พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่าเสียหายในคดีอาญา เนื่องจากค่าธรรมเนียมไม่ถูกต้อง
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์ขอให้ลงโทษและคืนทรัพย์หรือราคาเมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้องอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์แต่ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมอุทธรณ์ฝ่ายเดียวโดยเสียค่าธรรมเนียมในส่วนที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์อย่างคดีแพ่งดังนั้นเฉพาะที่เกี่ยวกับคำขอดังกล่าวนี้ศาลจึงสั่งให้ยกเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749-750/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีป่าไม้และการขาดลายมือชื่อผู้เรียงฟ้องส่งผลต่อความชอบด้วยกฎหมายของคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยให้วางโทษทั้งจำคุกและปรับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเพียงเล็กน้อยในข้อให้ลดโทษฐานปราณีตาม กฎหมายอาญา มาตรา 59 และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำขอให้ลงโทษของโจทก์ โจทก์มิได้อ้าง พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 69,73 คงอ้างมาแต่ พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2494 มาตรา16,17 เช่นนี้ถือได้แล้วว่าฟ้องโจทก์ได้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นความผิดและความใน พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 69,73 ได้ถูกยกเลิกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 16,17 แล้ว เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยได้แม้ศาลจะอ้าง มาตรา 69 และ 73 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เป็นบทลงโทษด้วยก็หาทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ไม่จึงถือว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) และการที่ศาลลงโทษจำเลยก็ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาแล้ว
ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เพราะไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้หยิบยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่จำเลยย่อมหยิบยกขึ้นโต้เถียงในชั้นศาลฎีกาได้เสมอ
ปรากฏว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงจริงจึงถือว่าไม่เป็นฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(7) ศาลต้องยกฟ้องเสียโดยไม่จำต้องพิจารณาถึงปัญหาอื่นอีก
จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้แล้วแต่จำเลยต้องถูกขังเกินกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกและปรับมา ศาลควรต้องหักเวลาที่ต้องขังเกินกำหนดโดยคิดเป็นเงินวันละ1 บาท คืนให้จำเลยนั้นกรณีเป็นเรื่องบังคับตามคำพิพากษาเมื่อยังไม่ปรากฏว่าศาลล่างได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างไรย่อมถือว่ายังไม่มีปัญหามาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเพียงเล็กน้อยในข้อให้ลดโทษฐานปราณีตาม กฎหมายอาญา มาตรา 59 และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำขอให้ลงโทษของโจทก์ โจทก์มิได้อ้าง พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 69,73 คงอ้างมาแต่ พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2494 มาตรา16,17 เช่นนี้ถือได้แล้วว่าฟ้องโจทก์ได้อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นความผิดและความใน พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 69,73 ได้ถูกยกเลิกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 16,17 แล้ว เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยได้แม้ศาลจะอ้าง มาตรา 69 และ 73 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เป็นบทลงโทษด้วยก็หาทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ไม่จึงถือว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) และการที่ศาลลงโทษจำเลยก็ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาแล้ว
ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เพราะไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้หยิบยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่จำเลยย่อมหยิบยกขึ้นโต้เถียงในชั้นศาลฎีกาได้เสมอ
ปรากฏว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงจริงจึงถือว่าไม่เป็นฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(7) ศาลต้องยกฟ้องเสียโดยไม่จำต้องพิจารณาถึงปัญหาอื่นอีก
จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้แล้วแต่จำเลยต้องถูกขังเกินกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกและปรับมา ศาลควรต้องหักเวลาที่ต้องขังเกินกำหนดโดยคิดเป็นเงินวันละ1 บาท คืนให้จำเลยนั้นกรณีเป็นเรื่องบังคับตามคำพิพากษาเมื่อยังไม่ปรากฏว่าศาลล่างได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างไรย่อมถือว่ายังไม่มีปัญหามาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำเรื่องแบ่งมรดก: ศาลพิพากษาแล้ว แม้มิได้อุทธรณ์ ก็ถือเป็นคำพิพากษาเด็ดขาด
ได้ความว่าเดิมโจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกที่ดิน 3 โฉนดจากจำเลยศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินสองโฉนดตามขอส่วนที่ดินอีกโฉนดหนึ่งที่โจทก์ขอแบ่งนั้นจำเลยให้การว่าหมายเลขโฉนดมิใช่หมายเลขดั่งที่โจทก์ระบุมาในฟ้องโจทก์ทราบแล้วมิได้ขอแก้ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยอย่างไรศาลชั้นต้นจึงไม่พิพากษาให้แบ่งเพราะจะเป็นการเกินคำขอโจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นอีกขอให้แบ่งที่ดินตามหมายเลขโฉนดที่จำเลยให้การระบุไว้ไม่ตรงในฟ้องคดีแรกโดยอ้างว่าคดีก่อนโจทก์อ้างเลขโฉนดผิดไปและมิได้ขอแก้ฟ้องเช่นนี้ถือว่าฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนและคดีนี้คู่ความเป็นคนคนเดียวกัน พิพาทกันเรื่องขอแบ่งมรดกที่ดินแปลงพิพาทนี้แปลงเดียวกันนั่นเอง