พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการคุ้มครองชั่วคราวหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยให้โอนที่พิพาทตามข้อตกลงซื้อขาย โดยจำเลยได้ส่งมอบให้โจทก์ครอบครองมาตั้งแต่ซื้อขายกันแล้ว จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยขายให้โจทก์ เป็นแต่ให้โจทก์เช่าทำนา ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เช่าที่พิพาทของจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์ทำนาพิพาทมาทุกปี จำเลยบุกรุกเข้าทำนาพิพาท ขอให้สั่งห้ามจำเลยมิให้เข้ารบกวนการครอบครองของโจทก์ไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังนี้ เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งไปได้ เมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องโดยเห็นว่าโจทก์ชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้น และโจทก์ฎีกาคำสั่งต่อมา แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์เสียแล้ว การที่ศาลฎีกาจะย้อนไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่ก็หาเป็นประโยชน์แก่โจทก์ในชั้นนี้ไม่ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาคดีแย่งบุตร และขอบเขตมาตรา 254 ว.พ.พ.
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยได้จดทะเบียนหย่ากัน โดยมีข้อสัญญาว่าให้บุตรอยู่ในความอุปการะของโจทก์ จำเลยมาหลอกลวงเอาบุตรไป จึงฟ้องเรียกคืน ดังนี้ โจทก์มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลยส่งบุตรให้โจทก์ก่อนศาลพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) เพราะมาตรา 254 นี้มิใช่ใช้เฉพาะเกี่ยวกับทรัพย์เท่านั้น
โจทก์ยื่นคำขอในเหตุฉุกเฉิน พร้อมกับคำร้องขอให้ศาลใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลนัดไต่สวนในวันที่ 4 นับแต่วันนั้นกับสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยทราบเมื่อไต่สวนแล้วศาลมีคำสั่งให้จำเลยนำบุตรไปมอบให้แก่โจทก์ภายใน 3 วันนับแต่วันได้รับทราบ ดังนี้ ถือว่าศาลดำเนินการพิจารณาไต่สวนคำร้องของโจทก์อย่างวิธีธรรมดาเพราะมิได้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267, 269
โจทก์ยื่นคำขอในเหตุฉุกเฉิน พร้อมกับคำร้องขอให้ศาลใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลนัดไต่สวนในวันที่ 4 นับแต่วันนั้นกับสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยทราบเมื่อไต่สวนแล้วศาลมีคำสั่งให้จำเลยนำบุตรไปมอบให้แก่โจทก์ภายใน 3 วันนับแต่วันได้รับทราบ ดังนี้ ถือว่าศาลดำเนินการพิจารณาไต่สวนคำร้องของโจทก์อย่างวิธีธรรมดาเพราะมิได้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267, 269
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารตามใบอนุญาต แม้ไม่เป็นไปตามเทศบัญญัติทั้งหมด ศาลไม่อำนาจบังคับให้แก้ไข
จำเลยปลูกสร้างอาคารตามที่โจทก์ฟ้องโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคือโจทก์แล้ว ทั้งมิได้ปลูกสร้างผิดแผกจากแผนผังแบบก่อสร้างหรือรายการที่ได้รับอนุญาต หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุไว้ในใบอนุญาต หากแต่ว่าจำเลยเว้นทางเดินหลังอาคารไว้หลังแนวเขตที่ดินเพียง 80 เซนติเมตร ไม่ถึง 200 เซนติเมตรผิดเทศบัญญัติควบคุมการก่อสร้างที่โจทก์อนุญาตไปโดยสำคัญผิดกรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของกฎหมายที่จะให้อำนาจโจทก์มาฟ้องบังคับให้จำเลยร่นหรือถอนอาคารดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องหลังยื่นคำให้การ: ศาลมีอำนาจอนุญาตได้ แม้จำเลยคัดค้าน โดยพิจารณาจากดุลพินิจ
