พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3407/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาและการตกลงวิธีการส่งมอบทรัพย์สิน ศาลมีอำนาจสั่งให้รื้อถอนและชำระค่าใช้จ่ายได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบบ้านให้โจทก์ภายหลังโจทก์จำเลยตกลงกันในศาลว่าหากโจทก์มีสิทธิการเช่าที่ปลูกบ้านจำเลยจะมอบบ้านพิพาทให้โจทก์โดยโจทก์ไม่ต้องรื้อหากจำเลยมีสิทธิการเช่าโจทก์ต้องรื้อถอนบ้านไปเองเป็นการตกลงเกี่ยวกับวิธีการส่งมอบบ้านมีผลบังคับโจทก์จำเลยเมื่อปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิการเช่าที่ดินและโจทก์ไม่ยอมรื้อถอนบ้านศาลชั้นต้นมีอำนาจอนุญาตให้จำเลยรื้อถอนและสั่งให้โจทก์เสียค่าใช้จ่ายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา213ส่วนค่ารักษาทรัพย์ที่รื้อถอนหากโจทก์มิได้ตกลงด้วยศาลชั้นต้นก็ไม่มีอำนาจสั่งให้โจทก์ชำระ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนัดพิจารณาคำร้องขอเฉลี่ยเงินจากการบังคับคดี: ไม่ต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันสืบพยาน
ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามส่วนศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่านัดพิจารณาสำเนาให้โจทก์จำเลยเช่นนี้วันนัดพิจารณาคือวันที่ศาลชี้สองสถานสืบพยานทำการไต่สวนฟังคำขอต่างๆหรือฟังคำแถลงการณ์ด้วยวาจาเป็นต้นส่วนวันสืบพยานคือวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานวันที่ศาลนัดพิจารณาอาจจะมิใช่วันสืบพยานผู้ร้องและโจทก์จึงไม่จำต้องยื่นบัญชีพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามบทบัญญัติป.วิ.พ.มาตรา88.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3170/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาใหม่ที่เกินกำหนดระยะเวลาและทราบถึงการบังคับคดี
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว ศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายใน 30 วัน และได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาลเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2521 หลังจากครบกำหนดตามคำบังคับแล้วโจทก์ได้ดำเนินการขอให้ศาลบังคับคดีขับไล่บริวารจำเลยออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตลอดมา และเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2526 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยมาเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาสอบถามในวันที่ 27 ธันวาคม 2526 จำเลยรับหมายเรียกวันที่ 11 ธันวาคม 2527 ถึงวันนัดสอบถามจำเลยก็แถลงว่า ยังอยู่ในที่พิพาท และขอเวลาขนย้ายทรัพย์สินออกไปภายใน 2 เดือน การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทและแถลงยินยอมออกไปจากที่พิพาท แสดงว่า จำเลยได้ทราบถึงการถูกฟ้อง การส่งคำบังคับและการบังคับตามคำพิพากษาที่กระทำกันมาแต่ต้นเป็นอย่างดีแล้ว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 11 มกราคม 2526จึงเป็นการยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เกินกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลง ทั้งยังพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่มีการบังคับตามคำพิพากษา จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3170/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันนับจากเหตุสุดวิสัย หรือภายใน 6 เดือนนับแต่การบังคับคดี เกินกำหนดไม่มีสิทธิ
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้วศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายใน30วันและได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาลเมื่อวันที่3สิงหาคม2521หลังจากครบกำหนดตามคำบังคับแล้วโจทก์ได้ดำเนินการขอให้ศาลบังคับคดีขับไล่บริวารจำเลยออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตลอดมาและเมื่อวันที่4พฤศจิกายน2526ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยมาเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไปศาลชั้นต้นสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาสอบถามในวันที่27ธันวาคม2526จำเลยรับหมายเรียกวันที่11ธันวาคม2527ถึงวันนัดสอบถามจำเลยก็แถลงว่ายังอยู่ในที่พิพาทและขอเวลาขนย้ายทรัพย์สินออกไปภายใน2เดือนการที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทและแถลงยินยอมออกไปจากที่พิพาทแสดงว่าจำเลยได้ทราบถึงการถูกฟ้องการส่งคำบังคับและการบังคับตามคำพิพากษาที่กระทำกันมาแต่ต้นเป็นอย่างดีแล้วจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่11มกราคม2526จึงเป็นการยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เกินกำหนดเวลา15วันนับแต่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลงทั้งยังพ้นกำหนด6เดือนนับแต่วันที่มีการบังคับตามคำพิพากษาจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3139/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาคดีบังคับคดี สิทธิในการรับเงินจากการขายทอดตลาด และอำนาจศาลในการไต่สวนคำร้อง
ในชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาผู้ร้องซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับจำเลยได้ร้องขอให้ศาลชั้นต้นจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินให้ผู้ร้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จ่ายเงินตามขอแล้วต่อมาเพิกถอนคำสั่งเดิมโดยให้ทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องก่อนกรณีถือว่าศาลชั้นต้นได้รับคำร้องไว้พิจารณาแล้วคำสั่งที่ศาลชั้นต้นให้ไต่สวนคำร้องของผู้ร้องจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาโจทก์จะอุทธรณ์ให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวในระหว่างการไต่สวนพิจารณาคำร้องมิได้ต้องห้ามตามป.วิ.พ.มาตรา226(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3106/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ, เบี้ยปรับ, ดอกเบี้ย, การบังคับคดี, หนี้ตามสัญญา
เดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน850,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ต่อมาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ซึ่งมีผลทำให้หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852 โดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน คือโจทก์ยอมลดเงินต้นเหลือ780,000 บาทจำเลยยินยอมชำระดอกเบี้ยในเงินต้นดังกล่าวแก่โจทก์และชำระเงินต้นคืนเป็นการตอบแทน แต่ถ้าจำเลยผิดนัดให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีและให้โจทก์บังคับเอาเงินต้นจากจำเลยเป็นเงิน850,000 บาทจึงเห็นได้ว่ากรณีผิดนัดจำเลยจะต้องถูกบังคับให้ชำระหนี้เพิ่มจากเงินต้นตามสัญญาอีก70,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็คือเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 นั่นเองตามบทบัญญัติดังกล่าวเมื่อจำเลยผิดนัด นอกจากโจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาแล้วโจทก์ยังมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับได้อีกด้วย จำเลยจึงยังต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยจากต้นเงิน 780,000บาท ตามสัญญาต่อไปอีกจนกว่าจะชำระหนี้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด: กรอบเวลาและวันหยุดราชการ
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาดมีผู้ให้ราคาสูงสุด เจ้าพนักงานบังคับคดีเสนอต่อศาล ศาลอนุญาตให้ขายได้จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่ อ้างว่าโจทก์กับพวกรู้กันประมูลซื้อทรัพย์โดยไม่สุจริต และเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์ไปในราคาที่ต่ำกว่าราคาปกติ ซึ่งเป็นการอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้ว จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง
จำเลยทราบการขายทอดตลาดอันฝ่าฝืนนั้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2527 จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ได้เป็นวันสุดท้ายในวันที่ 29 มกราคม 2527 แต่วันที่ 29 มกราคม 2527 เป็นวันอาทิตย์หยุดราชการจึงต้องนับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา161 ดังนั้นวันสุดท้ายที่จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอได้คือวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2527
จำเลยทราบการขายทอดตลาดอันฝ่าฝืนนั้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2527 จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ได้เป็นวันสุดท้ายในวันที่ 29 มกราคม 2527 แต่วันที่ 29 มกราคม 2527 เป็นวันอาทิตย์หยุดราชการจึงต้องนับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา161 ดังนั้นวันสุดท้ายที่จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอได้คือวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2527
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: การยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่เกินกำหนดและวันหยุดราชการ
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาดมีผู้ให้ราคาสูงสุด เจ้าพนักงานบังคับคดีเสนอต่อศาล ศาลอนุญาตให้ขายได้จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่ อ้างว่าโจทก์กับพวกรู้กันประมูลซื้อทรัพย์โดยไม่สุจริต และเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์ไปในราคาที่ต่ำกว่าราคาปกติ ซึ่งเป็นการอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้ว จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา296 วรรคสอง
จำเลยทราบการขายทอดตลาดอันฝ่าฝืนนั้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม2527 จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ได้เป็นวันสุดท้ายในวันที่ 29 มกราคม 2527 แต่วันที่29 มกราคม 2527 เป็นวันอาทิตย์หยุดราชการจึงต้องนับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา161 ดังนั้นวันสุดท้ายที่จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอได้คือวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2527
จำเลยทราบการขายทอดตลาดอันฝ่าฝืนนั้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม2527 จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ได้เป็นวันสุดท้ายในวันที่ 29 มกราคม 2527 แต่วันที่29 มกราคม 2527 เป็นวันอาทิตย์หยุดราชการจึงต้องนับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา161 ดังนั้นวันสุดท้ายที่จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอได้คือวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2527
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด: กรอบเวลาและวันหยุดราชการ
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาดมีผู้ให้ราคาสูงสุดเจ้าพนักงานบังคับคดีเสนอต่อศาลศาลอนุญาตให้ขายได้จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่อ้างว่าโจทก์กับพวกรู้กันประมูลซื้อทรัพย์โดยไม่สุจริตและเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์ไปในราคาที่ต่ำกว่าราคาปกติซึ่งเป็นการอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้วจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้นขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสอง จำเลยทราบการขายทอดตลาดอันฝ่าฝืนนั้นเมื่อวันที่21มกราคม2527จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ได้เป็นวันสุดท้ายในวันที่29มกราคม2527แต่วันที่29มกราคม2527เป็นวันอาทิตย์หยุดราชการจึงต้องนับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา161ดังนั้นวันสุดท้ายที่จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอได้คือวันจันทร์ที่30มกราคม2527.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะบริวารในคดีขับไล่
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนาย ส. สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง