมายความว่าศาลจะฟังพยานหลักฐานจากการ ไต่สวนมูลฟ้องแต่เพียงอย่างเดียวกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำพยานมาไต่สวนเพื่อวินิจฉัยถึงมูลคดีซึ่งจำเลยต้องหาก็ถือได้ว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 167 เช่นเดียวกัน
of 312