คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและการบังคับคดี: การโอนที่ดินตามสัญญาไม่ต้องขอออกหมายบังคับคดี
คำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลยความว่า จำเลยจะไปโอนที่ดินใส่ชื่อ โจทก์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาภายใน 7 วันนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้า จำเลยไม่ไปโอนที่ดินให้โจทก์ ก็ให้ถือคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ดังนั้นเมื่อครบกำหนด 7 วันและจำเลยไม่ไปโอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์ก็อาจจะดำเนินการไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ มิใช่กรณีที่จะต้องมาขอออกหมายบังคับคดีเพื่อไปยึดที่ดินอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การโอนที่ดินและการบังคับคดี
คำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลยความว่า จำเลยจะไปโอนที่ดินใส่ชื่อโจทก์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาภายใน 7วันนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้าจำเลยไม่ไปโอนที่ดินให้โจทก์ ก็ให้ถือคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ดังนั้นเมื่อครบกำหนด 7 วันและจำเลยไม่ไปโอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์ก็อาจจะดำเนินการไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ มิใช่กรณีที่จะต้องมาขอออกหมายบังคับคดีเพื่อไปยึดที่ดินอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2558/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่สาธารณะ หลังมี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่สาธารณะที่โจทก์มีหน้าที่ดูแลอยู่ ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนขอให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยทั้งสองเสียค่าใช้จ่าย ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527 ออกใช้บังคับ ซึ่งมาตรา 12 ให้เพิ่มเติมมาตรา 296 ทวิ กำหนดวิธีดำเนินการบังคับคดีโดยให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองทรัพย์สินนั้น ดังนั้น โจทก์ชอบที่จะดำเนินการตามวิธีการดังกล่าวนี้ จะให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเองโดยให้ศาลบังคับให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2558/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: สิทธิของเจ้าหนี้ในการขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการแทน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่สาธารณะที่โจทก์มีหน้าที่ดูแลอยู่ ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนขอให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยทั้งสองเสียค่าใช้จ่าย ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527ออกใช้บังคับ ซึ่งมาตรา 12 ให้เพิ่มเติมมาตรา 296 ทวิ กำหนดวิธีดำเนินการบังคับคดีโดยให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองทรัพย์สินนั้น ดังนั้น โจทก์ชอบที่จะดำเนินการตามวิธีการดังกล่าวนี้ จะให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเองโดยให้ศาลบังคับให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม – การยึดทรัพย์ขัดคำสั่งศาล – อำนาจแก้ไขคำสั่ง – การบังคับคดี
ฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใดเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องของจำเลยที่ขอให้ถอนการยึดทรัพย์โดยวินิจฉัยว่าการยึดทรัพย์จำเลยกระทำ ก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นการยึดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์ได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาแต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไป ซึ่งคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้เพราะไม่มีบทกฎหมายจำกัดห้ามไว้
ในวันที่ศาลชั้นต้นแจ้งให้ศาลซึ่งได้รับมอบหมายให้บังคับคดีแทนให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยตามคำแถลงของผู้แทนโจทก์ จำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีเพราะได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ไว้แล้ว และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่าให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เรื่องทุเลาการบังคับคดี คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) และมีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีงดการบังคับคดีแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมเกิดผลแล้ว การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนทำการยึดทรัพย์ในภายหลัง แม้จะอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งให้งดการบังคับคดี ก็เป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้งดการบังคับคดีของศาลชั้นต้น ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2381/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอตรวจสอบบัญชีและเก็บรักษาผลประโยชน์รายวันโรงแรมก่อนมีคำพิพากษา ไม่เข้าข่ายการยึด/อายัดทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (1)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยร่วมกันชำระเงินค่ารับเหมาก่อสร้างค่าสินจ้างและค่าเสียหาย ต่อมาก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี โจทก์ยื่นคำร้องขอให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจสอบบัญชีผู้พักและรายได้โรงแรมของจำเลยที่ 1 