พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากทรัพย์ของภัตตาคารต่อลูกค้า ความรับผิดในความเสียหายต่อรถยนต์ที่จอด
จำเลยที่ 1 จัดบริการให้แก่ลูกค้า ซึ่งไปรับประทานอาหาร ที่ภัตตาคารของจำเลยที่ 1 โดยให้จำเลยที่ 2ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ต้อนรับ เอากุญแจรถยนต์ขับรถยนต์เข้าที่จอด และเคลื่อนย้ายรถยนต์หากมีรถยนต์คันอื่นเข้าออกในบริเวณภัตตาคาร ออกใบรับที่จดหมายเลขทะเบียนรถยนต์และรับกุญแจรถยนต์ของโจทก์เก็บไว้ถือได้ว่าเป็นการฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 ซึ่งจำเลยที่ 1ผู้รับฝากจะต้องดูแลระมัดระวังสงวนทรัพย์สินที่ฝากนั้นเหมือนเช่นที่เคยประพฤติในกิจการของตนเอง เมื่อรถยนต์ โจทก์ที่นำมาฝากเพื่อรับประทานอาหารในภัตตาคารของ จำเลยที่ 1 หายไป โดยจำเลยที่ 1 มิได้ดูแลหรือใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นที่เคยประพฤติในกิจการของตน จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่าจำเลยที่ 1รับฝากทรัพย์หรือไม่ ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ได้วินิจฉัยโดยเห็นด้วยในประเด็นเรื่องฝากทรัพย์แล้ว การที่วินิจฉัยต่อไป ว่าเป็นการฝากทรัพย์โดยมีบำเหน็จ ก็ยังอยู่ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ว่า จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ จึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น โจทก์ใช้รถยนต์ประกอบการค้า เมื่อรถยนต์หายไปโจทก์ ไม่มีรถยนต์ที่จะใช้ประกอบอาชีพได้ย่อมได้รับความเสียหาย มีสิทธิได้รับค่าเสียหายส่วนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถาบันการเงินต้องรับผิดต่อการรับฝากเงิน แม้กรรมการกระทำผิดระเบียบภายใน
ขณะที่โจทก์นำเงินไปฝากที่บริษัทจำเลยมี อ.ช. และ ก.เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อร่วมกันกระทำการแทนจำเลยได้ กรรมการทั้งสามคนได้รับฝากเงินและออกเช็คตามฟ้องให้โจทก์ อันเป็นการกระทำในเวลาทำการตามปกติของจำเลย แสดงว่าจำเลยเป็นผู้รับฝากเงินเอง ที่จำเลยอ้างว่ากรรมการของจำเลยทั้งสามคนมิได้นำเงินที่รับฝากเข้าบัญชีจำเลยก็ดี กฎหมายบังคับว่าหลักฐานการรับฝากเงินต้องออกเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินก็ดี การรับฝากเงินโจทก์กรรมการอื่นไม่ทราบเรื่อง และโจทก์ได้รับดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ดีล้วนเป็นเรื่องที่กรรมการของจำเลยทั้งสามคนกระทำผิดระเบียบและกฎหมายเองทั้งสิ้น จำเลยจะนำมาเป็นเหตุอ้างให้พ้นจากความรับผิดต่อลูกค้าไม่ได้ เมื่อเช็คที่โจทก์ได้รับจากจำเลยเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยย่อมต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการตัวแทน การจำนองเพื่อประกันหนี้ที่ไม่มีมูล และความรับผิดของธนาคารต่อบุคคลภายนอก
การที่จำเลยที่ 1 ผู้จัดการสาขาธนาคารจำเลยที่ 2 ให้สินเชื่อแก่โจทก์ร่วมอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ของธนาคารจำเลยที่ 2 และการที่จำเลยที่ 1 ให้โจทก์ลงชื่อในใบรับเงินในใบถอนเงิน โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้จ่ายเงินนั้น เป็นการกระทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุควรเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีอำนาจกระทำได้ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามหลักกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทน การจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ แม้จะจดทะเบียนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบ แต่เมื่อไม่มีมูลหนี้ที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดต่อผู้รับจำนอง ผู้จำนองก็มีสิทธิขอให้ผู้รับจำนองจดทะเบียนปลดจำนองได้ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์โดยจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ จึงไม่ชอบที่จะให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ควบคุมการรื้อถอนอาคารที่ผิดแบบและประมาทเลินเล่อจนเกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมดูแลการรื้อถอนอาคาร ถือได้ว่าเป็นผู้จัดให้มีการรื้อถอนอาคารที่เกิดเหตุ เมื่อฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการรื้อถอนอาคารอันอาจจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522มาตรา 31 วรรคแรกแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมงานในความหมายตามมาตรา 4 จึงไม่มีความผิดตามมาตรา 31 วรรคสองอีกเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดให้มีการรื้อถอนอาคารที่เกิดเหตุได้ดำเนินการรื้อถอนโดยทุบพื้นคอนกรีตทุกชั้นก่อนเพื่อให้วัสดุที่รื้อถอนหล่นลงมาข้างล่างตามช่องพื้นที่ทุบไว้ และเศษอิฐเศษปูนที่ไม่สามารถผ่านช่องพื้นที่ทุบไว้ได้คงค้างอยู่จนพื้นชั้นที่ 6 รับน้ำหนักไม่ไหว เป็นเหตุให้อาคารที่กำลังรื้อถอนอยู่นั้นพังลงมาทับคนงานที่กำลังรื้อถอนอาคารอยู่ถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายแก่กาย เป็นการรื้อถอนที่ผิดไปจากแบบแปลนและเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดและเป็นการกระทำโดยประมาท จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,390และพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 31,70
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างและผู้รับประกันภัยต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากลูกจ้าง
