พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการหนี้สินมรดก: ที่ดินประกันหนี้ต้องชำระหนี้ก่อนแบ่งมรดก
ที่ดินมฤดกซึ่งเจ้ามฤดกเป็นลูกหนี้สหกรณ์ได้โอนใส่ชื่อสหกรณ์เป็นเจ้าของเพื่อประกันหนี้นั้นต้องจัดการชำระหนี้ เสียก่อน เมื่อได้ที่ดินมาแล้วจึงแบ่งปันกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้มรดก: ที่ดินประกันหนี้ต้องจัดการหนี้ก่อนแบ่งมรดก
ที่ดินมรดก ซึ่งเจ้ามรดกเป็นลูกหนี้สหกรณ์ได้โอนใส่ชื่อสหกรณ์เป็นเจ้าของเพื่อประกันหนี้นั้น ต้องจัดการชำระหนี้เสียก่อน เมื่อได้ที่ดินมาแล้ว จึงแบ่งปันกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร่วมของอัยการและสิทธิในทรัพย์สินมรดกหลังการเสียชีวิตของบุตร
ภรรยาเป็นโจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวและผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กผู้เป็นบุตรเรียกทรัพย์ของสามีผู้เป็นบิดาของบุตร จากปู่ของบุตร ดังนี้แม้การฟ้องในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กจะไม่ชอบเพราะเป็นอุทลุม แต่ที่ฟ้องในฐานะส่วนตัวยังสมบูรณ์อยู่ฉนั้นอัยการในนามของเด็กบุตรโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเด็กให้ได้รับความคุ้มครองได้
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่าเป็นของผู้ตายและโจทก์เป็นทายาท เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเป็นทรัพย์ของผู้ตายกับจำเลยคนละครึ่งและจำเลยก็เป็นทายาทผู้หนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนี้ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งทรัพย์รายนั้นออกเป็น 2 ส่วนก่อนแล้วให้แบ่งส่วนของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้
อัยการในนามของเด็กฟ้องเรียกมรดกของบิดาเด็กจากปู่ของเด็ก เมื่อเด็กบางคนตายในระหว่างคดีอัยการก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์สำหรับเด็กคนที่ตายนั้นต่อไป แต่ศาลก็พิพากษาให้เด็กที่ยังอยู่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนที่มีอยู่เดิม ส่วนของเด็กที่ตายซึ่งเหลือจากแบ่งให้เด็กที่ยังอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่จะเรียกร้องกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ฟ้องเรียกเงินทั้งหมดได้ความว่าเป็นขอโจทก์จำเลยร่วมกัน ศาลพิพากษาให้แบ่งไปเลยแต่โจทก์ไม่สมควรได้ดอกเบี้ย
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่าเป็นของผู้ตายและโจทก์เป็นทายาท เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเป็นทรัพย์ของผู้ตายกับจำเลยคนละครึ่งและจำเลยก็เป็นทายาทผู้หนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนี้ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งทรัพย์รายนั้นออกเป็น 2 ส่วนก่อนแล้วให้แบ่งส่วนของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้
อัยการในนามของเด็กฟ้องเรียกมรดกของบิดาเด็กจากปู่ของเด็ก เมื่อเด็กบางคนตายในระหว่างคดีอัยการก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์สำหรับเด็กคนที่ตายนั้นต่อไป แต่ศาลก็พิพากษาให้เด็กที่ยังอยู่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนที่มีอยู่เดิม ส่วนของเด็กที่ตายซึ่งเหลือจากแบ่งให้เด็กที่ยังอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่จะเรียกร้องกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ฟ้องเรียกเงินทั้งหมดได้ความว่าเป็นขอโจทก์จำเลยร่วมกัน ศาลพิพากษาให้แบ่งไปเลยแต่โจทก์ไม่สมควรได้ดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, การเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม, การแบ่งมรดก, สิทธิในสินสมรส และผลกระทบการตายของโจทก์ระหว่างคดี
