พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2088/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกหนี้ร่วมและความรับผิดร่วมกันในสัญญา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ทำหนังสือสัญญาของผู้ได้รับทุนการศึกษาจำเลยที่ 2 ผู้แทนโดยชอบธรรมซึ่งให้ความยินยอมในการเข้าทำสัญญาและยินยอมรับชดใช้ค่าเสียหายแทนจำเลยที่ 1 ด้วย และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นทายาทของผู้ค้ำประกันให้ร่วมกันรับผิดใช้เงินทุนการศึกษาและค่าปรับ เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสามต้องรับผิดร่วมกันตามสัญญาอย่างลูกหนี้ร่วม และมูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ถือว่าจำเลยทั้งสามแทนซึ่งกันและกัน บรรดากระบวนพิจารณาซึ่งกระทำโดยจำเลยคนหนึ่งถือว่าได้กระทำโดยจำเลยคนอื่น ๆ ด้วย การที่ศาลรับฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่จำเลยที่ 2 นำสืบมาเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 จึงเป็นการชอบด้วยประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 (1) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้รถร่วมบริการ และความรับผิดทางแพ่งเมื่อไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง สรุปว่าจำเลยที่ 4 ไม่ต้องรับผิด
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 4 ยินยอมให้จำเลยที่ 3นำรถยนต์คันเกิดเหตุเข้าร่วมบริการเดินรถรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางที่จำเลยที่ 4 ได้รับสัมปทานการที่จำเลยที่ 3 นำรถยนต์เข้าวิ่งรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางดังกล่าวเป็นการกระทำไปโดยพลการ ผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 4 ด้วย จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 3 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ผู้อื่นให้ครอบครองยาเสพติด ถือเป็นผู้ครอบครองเองตามกฎหมาย
จำเลยใช้ให้เด็กหญิงป.ไปรับยาเสพติดให้โทษเฮโรอีน โดยเด็กหญิงป.ไม่ทราบข้อเท็จจริง การที่เด็กหญิงป. ครอบครองยาเสพติดให้โทษเฮโรอีนก็ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองยาเสพติดให้โทษเฮโรอีนเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2001/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของสหกรณ์และเจ้าของรถต่อการกระทำละเมิดของตัวแทน
จำเลยที่ 3 เป็นสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการเดินรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารโดยใช้รถยนต์รับจ้างสามล้อและส่งเสริมการประกอบอาชีพผู้ขับ-รถยนต์รับจ้างสามล้อมีพฤติการณ์ในลักษณะที่แสดงว่าจำเลยที่ 3 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์รับจ้างสามล้อคันเกิดเหตุออกวิ่งรับส่งคนโดยสารในนามของจำเลยที่ 3 โดยเปิดเผย ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 ดังนั้นจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตนตาม ป.พ.พ. มาตรา 821 เมื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนทำละเมิดต่อโจทก์จำเลยที่ 3 ก็ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวการตาม ป.พ.พ. มาตรา 427,821 จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์รับจ้างสามล้อคันเกินเหตุ ได้เข้าร่วมกิจการกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2 เองก็ได้รับประโยชน์จากการที่จำเลยที่ 1 นำรถยนต์รับจ้างสามล้อคันเกิดเหตุออกวิ่งรับจ้าง เช่นนี้แสดงว่าเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 เข้าร่วมกับจำเลยที่ 3 ดำเนินกิจการเดินรถยนต์รับจ้างสามล้อตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 3 ด้วย จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 3 ทำการเชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 เช่นกัน ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2001/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวการและตัวแทนในสัญญาเดินรถ และความรับผิดร่วมของเจ้าของรถ
จำเลยที่ 3 เป็นสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการเดินรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารโดยใช้รถยนต์รับจ้างสามล้อและส่งเสริมประกอบอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้างสามล้อมีพฤติการณ์ในลักษณะที่แสดงว่าจำเลยที่ 3 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์รับจ้างสามล้อคันเกิดเหตุออกวิ่งรับคนโดยสารในนามของจำเลยที่ 3 โดยเปิดเผยถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 ดังนั้น จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 เมื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 ก็ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวการตาม ป.พ.พ.มาตรา 427,821 จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์รับจ้างสามล้อคันเกิดเหตุ ได้เข้าร่วมกิจการกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2 เองก็ได้รับประโยชน์จากการที่จำเลยที่ 1 นำรถยนต์รับจ้างสามล้อคันเกิดเหตุออกวิ่งรับจ้าง เช่นนี้แสดงว่าเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2เข้าร่วมกับจำเลยที่ 3 ดำเนินกิจการเดินรถยนต์รับจ้างสามล้อตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 3 ด้วย จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 3 ทำการเชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 เช่นกัน ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกัน: ความรับผิดเริ่มเมื่อศาลตัดสินถึงที่สุด