คำร้องของโจทก์ที่ขอถอนฟ้องภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้วนั้น ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงข้อเท็จจริงตั้งเป็นประเด็นมาขอถอนฟ้องจะกล่าวขอถอนฟ้องขึ้นมาลอย ๆ ก็ได้ ศาลจะต้องฟังจำเลยก่อนถึงแม้จำเลยจะคัดค้าน ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้โดยพิจารณาคำคัดค้านของจำเลยประกอบดุลพินิจว่าควรจะอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือไม่เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งวางเงินประกันเพื่อป้องกันการประวิงคดีขัดทรัพย์ แม้คำร้องโจทก์ไม่ได้ขอโดยตรง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วยื่นคำร้องว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีมูล ขอให้งดสืบพยาน หากศาลเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โดยมีหลักฐานสนับสนุนอยู่ในสำนวนแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 (1) ได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนในคดีขัดทรัพย์ หากมีเหตุประวิงคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วยื่นคำร้องว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีมูล ขอให้งดสืบพยาน หากศาลเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โดยมีหลักฐานสนับสนุนอยู่ในสำนวนแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288(1) ได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยการปฏิเสธส่งสำนวนการสอบสวนของพนักงานอัยการ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยผู้เป็นนายจ้างของ จ. ผู้ขับรถยนต์ชนโจทก์เสียหาย ในการพิจารณาโจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนคดีที่ จ. ต้องหาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนขับรถของโจทก์ตาย ศาลหมายเรียกจากพนักงานอัยการพนักงานอัยการชี้แจงว่าคดีนั้นอยู่ในระหว่างสั่งจับผู้ต้องหาย่อมเป็นเอกสารลับในทางราชการ อันไม่ควรเปิดเผย และหากจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว พนักงานอัยการก็ไม่มีสำนวนใช้ในการดำเนินคดี จึงไม่อาจส่งสำนวนตามหมายเรียกได้เมื่อศาลเห็นว่าสำนวนการสอบสวนนั้นเป็นหลักฐานที่ศาลจะต้องใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดดำเนินไปด้วยความเที่ยงธรรม ศาลย่อมไม่ฟังคำปฏิเสธของพนักงานอัยการและสั่งให้ส่งสำเนาสำนวนการสอบสวนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งให้ส่งสำนวนการสอบสวน แม้พนักงานอัยการอ้างเป็นเอกสารลับเพื่อประโยชน์ในการสอบสวน
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยผู้เป็นนายจ้างของ จ.ผู้ขับรถยนต์ชนโจทก์เสียหาย ในการพิจารณาโจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนคดีที่ จ. ต้องหาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนขับรถของโจทก์ตาย ศาลหมายเรียกจากพนักงานอัยการพนักงานอัยการชี้แจงว่าคดีนั้นอยู่ในระหว่างสั่งจับผู้ต้องหาย่อมเป็นเอกสารลับในทางราชการ อันไม่ควรเปิดเผย และหากจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว พนักงานอัยการก็ไม่มีสำนวนใช้ในการดำเนินคดี จึงไม่อาจส่งสำนวนตามหมายเรียกได้เมื่อศาลเห็นว่าสำนวนการสอบสวนนั้นเป็นหลักฐานที่ศาลจะต้องใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดดำเนินไปด้วยความเที่ยงธรรม ศาลย่อมไม่ฟังคำปฏิเสธของพนักงานอัยการและสั่งให้ส่งสำเนาสำนวนการสอบสวนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาซื้อขาย: กำไรที่คาดว่าจะได้รับจากการขายต่อ และอำนาจศาลในการกำหนดค่าเสียหาย
