พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในคดีอาญาหลังพ้นโทษคดีก่อน แม้คดีก่อนเข้าข่ายล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ฉบับปี 2499 ศาลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้
ศาลตัดสินลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง จนคดีถึงที่สุดไปแล้วก่อน พ.ร.บ. ล้างมลทินฯ พ.ศ. 2499 ใช้บังคับ แม้ความผิดซึ่งจำเลยต้องโทษในคดีก่อนที่เป็นเหตุถูกเพิ่มโทษในคดีหลังจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 8 พ.ย. 2499 และจำเลยได้พ้นโทษในคดีก่อนไปแล้วก็ตามก็ไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขการเพิ่มโทษในคดีหลังได้
เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ศาลนั้นจะแก้ไขคำพิพากษาเกี่ยวกับการเพิ่มโทษหาได้ไม่ เพราะไม่ใช่แก้ไขถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด
เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ศาลนั้นจะแก้ไขคำพิพากษาเกี่ยวกับการเพิ่มโทษหาได้ไม่ เพราะไม่ใช่แก้ไขถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง แม้ความผิดในคดีก่อนถูกล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิมได้
ศาลตัดสินลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง จนคดีถึงที่สุดไปแล้วก่อนพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ.2499 ใช้บังคับ แม้ความผิดซึ่งจำเลยต้องโทษในคดีก่อนที่เป็นเหตุถูกเพิ่มโทษในคดีหลังจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 8 พ.ย. 2499 และจำเลยได้พ้นโทษในคดีก่อนไปแล้วก็ตามก็ไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขการเพิ่มโทษในคดีหลังได้
เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ศาลนั้นจะแก้ไขคำพิพากษาเกี่ยวกับการเพิ่มโทษหาได้ไม่ เพราะไม่ใช่แก้ไขถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด
เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ศาลนั้นจะแก้ไขคำพิพากษาเกี่ยวกับการเพิ่มโทษหาได้ไม่ เพราะไม่ใช่แก้ไขถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาเมื่อคดีถึงที่สุด และการโอนการยึดไปยังคดีอื่น
โจทก์ยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาในดคีหนึ่ง คดีนั้นถึงที่สุด โดยจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี ต้องถือว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษานั้น เป็นอันยกเลิกไปในตัว โจทก์จะขอให้โอนการยึดทรัพย์เช่นว่านี้ไปเป็นการบังคับคดีในอีกคดีหนึ่งซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีหาได้ไม่ การที่โจทก์จะขอให้บังคับคดีในคดีที่โจทก์เป็นฝ่ายชนะอย่างไร ก็จะต้องไปดำเนินการในคดีนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเฉพาะจำเลยที่ได้รับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว และขอบเขตการแก้ไขโทษ
ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่จับได้จำเลยเพียงคนเดียว ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ได้ตัวมากับโจทก์ฟังไปทีเดียว โดยยังไม่ครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันออกหมายจับ โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหมดทุกคนในฐานความผิดที่หนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา เช่นนี้ ศาลฎีกาคงวินิจฉัยให้แต่สำหรับจำเลยที่ได้ตัวมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เท่านั้น ส่วนจำเลยที่ยังไม่ได้ตัวมาศาลฎีกายังไม่พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเฉพาะจำเลยที่ได้ตัวมาฟังคำพิพากษา และการเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์
ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่จับได้จำเลยเพียงคนเดียวศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ได้ตัวมากับโจทก์ฟังไปทีเดียวโดยยังไม่ครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันออกหมายจับโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหมดทุกคนในฐานความผิดที่หนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา เช่นนี้ ศาลฎีกาคงวินิจฉัยให้แต่สำหรับจำเลยที่ได้ตัวมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เท่านั้นส่วนจำเลยที่ยังไม่ได้ตัวมาศาลฎีกายังไม่พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ร้องสอดเป็นจำเลยย่อมผูกพันตามคำพิพากษา แม้ไม่ได้ยึดครองที่ดิน ศาลบังคับให้งดเว้นการขัดขวางการส่งมอบที่ดินคืน
ผู้ที่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยในคดียกข้อต่อสู้พิพาทต่อโจทก์นั้นย่อมถือได้ว่าได้เข้ามามีฐานะเป็นจำเลยตามที่ตนขอ ต่อมาเมื่อคดีถึงที่สุดในชั้นบังคับคดี จะมาอ้างข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ไม่ได้ เพราะเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ เพื่อลบล้างข้อเท็จจริงในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว
ในกรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมขอให้ศาลออกคำบังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดที่เข้ามาเป็นจำเลยนั้นในประเด็นที่ได้ยกขึ้นพิพาทกับโจทก์ได้ (แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมให้บังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดหลังจากที่ได้มีการร้องสอดเข้ามาแล้วก็ตาม)