หากโจทก์ฟ้องอ้างเลขโฉนดผิดไปศาลชั้นต้นไม่แบ่งให้เพราะจะเป็นการเกินคำขอของโจทก์โจทก์พอใจมิได้อุทธรณ์จะว่าศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษาเด็ดขาดในเรื่องการแบ่งไม่ได้เพราะศาลชั้นต้นพิพากษาไม่แบ่งนั้นเป็นคำพิพากษาแล้วและถ้าไม่เป็นที่พอใจของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายนั้นย่อมอุทธรณ์หรือฎีกาต่อไปได้ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีอาญา: ศาลแพ่งต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกและทำลายทรัพย์ให้เสียหายรวมเป็นเงิน2,400 บาท ขอให้ลงโทษและเรียกค่าเสียหาย เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายจำเลยพิพากษายกฟ้องดังนี้แม้โจทก์จะฎีกาเฉพาะที่เกี่ยวกับส่วนแพ่งอ้างว่าทุนทรัพย์ของโจทก์ที่เรียกร้องมีถึง 2,400 บาทก็ตาม คดีของโจทก์ในส่วนแพ่งก็ไม่มีทางชนะ ได้เพราะในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม มาตรา46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่เริ่มนับหากจำเลยยังไม่ได้รับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
เมื่อปรากฏตามสำนวนว่าจำเลยยังมิได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตราบใด ฎีกาที่โจทก์ยื่นไว้นั้นก็ยังไม่เริ่มนับเป็นฎีกาตาม ป.วิ.อาญา ม.216 จึงจำต้องจำหน่ายคดีจากสารบบความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่เริ่มนับ หากจำเลยยังไม่ได้รับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
เมื่อปรากฏตามสำนวนว่าจำเลยยังมิได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตราบใดฎีกาที่โจทก์ยื่นไว้นั้นก็ยังไม่เริ่มนับเป็นฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา216 จึงจำต้องจำหน่ายคดีจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาเฉพาะคู่กรณี: สิทธิในการโต้แย้งของบุคคลภายนอก
คำพิพากษาย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
คดีนี้โจทก์ชนะคดีจำเลยตามคำพิพากษาและได้ยึดเงินจำเลยไว้จำนวนหนึ่ง แต่มีผู้ร้องอีก 7 ราย ซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้ โจทก์คัดค้านว่าผู้จัดการห้างหุ้นสวนจำเลยได้กู้เงินผู้ร้องทั้ง 7 รายไปเป็นการส่วนตัว และได้สมยอมกับผู้ร้องแกล้งเอานามของห้างหุ้นส่วนเข้าเป็นจำเลยในคดีเพื่อให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและอ้างเหตุอื่นอีกหลายประการว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านได้ว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิด้วยเหตุต่าง ๆ ดังกล่าวนั้น เพราะคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องกู้หนี้ยืมสินในคดีระหว่างผู้ร้องทั้ง 7 รายกับจำเลยย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ไม่เป็นการผูกมัดคนภายนอกมิให้โต้แย้งเป็นอื่น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาข้อคัดค้านของโจทก์.
คดีนี้โจทก์ชนะคดีจำเลยตามคำพิพากษาและได้ยึดเงินจำเลยไว้จำนวนหนึ่ง แต่มีผู้ร้องอีก 7 ราย ซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้ โจทก์คัดค้านว่าผู้จัดการห้างหุ้นสวนจำเลยได้กู้เงินผู้ร้องทั้ง 7 รายไปเป็นการส่วนตัว และได้สมยอมกับผู้ร้องแกล้งเอานามของห้างหุ้นส่วนเข้าเป็นจำเลยในคดีเพื่อให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและอ้างเหตุอื่นอีกหลายประการว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านได้ว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิด้วยเหตุต่าง ๆ ดังกล่าวนั้น เพราะคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องกู้หนี้ยืมสินในคดีระหว่างผู้ร้องทั้ง 7 รายกับจำเลยย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ไม่เป็นการผูกมัดคนภายนอกมิให้โต้แย้งเป็นอื่น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาข้อคัดค้านของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาเฉพาะคู่กรณี และสิทธิในการโต้แย้งของบุคคลภายนอก
คำพิพากษาย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
คดีนี้โจทก์ชนะคดีจำเลยตามคำพิพากษาและได้ยึดเงินจำเลยไว้จำนวนหนึ่งแต่มีผู้ร้องอีก 7 รายซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้โจทก์คัดค้านว่าผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำเลยได้กู้เงินผู้ร้องทั้ง 7 รายไปเป็นการส่วนตัวและได้สมยอมกับผู้ร้องแกล้งเอานามของห้างหุ้นส่วนเข้าเป็นจำเลยในคดีเพื่อให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและอ้างเหตุอื่นอีกหลายประการว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านได้ว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิด้วยเหตุต่างๆ ดังกล่าวนั้นเพราะคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องกู้หนี้ยืมสินในคดีระหว่างผู้ร้องทั้ง 7 รายกับจำเลยย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้นไม่เป็นการผูกมัดคนภายนอกมิให้โต้แย้งเป็นอื่น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาข้อคัดค้านของโจทก์
คดีนี้โจทก์ชนะคดีจำเลยตามคำพิพากษาและได้ยึดเงินจำเลยไว้จำนวนหนึ่งแต่มีผู้ร้องอีก 7 รายซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้โจทก์คัดค้านว่าผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำเลยได้กู้เงินผู้ร้องทั้ง 7 รายไปเป็นการส่วนตัวและได้สมยอมกับผู้ร้องแกล้งเอานามของห้างหุ้นส่วนเข้าเป็นจำเลยในคดีเพื่อให้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและอ้างเหตุอื่นอีกหลายประการว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านได้ว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิด้วยเหตุต่างๆ ดังกล่าวนั้นเพราะคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องกู้หนี้ยืมสินในคดีระหว่างผู้ร้องทั้ง 7 รายกับจำเลยย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้นไม่เป็นการผูกมัดคนภายนอกมิให้โต้แย้งเป็นอื่น ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาข้อคัดค้านของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ถูกยึด แม้จะยังไม่ได้บังคับคดี
เจ้าหน้าตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ แม้ยังมิได้บังคับชำระหนี้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้