ข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยได้ให้ความคุ้มครองถึงนายจ้างผู้ซึ่งมิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยด้วย เมื่อนายจ้างจะต้องรับผิดจากการใช้รถยนต์คันที่เอาประกันภัยโดยลูกจ้างในทางการที่จ้างดังนี้ จำเลยที่ 2 ซึ่งมิใช่ผู้เอาประกันภัยแต่เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ผู้ซึ่งขับรถบรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาทชนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไม่เกินวงเงินที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัยไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของเจ้าของรถแท็กซี่ต่อการกระทำละเมิดของคนขับที่ได้รับอนุญาตให้เช่ารถและวิ่งรับส่งผู้โดยสารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
จำเลยที่ 2 เป็น เจ้าของรถแท็กซี่คันเกิดเหตุ ได้นำรถแท็กซี่ไปเข้าเป็นสมาชิกในสหกรณ์แท็กซี่ก่อนแล้วให้จำเลยที่ 1 นำออกไปวิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ย่อมต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของตัวแทนและเจ้าของรถ กรณีรถแท็กซี่ทำละเมิด
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า รถแท็กซี่คันที่เกิดเหตุเป็นรถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน 1ท-3878กรุงเทพมหานครของอ. น้องชายจำเลยที่ 2 ไม่ใช่คันหมายเลขทะเบียน 1ท-3787 กรุงเทพมหานคร โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 จึงเป็นการฟ้องผิดตัวนั้น ปรากฏว่า ในข้อนี้จำเลยที่ 2 ให้การเพียงว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นเจ้าของรถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน 1ท-3787 กรุงเทพมหานคร เท่านั้น จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า รถแท็กซี่คันเกิดเหตุไม่ใช่คันเดียวกับที่โจทก์ฟ้องข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่นอกเหนือไปจากข้อต่อสู้ตามคำให้การของจำเลยที่ 2 เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถแท็กซี่ ได้นำรถแท็กซี่ หมายเลขทะเบียน 1ท-3787 กรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 2 ไปเข้าเป็นสมาชิกในสหกรณ์แท็กซี่ก่อน แล้วให้จำเลยที่ 1 นำออกไปวิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ย่อมต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: พยานหลักฐานน้ำหนักกว่าการโต้แย้งของจำเลย และการรับฟังเอกสารหลังฟ้อง
โจทก์มีตัวโจทก์ และพ.ซึ่งนั่งมาในรถยนต์กระบะของโจทก์ เบิกความยืนยันว่า รถบรรทุกสิบล้อที่จำเลยที่ 1ขับตามหลังพุ่งเข้าชนท้าย รถยนต์กระบะของโจทก์หลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและถูกฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้รถยนต์กระบะของโจทก์เสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บยิ่งเมื่อนำภาพถ่ายที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าโจทก์ขับรถยนต์กระบะแซงรถยนต์บรรทุกสิบล้อคันหนึ่ง ทางเดินรถของจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 คงมีแต่ตัวจำเลยที่ 1เพียงปากเดียวเบิกความลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย เอกสารใบเสร็จรับเงินค่าลำโพง และเสาอากาศโจทก์อาจจะไปขอมาหลังจากฟ้องก็ได้ กรณีไม่ถึงกับจะทำให้รับฟังเอกสารดังกล่าวไม่ได้ ฎีกาจำเลยที่ 2 ที่ว่าเอกสารบางรายการมีการคิด ค่าเสียหายซ้ำซ้อนกัน 2 ครั้ง มิได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าเอกสารในรายการใดบ้างที่มีการคิดค่าเสียหายซ้ำซ้อน กันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เหตุที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารหมาย จ.8, จ.10และ จ.11 ให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน เนื่องจากโจทก์เพิ่งค้นพบเอกสารดังกล่าวและได้ยื่นบัญชีระบุพยาน เพิ่มเติมในวันนั้น และโจทก์ก็ยังสืบพยานไม่เสร็จ จำเลยย่อมมีโอกาสตรวจดูเอกสารดังกล่าวและนำพยานหลักฐาน มาสืบหักล้างได้ ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี แต่อย่างใด เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็น เป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม จำเป็นต้องสืบพยานหลักฐาน เช่นว่านั้น ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐาน ดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการและตัวแทนในการซื้อขาย
จำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1มอบหมายให้จำเลยที่ 4 ซื้อไม้จากโจทก์ จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1รับผิดชำระราคาไม้แก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1ได้กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ในการซื้อไม้จากโจทก์ตามที่ได้รับมอบหมาย จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 4 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อ-กฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 4 มิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย และพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของตัวแทนและหุ้นส่วนผู้จัดการในการซื้อขายไม้: ศาลฎีกาวินิจฉัยอำนาจฟ้องและขอบเขตความรับผิด
จำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1มอบหมายให้จำเลยที่ 4 ซื้อไม้จากโจทก์ จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชำระราคาไม้แก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ได้กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ในการซื้อไม้จากโจทก์ตามที่ได้รับมอบหมาย จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 4 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 4 มิได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย และพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 ได้