ข้อความในสัญญาค้ำประกันระบุว่า ผู้ร้องจะยอมรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้เมื่อศาลมีคำสั่งให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ และคดีถึงที่สุดแล้วเท่านั้นเมื่อคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์อาจยืน ยก แก้ หรือกลับเสียซึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ได้ จึงยังฟังเป็นที่แน่นอนและถึงที่สุดแล้วไม่ได้ ผู้ร้องจึงยังไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นตัวแทนเชิดต้องแสดงออกหรือยินยอมให้แสดงเป็นตัวแทน มิฉะนั้นตัวการไม่ต้องรับผิด
การเป็นตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น อาจเกิดโดยการแต่งตั้งโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายก็ได้ และกรณีตัวแทนเชิดที่ถือได้ว่าเป็นการแต่งตั้งโดยปริยายนั้น ตัวการผู้เชิดต้องแสดงออกว่าผู้ถูกเชิดเป็นตัวแทนของตน หรือรู้แล้วยอมให้ผู้เชิดแสดงออกว่าเขาเป็นตัวแทนของตน ตัวการจึงจะมีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายที่ตัวแทนได้กระทำลงไป คดีนี้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 สั่งให้จำเลยที่ 3 สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์ หรือยินยอมให้จำเลยที่ 3 สั่งซื้อเบียร์จากโจทก์ในนามจำเลยที่ 1 แต่เป็นเรื่องจำเลยที่ 3 ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตสั่งซื้อเบียร์จากโจทก์เองโดยพลการ การที่จำเลยที่ 3 ใช้อำนาจหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้โดยใช้ใบรับเงินของจำเลยที่ 1 ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 3 กระทำ การกระทำของจำเลยที่ 3 ต่าง ๆ จำเลยที่ 1 มิได้มีส่วนได้เสียหรือยินยอมด้วย จำเลยที่ 3 จึงมิใช่ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าให้ผู้ให้เช่าเดิมโดยตรง ถือปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้เช่าช่วงไม่ต้องรับผิดต่อผู้เช่าเดิม
โจทก์เป็นผู้เช่าโรงแรม ห้องอาหาร สถานอาบ อบ นวดและสโมสรสนุกเกอร์ จากบริษัท ส. แล้วนำห้องอาหารและตึกแถวให้จำเลยเช่าช่วงโดยได้รับความยินยอมจากบริษัท ส. ต่อมาบริษัท ส.ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแก่โจทก์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2532 และให้จำเลยชำระค่าเช่าแก่บริษัท ส. ดังนั้นเมื่อจำเลยได้ชำระค่าเช่าให้แก่บริษัท ส.ตามที่บริษัท ส.เรียกร้อง ถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ในการชำระหนี้ค่าเช่าถูกต้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 545 ที่กำหนดให้ผู้เช่าช่วงต้องรับผิดชำระค่าเช่าต่อผู้ให้เช่าเดิมโดยตรงแล้ว จำเลยไม่ได้ค้างชำระค่าเช่าและมิได้ผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่าและค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความรับผิดของนิติบุคคลและกรรมการผู้จัดการในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยปลอม
โจทก์มี ป. มาเบิกความประกอบเอกสารซึ่งเป็นบิลส่งของชั่วคราวแสดงหลักฐานการรับมอบปุ๋ยของกลาง และตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 มีข้อความว่าจำเลยที่ 2 ได้ตรวจใบส่งของชั่วคราวแล้วรับว่าเป็นใบส่งของชั่วคราวของจำเลยที่ 1ส่งของให้กับ ว. จริง และยอมรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า พันตำรวจโท ฉ. ได้สอบคำให้การของจำเลยที่ 2ไว้ด้วย แม้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นพยานบอกเล่าแต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้ปฏิเสธว่าลายมือชื่อที่ลงไว้ในช่องผู้ต้องหานั้นมิใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์แล้วก็รับฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้ แม้จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 ก็มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อจากการเก็บรักษายาคุมกำเนิด – ไม่มีเหตุคาดหมายการโจรกรรม
ยาคุมกำเนิดที่ถูกคนร้ายโจรกรรมไปนั้น จำเลยนำไปเก็บรักษาที่บ้านพักแพทย์ เนื่องจากไม่มีห้องเก็บยาโดยเฉพาะ บ้านพักดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณที่ตั้งสำนักงานสาธารณสุข ห่างกันเพียง 5 - 6 เมตร มีรั้วรอบ และมีเวรยามดูแลตลอดเวลา บุคคลผู้อาศัยในบ้านพักแพทย์ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนัก-งานสาธารณสุขแห่งนั้น เมื่อออกจากบ้านพักบุคคลเหล่านั้นจะปิดบ้านใส่กุญแจ และนำลูกกุญแจไปให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายที่รับผิดชอบเก็บรักษาเพื่อจะได้ใช้เมื่อมีการเบิกยาทั้งก่อนเกิดเหตุ ก็ไม่ปรากฏว่าได้เกิดกรณียาคุมกำเนิดหรือวัสดุครุภัณฑ์สูญหายไปแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุให้คาดหมายได้ว่า การควบคุมดูแลกุญแจบ้านพักแพทย์ตามวิธีการที่จำเลยทั้งสี่ใช้อยู่นั้นจะเป็นเหตุให้เกิดการโจรกรรมยาคุมกำเนิดไปได้จะถือว่าการโจรกรรมยาคุมกำเนิดดังกล่าวมาจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยทั้งสี่หาได้ไม่