คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ที่ไม่ชอบและการพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ถอนฟ้องเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค 3ไม่มีอำนาจที่จะรับวินิจฉัยให้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยมาเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นอ้างในฎีกา แต่ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ เมื่อคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องโดยมิได้สอบถามจำเลยที่ 1 ก่อน ซึ่งจำเลยที่ 1 อ้างเป็นเหตุขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้นถึงที่สุด คดีก็ไม่มีเหตุที่จะให้ยกขึ้นพิจารณาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3380/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาของโจทก์ร่วมในคดีอาญา: การยุติสิทธิเมื่อมิได้อุทธรณ์คำพิพากษายกฟ้อง
ในคดีอาญาที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องก็หมายถึงยกฟ้องของโจทก์ร่วมด้วยเมื่อโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นคดีของโจทก์ร่วมจึงยุติลง ฉะนั้น แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาได้ โจทก์ร่วมก็ไม่มีสิทธิฎีกา ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต้องผ่านศาลอุทธรณ์ก่อน ไม่สามารถอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกาโดยตรงได้
การอุทธรณ์คำพิพากษา หรือคำสั่งศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายมีบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ วรรคแรก แล้วว่าให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ จึงจะนำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ มาอนุโลม บังคับใช้หาได้ไม่ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ยกฟ้องของศาลชั้นต้นโดยตรงมายังศาลฎีกาจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาล: ไม่อาจใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบังคับใช้ในคดีอาญา
การอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมีบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 วรรคแรก จึงจะนำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ มาอนุโลมบังคับใช้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต้องผ่านศาลอุทธรณ์ก่อน ไม่อาจอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาโดยตรง
การอุทธรณ์คำพิพากษา หรือคำสั่งศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมีบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคแรกแล้วว่าให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ จึงจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ มาอนุโลมบังคับใช้หาได้ไม่ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งยกฟ้องของศาลชั้นต้นโดยตรงมายังศาลฎีกาจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้หากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ และอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีภาษีอากรที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาทต้องห้าม
แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาก็ตามศาลจะพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีก็ต่อเมื่อศาลเห็นว่าข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่เพียงพอรับฟังตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค 1 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 17 ตามใบขนสินค้าขาเข้าและบัญชีราคาสินค้า ปรากฏว่ามีการระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกัน ซึ่งศาลก็วินิจฉัยจากพยานเอกสารดังกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะหลีกเลี่ยงภาษีโดยระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกันอันเป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลและเป็นการวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนนั้นเอง หาได้เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากข้อเท็จจริงในสำนวนอันจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 25

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3067/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมศาลกับการชำระหนี้: การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ไม่ใช่การชำระหนี้
การที่จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 มิใช่เป็นการชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิรับเงินดังกล่าวไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3067/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินวางศาลเพื่ออุทธรณ์ไม่ใช่การชำระหนี้ โจทก์ยังไม่มีสิทธิรับเงิน
การที่จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 มิใช่เป็นการชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิรับเงินดังกล่าวไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3060/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดี, ใบมอบอำนาจ, เครื่องหมายการค้า, ความแตกต่างของเครื่องหมาย, การอุทธรณ์นอกประเด็น