และนำผลประโยชน์รายวันของโรงแรมมาเก็บรักษา โดยอ้างว่าจำเลยมีหนี้สินและเจ้าหนี้จำนวนมาก หากโจทก์ชนะคดีก็ยากจะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ได้ ดังนี้คำขอของโจทก์หาใช่ขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลย หรือเงินหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (1) ไม่ จึงไม่อาจยกเอาบทกฎหมายดังกล่าวมาปรับสั่งคดีโจทก์ตามที่โจทก์ร้องขอได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2381/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอตรวจสอบบัญชีโรงแรมก่อนมีคำพิพากษา ไม่ใช่การยึดหรืออายัดทรัพย์สินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254(1)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยร่วมกันชำระเงินค่ารับเหมาก่อสร้างค่าสินจ้างและค่าเสียหาย ต่อมาก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี โจทก์ยื่นคำร้องขอให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจสอบบัญชีผู้พักและรายได้โรงแรมของจำเลยที่ 1 และนำผลประโยชน์รายวันของโรงแรมมาเก็บรักษา โดยอ้างว่าจำเลยมีหนี้สินและเจ้าหนี้จำนวนมาก หากโจทก์ชนะคดีก็ยากจะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1ได้ ดังนี้คำขอของโจทก์หาใช่ขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลย หรือเงินหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254(1) ไม่ จึงไม่อาจยกเอาบทกฎหมายดังกล่าวมาปรับสั่งคดีโจทก์ตามที่โจทก์ร้องขอได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาให้แบ่งแยกที่ดินตามข้อตกลงเดิม ศาลถือว่าการรังวัดตามข้อตกลงถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ ส. กับ ก. เป็นเจ้าของรวมที่ดินพิพาทบุคคลทั้งสามตกลงแบ่งแยกที่ดินดังกล่าว ต่อมาจำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์ในส่วนของ ก.แต่ไม่ยอมไปจัดการแบ่งแยกที่ดินตามข้อตกลง ขอให้ศาลบังคับจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินพิพาท หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย เช่นนี้ การที่ศาลพิพากษาให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยแสดงว่าให้แบ่งตามความตกลงตามฟ้องมิใช่แบ่งตามลำดับและวิธีการในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 ดังนั้น การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทโดยยึดถือส่วนในโฉนดและความตกลงตามแผนที่แบ่งกรรมสิทธิ์รวม จึงเป็นการถูกต้องตามคำพิพากษาแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115-2116/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขัดทรัพย์: ผู้มีส่วนได้เสียต้องดำเนินการภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดที่ดินของจำเลยเพื่อบังคับคดี ผู้ร้องที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดที่ดิน ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้ร้องที่ 1 ไม่มีส่วนได้เสีย ให้ยกคำร้อง ต่อมาผู้ร้องที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวอีกโดยอ้างเหตุเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องที่ 1 วางหลักทรัพย์ประกันความเสียหาย ผู้ร้องที่ 1 ก็ทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้นตามคำสั่งเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2520 หลังจากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2527 โดยไม่ปรากฏว่าได้แจ้งให้ผู้ร้องที่ 1 ทราบ เช่นนี้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องครั้งแรกของผู้ร้องที่ 1 โดยผู้ร้องที่ 1 มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวถึงที่สุดผู้ร้องที่ 1 จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 (2) เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับอนุญาตจากศาลให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไว้แล้วจึงไม่ต้องแจ้งวันขายทอดตลาดให้แก่ผู้ร้องที่ 1 ทราบ
ผู้ร้องที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527 หลังจากมีการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นแล้ว ผู้ร้องที่ 2 จึงหมดสิทธิที่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2112/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: เจ้าหนี้มีสิทธิขอศาลสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการแทนตนเองตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนครัวที่รุกล้ำออกจากที่ดินของโจทก์ ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนได้โดยค่าใช้จ่ายเป็นของจำเลย ปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่10) พ.ศ. 2527 ออกใช้บังคับซึ่งมาตรา 12 ให้เพิ่มเติมบทมาตรา 296 ทวิ เป็นว่า 'ในกรณีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาถูกพิพากษาให้ขับไล่ หรือต้องออกไป หรือต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัยหรือทรัพย์ที่ครอบครอง ถ้าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำบังคับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยื่นคำขอฝ่ายเดียว โดยทำเป็นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้จัดการให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองทรัพย์ดังกล่าว' ดังนั้นโจทก์จึงชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการรื้อถอนครัวของจำเลยที่รุกล้ำออกไปได้ จะให้โจทก์รื้อถอนเองโดยให้ศาลบังคับให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหาได้ไม่
of 270