พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำให้การรับสารภาพที่ไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาที่ไม่ควรวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์
ปัญหาที่ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การรับสารภาพจะเป็นการชอบหรือไม่นั้น มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยเมื่อคู่ความมิได้โต้เถียงกันในศาลชั้นต้น และเมื่อศาลชั้นต้นจดรายงานว่าจำเลยขอถอนคำให้การรับสารภาพตามฟ้องตลอดข้อหาไม่สู้คดีนั้นเสียแล้วขอให้การใหม่ว่าขอปฏิเสธฟ้องโจทก์ตลอดข้อหา ขอสู้คดี โจทก์แถลงไม่คัดค้าน ดังนั้น โจทก์จะยกมาอ้างเป็นข้ออุทธรณ์ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยบาดแผลเป็นคุณแก่จำเลย แม้มิได้อุทธรณ์ และการประเมินอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29(4), 66 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จำเลยที่1 ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 กระทำประมาทฝ่ายเดียว ขอให้ยกฟ้อง แม้จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์โต้แย้งในเรื่องบาดแผลมาด้วย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้
แม้การขับรถของจำเลยเป็นที่น่าหวาดเสียว เป็นเหตุให้เกิดชนกันอย่างแรง ต่างเสียหายมากอย่างไรก็ตาม เมื่อลักษณะบาดแผลของผู้เสียหายที่ได้รับมีเพียงเจ็บบริเวณข้อศอกและปลายแขนซ้ายมีรอยช้ำเล็กน้อย รักษาประมาณ 2 วัน เท่านี้ ยังไม่รุนแรงจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390
แม้การขับรถของจำเลยเป็นที่น่าหวาดเสียว เป็นเหตุให้เกิดชนกันอย่างแรง ต่างเสียหายมากอย่างไรก็ตาม เมื่อลักษณะบาดแผลของผู้เสียหายที่ได้รับมีเพียงเจ็บบริเวณข้อศอกและปลายแขนซ้ายมีรอยช้ำเล็กน้อย รักษาประมาณ 2 วัน เท่านี้ ยังไม่รุนแรงจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาจำเลย เนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิตปลอกกระสุนปืนของกลางริบ โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ปลอกกระสุนปืนของกลางโจทก์ไม่ได้ขอให้ริบ จึงไม่ริบ ดังนี้ คดีย่อมถึงที่สุดแล้ว จำเลยฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีชิงทรัพย์: ศาลฎีกาอนุญาตเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษในคดีที่เคยยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อกับโทษในคดีดำที่ 2138/2513 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งคดีนี้และคดีดำที่ 2138/2513 ซึ่งเป็นคดีแดงที่ 2408/2513 จึงไม่มีทางจะนับโทษต่อ ต่อมาหลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้แล้วศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีแดงที่ 2408/2513นั้นด้วย จำเลยฎีกาในคดีนี้ โจทก์จึงขอมาในคำแก้ฎีกาให้นับโทษคดีนี้ต่อกับโทษในคดีแดงที่ 2408/2513 ดังนี้ศาลฎีกาสั่งให้นับโทษต่อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีชิงทรัพย์: ศาลฎีกาอนุญาตเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษในคดีที่เกี่ยวข้องแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อกับโทษในคดีดำที่ 2138/2513 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งคดีนี้และคดีดำที่ 2138/2513 ซึ่งเป็นคดีแดงที่ 2408/2513 จึงไม่มีทางจะนับโทษต่อ ต่อมาหลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้แล้ว ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีแดงที่2408/2513 นั้นด้วย จำเลยฎีกาในคดีนี้ โจทก์จึงขอมาในคำแก้ฎีกา ให้นับโทษคดีนี้ต่อกับโทษในคดีแดงที่2408/2513 ดังนี้ ศาลฎีกาสั่งให้นับโทษต่อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดมูลค่าคดีและข้อจำกัดการฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น มูลค่าคดีต่ำกว่าเกณฑ์
จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทต้องถือราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องส่วนเนื้อที่ดินของที่พิพาทต้องถือตามจำนวนที่คำนวณได้จากแผนที่วิวาทซึ่งคู่ความได้รับรองความถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ 24 ตารางวา คิดเป็นราคาที่ดิน 9,600 บาท ในขณะฟ้องตกตารางวาละ 400 บาท แต่ในขณะเบิกความมีราคาตารางวาละ 700 บาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทตามรูปแผนที่กลางอันเป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีนี้มีเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องเพียง 3,200 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ 24 ตารางวา คิดเป็นราคาที่ดิน 9,600 บาท ในขณะฟ้องตกตารางวาละ 400 บาท แต่ในขณะเบิกความมีราคาตารางวาละ 700 บาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทตามรูปแผนที่กลางอันเป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีนี้มีเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องเพียง 3,200 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีผู้จัดการมรดกเฉพาะผู้ที่อุทธรณ์ การไม่ขยายผลถึงผู้ไม่เคยอุทธรณ์
ในคดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งมีผู้คัดค้านหลายคน และผู้คัดค้านเหล่านั้นต่างร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกด้วย ผู้ร้องขอถอนคำร้องไม่ติดใจดำเนินคดี ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ถอนคำร้องได้ และสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมด ให้ผู้คัดค้านไปดำเนินคดีใหม่ เมื่อผู้คัดค้านคนหนึ่งอุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของตนต่อไป หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นยังไม่ถูกต้อง ก็ชอบที่จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการไต่สวนคำร้องเฉพาะของผู้คัดค้านที่อุทธรณ์เท่านั้น จะให้ดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้านอื่นซึ่งมิได้อุทธรณ์ด้วยหาได้ไม่ เพราะกรณีไม่เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษได้แม้โจทก์ไม่ฎีกา
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรมาด้วยกันสองฐาน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ยกข้อหารับของโจร แม้จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำผิด เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานรับของโจรซึ่งมีอัตราโทษที่จะลงเบากว่าความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นโทษอาวุธปืนตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 แม้ไม่นำปืนขึ้นทะเบียนภายใน 90 วัน ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีอาวุธปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่เห็นว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 6 บัญญัติว่า ถ้าผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่อาจขออนุญาตได้ตามกฎหมาย นำปืนมามอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วัน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ต่อมาโจทก์จะฎีกาว่าในขณะที่ศาลฎีกากำลังพิจารณาคดีนี้อยู่ได้เลยกำหนดให้นำอาวุธปืนไปขึ้นทะเบียนเพื่อขออนุญาตแล้วและจำเลยก็มิได้นำไปขึ้นทะเบียนภายในกำหนด จึงต้องมีความผิดฐานนี้อยู่ ดังนี้ ฟังไม่ขึ้นเพราะเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถูกต้องตามบทกฎหมายที่มีอยู่ในเวลาพิพากษาคดีแล้ว แม้จำเลยจะมิได้นำปืนไปขอรับใบอนุญาตภายใน 90 วัน ก็ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปศาลฎีกาไม่มีเหตุที่จะต้องแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2849/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลสาหัสและการลดโทษจากคำให้การชั้นสอบสวน ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์
แม้บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับปรากฏตามรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่ามีรอยฟกช้ำที่คอ ที่หลัง และที่สะเอว มีโลหิตคั่งภายในช่องท้อง ลำไส้ส่วนนอกฉีกขาด แพทย์ต้องผ่าตัดช่องท้อง จะรักษาแผลหายเกินยี่สิบเอ็ดวันก็ตามแต่เมื่อต่อมาราว 7 วัน ผู้เสียหายได้ผูกคอตายไปเสียก่อน และได้ความตามคำแพทย์ผู้ชันสูตรบาดแผลและเป็นผู้รักษาผู้เสียหายว่าเมื่อผู้เสียหายผูกคอตาย แผลจวนจะหายแล้ว สามารถเดินไปมาได้บ้างหลังจากผ่าตัดแล้วเพียง3 วัน อาจจะทำงานจักสานได้หลังผ่าตัด 10 วันเช่นนี้ แม้ผู้เสียหายจะไม่ถึงแก่ความตายเพราะเหตุอื่นไปก่อนครบ 20 วันหลังจากถูกทำร้าย ก็ยังไม่รับฟังไม่ถนัดว่าผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บถึงทุพพลภาพด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน จึงไม่ใช่อันตรายสาหัส
เมื่อศาลเชื่อข้อเท็จจริงเป็นดังคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งแตกต่างกับคำให้การชั้นศาล แม้คำให้การชั้นสอบสวนนั้นโจทก์เป็นฝ่ายส่งอ้างเพื่อหักล้างคำเบิกความของจำเลยในชั้นศาล ก็นับได้ว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุปรานีลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้
เมื่อศาลเชื่อข้อเท็จจริงเป็นดังคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งแตกต่างกับคำให้การชั้นศาล แม้คำให้การชั้นสอบสวนนั้นโจทก์เป็นฝ่ายส่งอ้างเพื่อหักล้างคำเบิกความของจำเลยในชั้นศาล ก็นับได้ว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุปรานีลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้