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ทำที่เมืองฮ่องกง มีหนังสือของโนตารีปับลิกแห่งเมืองฮ่องกงรับรองว่าผู้มีอำนาจลงชื่อแทนโจทก์เป็นผู้ลงชื่อในช่องผู้มอบอำนาจ โดยมีกงสุลไทยเมืองฮ่องกงรับรองลายมือชื่อของโนตารีปับลิกอีกชั้นหนึ่ง เมื่อจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้าง จึงฟังได้ว่าใบมอบอำนาจฉบับนี้ลงชื่อโดยผู้มีอำนาจของโจทก์จริง ไม่จำเป็นต้องให้โนตารีปับลิกรับรองด้วยว่าผู้ที่ลงชื่อมอบอำนาจได้กระทำต่อหน้าตนและรับรองว่ามีตราคุนประทับในใบมอบอำนาจ ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีดังกล่าวย่อมมีผลใช้ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ตามกฎหมายฮ่องกง และแนบหนังสือรับรองของโนตารีปับลิกซึ่งรับรองว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นโดยถูกต้องตามกฎหมายฮ่องกงมาท้ายฟ้อง ย่อมเป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์แจ้งชัดแล้ว ไม่จำต้องแนบหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลมาท้ายฟ้องด้วยฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่าเครื่องหมายการค้าพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของเครื่องหมายการค้าพิพาทแต่ผู้เดียว ไม่ได้กล่าวอ้างว่าเป็นของบุคคลอื่นใด ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดีกว่ากัน การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าเครื่องหมายการค้าเป็นของผู้อื่นไม่ใช่ของโจทก์จึงเป็นการอุทธรณ์นอกคำให้การ และนอกประเด็น
เครื่องหมายการค้าของโจทก์รูปที่ 1 เป็นอักษรโรมันคำว่าLEE KUM KEE รูปที่ 2 เป็นอักษรจีนอ่านว่า สี คุม กี หรือ ลี คุม คี หรือลี คัม กี หรือ ลี กัม กี รูปที่ 6 เป็นกรอบรูปประดิษฐ์สี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงกลางเป็นรูปวงกลม มีหญิงจีนยืนชิดโต๊ะอาหารหันหน้าเข้าโต๊ะ มือซ้ายวางคว่ำบนโต๊ะหลังมือชิดจานอาหาร รูปที่ 7 เป็นรูปแถบชายธงโค้งด้านเว้าหงายขึ้น ตรงกลางมีรูปวงกลม หญิงจีน โต๊ะอาหารและจานอาหารเช่นเดียวกับในรูปที่ 6 ตรงชายแถบด้านขวามีอักษรโรมันคำว่า LEE KUM KEE อ่านว่า ลี กัม กี รูปที่ 8 เป็นรูปพัดจีน-ประดิษฐ์ มีอักษรโรมัน L.K.K. อ่านว่า แอล เค เค อยู่เหนืออักษรจีนที่อ่านว่าลี คัม กี รูปที่ 9 เป็นรูปพัดจีนประดิษฐ์เหมือนรูปที่ 8 แต่เพิ่มตัวอักษรจีนอ่านว่าลี คุม กี อยู่เหนือพัดจีน และ อักษรโรมันคำว่า LEE KUM KEE อ่านว่า ลี คัม กีอยู่ใต้พัดจีน ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยประกอบด้วยรูปภาพ และตัวอักษรมีทั้งหมดสองส่วน 3 รูป ส่วนบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่ภายในมีกรอบรูปประดิษฐล้อมรอบ ตรงกลางเป็นรูปเรือสำเภาจีนเหนือขึ้นไปเป็นอักษรโรมันคำว่าLEE MIAN KEE อ่านว่า ลี เมียน กี ด้านซ้ายและขวามีอักษรจีนอ่านว่าลี เมียน กี อยู่ในกรอบรูปประดิษฐ์เล็ก ๆ ส่วนล่างประกอบด้วยรูป 2 รูปเรียงกันรูปแรกด้านซ้ายเป็นรูปประดิษฐ์คล้ายเข็มขัดมีหัวอยู่ตรงกลาง มีรูปหญิงจีนถือจาน-อาหารอยู่ตรงหัวเข็มขัด ส่วนสายเข็มขัดดานขวามีอักษรโรมันอ่านว่าLEE MIAN KEE อ่านว่า ลี เมียน กี กับอักษรจีนอ่านว่า ลี เมียน กี รูปที่ 2ด้านขวาเป็นรูปคล้ายพัดจีนประดิษฐ์ตั้งตรงด้านมือจับชี้ลงมีอักษรโรมัน L.M.K.อ่านว่า แอล เอ็ม เค และอักษรจีนอ่านว่า ลี เมียน กี อยู่ภายในกรอบรูปพัดจีนโดยอักษรโรมันอยู่เหนืออักษรจีน เครื่องหมายการคำของโจทก์ทั้ง 7 รูป ดังกล่าวกับเครื่องหมายการค้าของจำเลยึงแตกต่างกันมาก ทั้งนี้เพราะเครื่องหมายการค้าของโจทก์รูปที่ 1 และ 2 มีเพียงตัวอักษรเท่านั้นไม่มีรูปภาพ การอ่านออกเสียงก็ต่างกับเครื่องหมายการค้าของจำเลย และเครื่องหมายการค้าของจำเลยจุดเด่นอยู่ที่รูปภาพ ส่วนของโจทก์อยู่ที่ตัวอักษร เครื่องหมายการค้าของโจทก์รูปที่ 6 เป็นรูปภาพเดี่ยว ของจำเลยมีรูปภาพถึง 3 รูป แม้จะมีรูปหญิงจีนเหมือนกันแต่ท่าทางก็ต่างกัน ของโจทก์รูปหญิงจีนเป็นรูปเด่น ของจำเลยเป็นเพียงรูปเล็ก ๆ ของรูปหนึ่งใน 3 รูป เครื่องหมายการค้าของโจทก์รูปที่ 7 แม้จะมีอักษรโรมันและอักษรจีนเช่นเดียวกับของจำเลย แต่ก็ออกเสียงคนละอย่างและอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกันเครื่องหมายการค้าของโจทก์รูปที่ 8 และรูปที่ 9 เป็นรูปเดี่ยว ของจำเลยเป็นรูปภาพ 3 รูป มีรูปพัดจีนเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ และเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีด้ามส่วนของโจทก์นั้นขอบรูปพัดเป็นรูปเถาไม้เลื้อยคดเคี้ยวคล้ายลายกนก ไม่มีด้ามแม้รูปที่ 9 ของโจทก์จะมีตัวอักษรภาษาจีนและอักษรโรมันก็อ่านออกเสียงคนละอย่างกับของจำเลย ดังนั้นเครื่องหมายการค้าของจำเลย จึงไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์รูปหนึ่งรูปใดใน 7 รูปดังกล่าวเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2638/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์การขายทอดตลาด: จำเลยต้องคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นก่อน จึงมีสิทธิอุทธรณ์
ตามอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทแก่ผู้ร้องโดยอ้างเหตุว่าราคาประเมินของสำนักงานโยธาธิการจังหวัดมหาสารคามยังบกพร่อง และผู้ร้องเสนอราคาในการประมูลซื้อต่ำ ขอให้มีการประเมินราคาและขายทอดตลาดใหม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิอุทธรณ์เพราะมิได้ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27,296 วรรคสองพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ดังกล่าว แต่กลับฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านการประเมินราคาของเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการจังหวัดมหาสารคามเพราะจำเลยได้คัดค้านการประเมินราคาดังกล่าวไว้แล้ว ดังนี้ เมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองทำให้จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เสียแล้ว การวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็มิได้ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปได้ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 349