ภรรยาเป็นโจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวและผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กผู้เป็นบุตรเรียกทรัพย์ของสามีผู้เป็นบิดาของบุตรจากปู่ของบุตร ดังนี้ แม้การฟ้องในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็ก จะไม่ชอบเพราะเป็นอุทลุมแต่ที่ฟ้องในฐานะส่วนตัวยังสมบูรณ์อยู่ ฉะนั้นอัยการในนามของเด็กบุตรโจทก์ย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเด็กให้ได้รับความคุ้มครองได้
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่า เป็นของผู้ตายและโจทก์เป็นทายาท เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เป็นทรัพย์ของผู้ตายกับจำเลยคนละครึ่งและจำเลยก็เป็นทายาทผู้หนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งทรัพย์รายนั้นออกเป็น 2 ส่วนก่อนแล้วให้แบ่งส่วนของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้
อัยการในนามของเด็กฟ้องเรียกมรดกของบิดาเด็กจากปู่ของเด็กเมื่อเด็กบางคนตายในระหว่างคดี อัยการก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์สำหรับเด็กคนที่ตายนั้นต่อไป แต่ศาลก็พิพากษาให้เด็กที่ยังอยู่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนที่มีอยู่เดิม ส่วนของเด็กที่ตายซึ่งเหลือจากแบ่งให้เด็กที่ยังอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่จะเรียกร้องกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ฟ้องเรียกเงินทั้งหมดได้ความว่า เป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน ศาลพิพากษาให้แบ่งไปเลยแต่โจทก์ไม่สมควรได้ดอกเบี้ย
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่า เป็นของผู้ตายและโจทก์เป็นทายาท เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เป็นทรัพย์ของผู้ตายกับจำเลยคนละครึ่งและจำเลยก็เป็นทายาทผู้หนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งทรัพย์รายนั้นออกเป็น 2 ส่วนก่อนแล้วให้แบ่งส่วนของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้
อัยการในนามของเด็กฟ้องเรียกมรดกของบิดาเด็กจากปู่ของเด็กเมื่อเด็กบางคนตายในระหว่างคดี อัยการก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์สำหรับเด็กคนที่ตายนั้นต่อไป แต่ศาลก็พิพากษาให้เด็กที่ยังอยู่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนที่มีอยู่เดิม ส่วนของเด็กที่ตายซึ่งเหลือจากแบ่งให้เด็กที่ยังอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่จะเรียกร้องกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ฟ้องเรียกเงินทั้งหมดได้ความว่า เป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน ศาลพิพากษาให้แบ่งไปเลยแต่โจทก์ไม่สมควรได้ดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแบ่งมรดกต่อเนื่องจากคดีเดิม แม้ฟ้องไม่สมบูรณ์แต่ถือว่าใช้ได้หากข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนเดิม
ในคดีก่อนศาลฎีกาวินิจฉัยไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ว่ากล่าวเอาส่วนของตน หรือว่ากล่าวกันในทางมรดก โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยโดยบรรยายฟ้องท้าวความถึงคดีเดิมด้วยดังนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นเรื่อง สืบเนื่องมาจากคดีก่อนฉะนั้นแม้คำบรรยายฟ้องจะขาดตกบกพร่องในรายละเอียดไปบ้าง เช่นไม่ได้กล่าวถึงวันเดือนปีที่เจ้ามรดกตาย ตนได้ปกครองทรัพย์มาอย่างไร เหล่านี้แต่เมื่อปรากฎว่าข้อความเหล่านี้มีชัดอยู่แล้วในสำนวนก่อนและในการพิจารณาคดีนี้จำเลยก็รับรองเวลาตายของเจ้ามรดกแล้ว ก็ย่อมถือวได้ว่าฟ้องของโจทก์ในคดีนี้สมบูรณ์แล้ว ไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมรดกต่อเนื่อง: ฟ้องแบ่งมรดกโดยอ้างอิงคำพิพากษาเดิม แม้ฟ้องมีรายละเอียดขาดตกบกพร่อง แต่หากข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนเดิมถือว่าสมบูรณ์
