คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าเสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,822 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3329/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของข้าราชการต่อทรัพย์สินสูญหาย การประเมินค่าเสียหายตามราคาจริง และการเริ่มต้นนับอายุความ
จำเลยเป็นหัวหน้าแผนกคลัง แม้จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังจัดเวรยามเฝ้าดูแลบริเวณรอบนอกคลังพัสดุที่เก็บทรัพย์สินของทางราชการตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ทรัพย์สินที่หายได้เก็บรักษาไว้ในตู้เหล็กในคลังพัสดุโดยไม่ได้ใส่กุญแจ เพียงแต่ใช้กระดาษเขียนชื่อเจ้าหน้าที่ปิดไว้เท่านั้น ทั้งทรัพย์สินที่หายก็มีขนาดเล็ก สามารถเอาแอบซุกซ่อนไปกับตัวได้โดยสะดวก เมื่อปรากฏว่า คนร้ายที่ลักทรัพย์ดังกล่าวไปเป็นเจ้าหน้าที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยเอง จึงถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อแล้ว เพราะการที่จะป้องกันทรัพย์สินให้พ้นจากการลักขโมยของคนภายในด้วยกันเองนั้น นอกจากจะต้องเก็บรักษาไว้ในสถานที่อันเหมาะสมกับลักษณะของตัวทรัพย์แล้ว ยังจะต้องอยู่ในสภาพที่ยากต่อการที่บุคคลจะหยิบฉวยเอาไปได้โดยง่ายอีกด้วย
กรณีที่พัสดุของทางราชการได้จัดหามาโดยการซื้อขายพอเป็นพิธีเพื่อมิให้ขัดต่อระเบียบของทางราชการ และราคาที่จัดซื้อมาก็ต่ำต่างกับราคาที่แท้จริงมาก การจะให้ผู้ต้องรับผิดชดใช้ราคาของทรัพย์สินนั้น ต้องถือตามราคาที่แท้จริง
ข้าราชการกองทัพเรือประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของกองทัพเรือสูญหายไป อายุความ 1 ปี เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้บัญชาการทหารเรือได้ลงนามรับทราบรายงานผลการสอบสวนว่าจำเลยจะต้องรับผิด มิใช่เริ่มนับในวันที่รู้ว่าเกิดมีการทำละเมิดขึ้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3329/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหัวหน้าแผนกคลังต่อการสูญหายของทรัพย์สินราชการ และการคำนวณค่าเสียหายตามราคาจริง
จำเลยเป็นหัวหน้าแผนกคลัง แม้จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังจัดเวรยามเฝ้าดูแลบริเวณรอบนอกคลังพัสดุที่เก็บทรัพย์สินของทางราชการตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ทรัพย์สินที่หายได้เก็บรักษาไว้ในตู้เหล็กในคลังพัสดุโดยไม่ได้ใส่กุญแจ เพียงแต่ใช้กระดาษเขียนชื่อเจ้าหน้าที่ปิดไว้เท่านั้น ทั้งทรัพย์สินที่หายก็มีขนาดเล็ก สามารถเอาแอบซุกซ่อนไปกับตัวได้โดยสะดวก เมื่อปรากฏว่า คนร้ายที่ลักทรัพย์ดังกล่าวไปเป็นเจ้าหน้าที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยเอง จึงถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อแล้ว เพราะการที่จะป้องกันทรัพย์สินให้พ้นจากการลักขโมยของคนภายในด้วยกันเองนั้น นอกจากจะต้องเก็บรักษาไว้ในสถานที่อันเหมาะสมกับลักษณะของตัวทรัพย์แล้ว ยังจะต้องอยู่ในสภาพที่ยากต่อการที่บุคคลจะหยิบฉวยเอาไปได้โดยง่ายอีกด้วย
กรณีที่พัสดุของทางราชการได้จัดหามาโดยการซื้อขายพอเป็นพิธีเพื่อมิให้ขัดต่อระเบียบของทางราชการ และราคาที่จัดซื้อมาก็ต่ำต่างกับราคาที่แท้จริงมาก การจะให้ผู้ต้องรับผิดชดใช้ราคาของทรัพย์สินนั้น ต้องถือตามราคาที่แท้จริง
ข้าราชการกองทัพเรือประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของกองทัพเรือสูญหายไป อายุความ 1 ปี เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้บัญชาการทหารเรือได้ลงนามรับทราบรายงานผลการสอบสวนว่าจำเลยจะต้องรับผิด มิใช่เริ่มนับในวันที่รู้ว่าเกิดมีการทำละเมิดขึ้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล: การรับรู้รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับค่านายหน้า ค่าเสียหาย ค่าซ่อมแซม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ค่านายหน้าในการขายสินค้าที่ได้จ่ายไปจริงนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
ค่าชดเชยความเสียหายเนื่องจากสินค้าที่ขายให้แก่ผู้ซื้อมีคุณภาพต่ำผิดข้อตกลงเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อหากำไร นำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
ค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริงถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (9) แห่ง ป.รัษฎากร จะนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้
เมื่อรายจ่ายค่าซื้อที่ดินเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนอันเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่ง ป.รัษฎากรค่าธรรมเนียมในการโอนที่ดินจึงไม่มีอำนาจนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
รายจ่ายค่ารับเหมาปูปล็อกประดับพื้นเป็นรายจ่ายเพื่อทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน มิใช่รายจ่ายเพื่อการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม จึงถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งป.รัษฎากร จะนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดไปรษณีย์, วงเงินประกันภัย, ผู้ขนส่งหลายทอด: ความรับผิดชอบค่าเสียหายสิ่งของสูญหาย