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลย ผู้ร้องสอดร้องเข้ามาว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง คดีถึงที่สุดว่าจำเลยต้องคืนที่ให้แก่โจทก์ ศาลย่อมออกคำบังคับผู้ร้องสอดไม่ให้มาเกี่ยวข้องขัดขวางการได้คืนที่ดินของโจทก์ได้
ในกรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมขอให้ศาลออกคำบังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดที่เข้ามาเป็นจำเลยนั้นในประเด็นที่ได้ยกขึ้นพิพาทกับโจทก์ได้ (แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมให้บังคับเอาแก่ผู้ร้องสอดหลังจากที่ได้มีการร้องสอดเข้ามาแล้วก็ตาม)
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลย ผู้ร้องสอดร้องเข้ามาว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง คดีถึงที่สุดว่าจำเลยต้องคืนที่ให้แก่โจทก์ ศาลย่อมออกคำบังคับผู้ร้องสอดไม่ให้มาเกี่ยวข้องขัดขวางการได้คืนที่ดินของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919-920/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความระงับสิทธิเดิม ฟ้องซ้ำหลังมีคำพิพากษาตามยอม
ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน แล้วผู้ซื้อเข้าไปปลูกเรือนลงในที่ดินนั้น ต่อมาเจ้าของที่ดินนำที่ดินและเรือนไปขายฝากผู้อื่น ผู้ซื้อที่ดินจึงมาฟ้องผู้ขายและผู้รับซื้อฝากขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก ในที่สุดยอมความกันโดยให้ผู้ขายทำการไถ่ถอนที่ดินและเรือนคืน เพื่อไปโอนขายให้แก่ผู้ซื้อที่ดินดังนี้ย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องเดิมสิ้นไป คงได้สิทธิตามสัญญายอมความและเป็นการรับรองการขายฝากนั้น เมื่อครบกำหนด ผู้ขายไม่ไถ่และผู้ซื้อที่ดินไม่เข้าสวมสิทธิ ที่ดินและเรือนจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อฝาก และกรณีเช่นนี้ผู้ซื้อที่ดินจะมาฟ้องเรียกค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ ทั้งจะมาฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมนอกศาลหลังคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่อาจใช้เป็นเหตุยกเว้นการบังคับคดีได้ หากมีข้อโต้แย้งเรื่องความถูกต้อง
เมื่อจำเลยแพ้คดีโจทก์ แล้วยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา
โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำบังคับที่ศาลมีไว้ต่อจำเลยในกำหนด ต่อมาจำเลยจะมายื่นคำร้องว่าโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมกันนอกศาลแล้วขอมิให้มีการบังคับคดีไม่ได้ในเมื่อการประนีประนอมยอมความนั้นโจทก์อ้างว่าเกิดขึ้นโดยถูกข่มขู่เพราะคู่ความชอบที่จะมาทำประนีประนอมกันในศาล ศาลจะได้รู้เห็นและได้พิจารณาว่าการประนีประนอมนั้นถูกต้องหรือไม่ถ้าถูกจะได้พิพากษาให้เป็นไปตามที่ตกลง และถือว่าเป็นการที่ให้ศาลได้รับรู้เกี่ยวกับการบังคับคดีเมื่อทำกันนอกศาลศาลก็ไม่รู้ และถ้ายอมรับฟัง การบังคับคดีก็จะไม่อาจเป็นไปได้โดยราบรื่นเพราะฝ่ายที่ถูกบังคับย่อมจะมีข้ออ้างมาร้องต่างๆ
โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำบังคับที่ศาลมีไว้ต่อจำเลยในกำหนด ต่อมาจำเลยจะมายื่นคำร้องว่าโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมกันนอกศาลแล้วขอมิให้มีการบังคับคดีไม่ได้ในเมื่อการประนีประนอมยอมความนั้นโจทก์อ้างว่าเกิดขึ้นโดยถูกข่มขู่เพราะคู่ความชอบที่จะมาทำประนีประนอมกันในศาล ศาลจะได้รู้เห็นและได้พิจารณาว่าการประนีประนอมนั้นถูกต้องหรือไม่ถ้าถูกจะได้พิพากษาให้เป็นไปตามที่ตกลง และถือว่าเป็นการที่ให้ศาลได้รับรู้เกี่ยวกับการบังคับคดีเมื่อทำกันนอกศาลศาลก็ไม่รู้ และถ้ายอมรับฟัง การบังคับคดีก็จะไม่อาจเป็นไปได้โดยราบรื่นเพราะฝ่ายที่ถูกบังคับย่อมจะมีข้ออ้างมาร้องต่างๆ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาลำดับหลังไม่ได้ หากยังสามารถปฏิบัติตามลำดับแรกได้โดยโจทก์ไม่ยินยอม
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ หรือมิฉะนั้นให้จำเลยใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย (คือราคาทรัพย์พิพาท) แก่โจทก์ เช่นนี้ จำเลยจะเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาลำดับหลังในเมื่อจำเลยยังสามารถปฏิบัติตามลำดับแรก โดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยนั้น ไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 1486/2493 และ 1346/2494)
(อ้างฎีกาที่ 1486/2493 และ 1346/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาลำดับหลังไม่ได้ หากยังสามารถปฏิบัติตามลำดับแรกได้โดยโจทก์ไม่ยินยอม
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์หรือมิฉะนั้นให้จำเลยใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย(คือราคาทรัพย์พิพาท)แก่โจทก์ เช่นนี้ จำเลยจะเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาลำดับหลังในเมื่อจำเลยยังสามารถปฏิบัติตามลำดับแรก โดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยนั้น ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่1486/2493 และ 1346/2494)