ในคดีก่อนศาลฎีกาวินิจฉัยไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ว่ากล่าวเอาส่วนของตน หรือว่ากล่าวกันในทางมรดก โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยโดยบรรยายฟ้องท้าวความถึงคดีเดิมด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากคดีก่อน ฉะนั้นแม้คำบรรยายฟ้องจะขาดตกบกพร่องในรายละเอียดไปบ้าง เช่นไม่ได้กล่าวถึง วันเดือนปีที่เจ้ามรดกตาย ตนได้ปกครองทรัพย์มาอย่างไร เหล่านี้ แต่เมื่อปรากฏว่าข้อความเหล่านี้มีชัดอยู่แล้วในสำนวนก่อนและในการพิจารณาคดีนี้จำเลยก็รับรองเวลาตายของเจ้ามรดกแล้วก็ย่อมถือได้ว่าฟ้องของโจทก์ในคดีนี้สมบูรณ์แล้ว ไม่เป็นการเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามพินัยกรรมที่มีเงื่อนไข และผลเมื่อผู้รับตามพินัยกรรมถึงแก่กรรมก่อนปฏิบัติตามเงื่อนไข
พินัยกรรมมีข้อความระบุไว้ว่า ให้นาแปลงหนึ่งแก่ผู้รับ2 คนคนละครึ่ง แต่มีเงื่อนไขว่าให้ผู้รับคนหนึ่งให้เงินแก่ผู้รับคนที่ 2 เป็นเงิน 200 บาท ถ้าผู้รับคนที่หนึ่งไม่ให้เงิน 200 แก่ผู้รับคนที่ 2 ก็ให้นาแปลงนี้เป็นของผู้รับคนที่ 2 คนเดียว ดังนี้ ถ้าผู้รับคนที่ 1 ตายเสียก่อนผู้ทำพินัยกรรม ผู้รับคนที่ 1 ก็ไม่ได้ชำระเงิน 200 บาท เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้รับคนที่ 2 ก็ไม่มีโอกาสจะได้รับส่วนครึ่งหนึ่งของผู้รับคนที่หนึ่งตามเงื่อนไขนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขพินัยกรรม: การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทำให้เสียสิทธิรับมรดก แม้ผู้รับไม่ทราบเงื่อนไข
เจ้าของพินัยกรรม์ผู้ให้ระบุเงื่อนไขไว้ในพินัยกรรม์ว่าให้มารดาของผู้รับเซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม สัญญากลัดต่อท้ายพินัยกรรม์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทำพินัยกรรม์ฉะบับนั้น แม้มารดาของผู้รับและผู้รับจะไม่ทราบเงื่อนไขนี้ก็ตาม เมื่อปรากฎว่ามารดาของผู้รับมิได้เซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวไว้ในพินัยกรรม์แล้ว ผู้รับก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์ตามที่พินัยกรรม์กำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดก: การฟ้องคดีเกิน 1 ปี จำเป็นต้องพิสูจน์เหตุยกเว้น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลยผู้เป็นทายาทชั้นเดียวกัน โดยกล่าวในฟ้องว่า ได้ปกครองทรัพย์นั้นร่วมกับจำเลย ฝ่ายจำเลยต่อสู้ว่า ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้จำเลยและต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ได้ครอบครอง โจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปีแล้ว เมื่อปรากฏว่า โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปีแล้วเช่นนี้ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าเหตุใดตนจึงชอบที่จะฟ้องคดีเกิน 1 ปีได้ ถ้าโจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน จำเลยก็ย่อมชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1705/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแสดงกรรมสิทธิ์ในฐานะทายาทและการแบ่งมรดก ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ทุกคนที่จะได้รับในฐานะเป็นทายาทของผู้ตาย หาได้ขอให้ศาลแบ่งนาพิพาทไม่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งนาพิพาทระหว่างโจทก์ด้วยกันตามส่วน ก็หามีฝ่ายใดคัดค้านขึ้นมาไม่ โดยเหตุนี้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ตายตกได้แก่โจทก์ในฐานะทายาทจริง ศาลฎีกาก็จำต้องพิพากษายืน