จำเลยผิดสัญญาจะขายตึกพร้อมด้วยที่ดินแก่โจทก์ โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับค่าเสียหายว่า หากจำเลยปฏิบัติตามสัญญาให้โจทก์รับซื้อได้ถ้าโจทก์จะขาย มีผู้มาขอซื้อในราคา 450,000 บาท เพราะหลังจากทำสัญญาแล้ว ตึกแถวพร้อมด้วยที่ดินนี้มีราคาสูงขึ้นตามสภาพเพราะอยู่ริมถนนและเป็นทำเลที่เจริญด้วยการค้า โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรได้เป็นกำไรจากการขายไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท แล้วโจทก์นำสืบว่าโจทก์ซื้อที่ดินและตึกพิพาทไว้เพื่อค้าขายเอง เมื่อรับโอนมาแล้วถ้ามีคนมาซื้อในราคาดีก็จะขาย และว่าตึกแถวนี้อยู่ในทำเลดีมีโรงภาพยนต์และตลาด ราคาจึงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าโจทก์จะขายในขณะนี้ จะขายได้ในราคาไม่ต่ำกว่า 450,000 บาท โดยมีผู้มาขอซื้อแล้ว 2 ราย รายละ 450,000 บาท โจทก์ก็ยังไม่ขาย เพราะยังไม่ได้รับโอนและที่ดินพร้อมด้วยตึกแถวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ก็ขายได้ราคาถึง 550,000 บาท การที่โจทก์บรรยายฟ้องและนำสืบดังนี้ก็เพื่อแสดงว่า ที่ดินและตึกพิพาทมีราคาสูงขึ้นตามสภาพของทำเลที่ดีเท่านั้น ข้ออ้างตามคำฟ้องและข้อนำสืบของโจทก์ แสดงว่าโจทก์ยังมิได้มีข้อผูกพันที่จะต้องขายต่อให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด อันจะทำให้โจทก์ได้กำไรเป็นจำนวนเท่าใด หรือว่าถ้าโจทก์โอนขายให้ผู้นั้นไม่ได้โจทก์จะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เป็นจำนวนเท่าใด ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกจากจำเลยจึงเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การที่จำเลยไม่ส่งมอบตึกและที่ดินพิพาทให้โจทก์หาใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษไม่
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าโจทก์ขาดประโยชน์เป็นจำนวน100,000 บาท เท่ากำไรที่โจทก์อาจได้จากการขายต่อ แต่เมื่อยังฟังไม่ได้เป็นการแน่นอนว่าโจทก์จะขายได้กำไรเท่านั้นจริง ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ตามที่เห็นสมควรได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 16/2514)
โจทก์เรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าโจทก์ขาดประโยชน์เป็นจำนวน100,000 บาท เท่ากำไรที่โจทก์อาจได้จากการขายต่อ แต่เมื่อยังฟังไม่ได้เป็นการแน่นอนว่าโจทก์จะขายได้กำไรเท่านั้นจริง ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ตามที่เห็นสมควรได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 16/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 726/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเมื่อนักโทษได้รับอภัยโทษแล้วกระทำผิดซ้ำ ศาลมีอำนาจพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละคดี
การที่ศาลจะนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นนั้นเป็นดุลพินิจของศาลจะพิจารณาเห็นสมควร การที่จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในคดีอื่นซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษจนเหลือโทษจำคุกอีก 10 ปี และระหว่างกำลังรับโทษที่เหลืออยู่นี้ได้กระทำผิดฐานฆ่านักโทษซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุก 20 ปี เช่นนี้ เมื่อพิจารณาว่าจำเลยต้องรับโทษต่อไปอีกถึง 20 ปีข้างหน้าแล้วเห็นว่าเหมาะสมแก่ความผิดที่กระทำในคดีนี้แล้ว เหตุผลที่จำเลยมากระทำผิดในข้อหาฐานความผิดเดียวกันซ้ำอีก รวมทั้งการได้รับพระราชทานอภัยโทษในคดีที่ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อซึ่งคงเหลือจำคุกอีกเป็น 10 ปีนั้น ยังไม่ถือเป็นเหตุพิเศษที่จะควรนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีดังกล่าวนั้น