การสื่อสารแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 1 รับฝากสินค้าทับทิมเจียระไนราคาหกแสน บาทเศษจากโจทก์แล้วให้บริษัทการบิน จำเลยที่ 2 เป็นผู้ส่งถุง ไปรษณีย์บรรจุสินค้านั้นจนถึงเมืองปลายทางในต่างประเทศโดยโจทก์ประกันภัยการขนส่งสินค้าดังกล่าวไว้กับผู้ร้องสอด ปรากฏว่าสินค้าสูญหาย เมื่อการฝากส่งสินค้าของโจทก์เป็นลักษณะไปรษณียภัณฑ์ลงทะเบียนประเภทจดหมายรับประกัน โจทก์ขอให้รับประกันไว้เป็นจำนวนเงิน 3,950 บาท หรือ 500 แฟรงก์ ทองซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่จำเลยที่ 1 จะรับประกันได้ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามจำนวนที่รับประกันไว้แม้จะมีการแจ้งราคาไว้ในแบบพิมพ์ที่ปิดไว้ที่ไปรษณียภัณฑ์เพื่อประโยชน์ของโจทก์ทางศุลกากร ก็มิใช่การระบุแจ้งราคาต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตาม พ.ร.บ.ไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 30 การขนไปรษณียภัณฑ์ในหน้าที่ของการสื่อสารแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 1 มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษ จะนำบทบัญญัติเรื่องรับขนตามป.พ.พ. ลักษณะ 8 หมวด 1 มาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ ดังนั้นจำเลยที่ 2 ซึ่งมีนิติสัมพันธ์เฉพาะ กับจำเลยที่ 1 จึงมิใช่ผู้ขนส่งหลายคนหรือหลายทอด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 618 และโจทก์ซึ่งไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดความเสียหาย ศาลแบ่งความรับผิดชอบค่าเสียหาย
โจทก์ย้ายเสาไฟฟ้าของโจทก์แล้วถอดสายเคเบิลโทรศัพท์ออกจากเสาไฟฟ้าโดยมิได้ติดตั้งกับเสาต้นใหม่ ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย คงปล่อยให้สายเคเบิลบางส่วน พาดไว้กับต้นหูกวางและหย่อน ลงมาขวางถนน นับเป็น ความประมาทเลินเล่อของพนักงานของโจทก์ ส่วนการที่ลูกจ้าง จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ขาเข้าลอดผ่านไปได้ และมาเกี่ยวสายเคเบิลดังกล่าวตอนขาออกทำให้เกิดความเสียหาย นับเป็นความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยที่ 1 ที่ขาดความระมัดระวังเช่นเดียวกัน เมื่อทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต่างประมาทเลินเล่อด้วยกัน จึงต้องรับผิดค่าเสียหายไปคนละส่วน จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงกึ่งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงประเด็นข้อพิพาทในฎีกา: โจทก์มิอาจเรียกร้องค่าเสียหายตามสัญญาเช่าซื้อ หากมิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่เช่าซื้อไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอคิดค่าเสียหายเท่าค่าเช่าที่อาจนำรถไปให้ผู้อื่นเช่าได้ มิได้ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อ เมื่อศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามที่เห็นสมควร โจทก์จะฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานะโจทก์ในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นสู่การพิจารณาในศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่เช่าซื้อไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอคิดค่าเสียหายเท่าค่าเช่าที่อาจนำรถไปให้ผู้อื่นเช่าได้ มิได้ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อ เมื่อศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามที่เห็นสมควร โจทก์จะฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อไม่ได้เพราะโจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1454/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาฟ้องแย้งค่าเสียหายกับฟ้องเดิมในสัญญาต่างตอบแทน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่า บ้านและอาคารโจทก์โดยไม่ได้ทำสัญญาเช่าขอให้ขับไล่ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทน ขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาต่างตอบแทนโดยยินยอมให้จำเลยเช่า อาคารและบ้านมีกำหนดเวลา20 ปี หากโจทก์ไม่อาจให้เช่า ได้ก็ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินเดือนละ 500,000 บาท คำขอให้ชดใช้ค่าเสียหายจึงเกี่ยวเนื่องกับคำขอที่บังคับให้ปฏิบัติตามสัญญานั่นเอง เมื่อศาลล่างยอมรับฟ้องแย้งในส่วนที่ขอให้บังคับตามสัญญาต่างตอบแทน คำขอในส่วนค่าเสียหายเดือนละ500,000 บาท จึงเกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลล่างจึงต้องรับฟ้องแย้งในส่วนนี้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผูกพันตามคำแถลงต่อศาล: โจทก์ยินยอมรับค่าเสียหายเพียงบางส่วน สละสิทธิในส่วนที่เหลือ
จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลแล้วฎีกา ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอถอน ฎีกาโดยโจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลว่า โจทก์ยอมรับชำระเงินตามคำพิพากษาเพียง 51,000 บาท นอกจากเงินดังกล่าวนี้แล้วโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องและบังคับคดีเอาจากเงินจำนวนอื่น ๆ ตามคำพิพากษาอีก ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้ถอน ฎีกาได้ ดังนี้ โจทก์ย่อมจะต้องถูกผูกพันตามคำแถลงของตน จึงไม่มีสิทธิที่จะรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยวางศาลใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผูกพันตามคำแถลงต่อศาล: การสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและค่าฤชาธรรมเนียม
จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลแล้วฎีกา ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกาโดยโจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลว่า โจทก์ยอมรับชำระเงินตามคำพิพากษาเพียง51,000 บาท นอกจากเงินดังกล่าวนี้แล้วโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องและบังคับคดีเอาจากเงินจำนวนอื่น ๆ ตามคำพิพากษาอีก ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้ถอนฎีกาได้ ดังนี้ โจทก์ย่อมจะต้องถูกผูกพันตามคำแถลงของตน จึงไม่มีสิทธิที่จะรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยวางศาลใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อีก.
of 283