พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการเป็นบริวาร: ข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อคดีเดิมต้องห้าม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนาย ส. สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสอง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย ให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย ให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการพิพากษาถึงที่สุดในคดีขับไล่: ข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อคู่ความเดิมต้องห้าม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาทจำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนายส.สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหายศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้วถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสอง ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยให้ขับไล่ผู้ร้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสามที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2835/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีซ้ำ: ประเด็นต่างกัน ไม่ขัดมาตรา 144 ป.วิ.พ.
การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติของ ป.วิ.พ.มาตรา 144 จะต้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีครั้งแรกมีประเด็นว่า จำเลยผิดนัดเพราะมิได้ชำระเงินงวดเดือนธันวาคม 2525 หรือไม่ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีในครั้งหลังมีประเด็นว่า จำเลยผิดนัดเพราะชำระเงินไม่ตรงกับวันที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ จึงเป็นคนละประเด็นกัน กรณีจึงไม่ใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2835/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีซ้ำ: ศาลวินิจฉัยว่าประเด็นต่างกัน ไม่ขัดมาตรา 144 ป.วิ.พ.
การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติของป.วิ.พ.มาตรา144จะต้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดแล้วโจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีครั้งแรกมีประเด็นว่าจำเลยผิดนัดเพราะมิได้ชำระเงินงวดเดือนธันวาคม2525หรือไม่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีในครั้งหลังมีประเด็นว่าจำเลยผิดนัดเพราะชำระเงินไม่ตรงกับวันที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่จึงเป็นคนละประเด็นกันกรณีจึงไม่ใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่ต้องห้ามตามป.วิ.พ.มาตรา144.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2782/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดบังคับคดี: ศาลอนุญาตขายได้แม้ราคาต่ำกว่าที่จำเลยอ้าง หากเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติตามกฎหมายและสุจริต
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้และได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งแรกไม่มีผู้เข้าสู้ราคาต้องประกาศขายใหม่ถึง15ครั้งเป็นเวลาเกือบ3ปีไม่มีผู้เข้าสู้ราคาบ้างผู้สู้ราคาสูงสุดให้ราคาต่ำไปบ้างครั้งสุดท้ายผู้สู้ราคาให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน340,000บาทซึ่งเป็นราคาสูงกว่าการขายทอดตลาดครั้งก่อนๆและสูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้เมื่อศาลเห็นว่าได้ประกาศขายทอดตลาดมาหลายครั้งทั้งเป็นเวลานานแล้วและราคาที่ผู้สู้ราคาสูงสุดก็เป็นราคาพอสมควรศาลอนุญาตให้ขายแก่ผู้สู้ราคาสูงสุดได้ที่จำเลยอ้างว่ามีผู้จะซื้อทรัพย์ที่ขายทอดตลาดในราคา800,000บาทนั้นเป็นแต่เพียงการกล่าวอ้างลอยๆไม่มีเหตุผลสนับสนุนและการขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และกระทำโดยไม่สุจริตแต่ประการใดจึงไม่มีเหตุผลที่จะยกเลิกการขายทอดตลาดนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2782/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดบังคับคดี: ศาลอนุญาตขายได้แม้ราคาไม่สูงมากนัก หากมีการประกาศขายหลายครั้งโดยสุจริต
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้และได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งแรกไม่มีผู้เข้าสู้ราคาต้องประกาศขายใหม่ถึง15ครั้งเป็นเวลาเกือบ3ปีไม่มีผู้เข้าสู้ราคาบ้างผู้สู้ราคาสูงสุดให้ราคาต่ำไปบ้างครั้งสุดท้ายผู้สู้ราคาให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน340,000บาทซึ่งเป็นราคาสูงกว่าการขายทอดตลาดครั้งก่อนๆและสูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้เมื่อศาลเห็นว่าได้ประกาศขายทอดตลาดมาหลายครั้งทั้งเป็นเวลานานแล้วและราคาที่ผู้สู้ราคาสูงสุดก็เป็นราคาพอสมควรศาลอนุญาตให้ขายแก่ผู้สู้ราคาสูงสุดได้ที่จำเลยอ้างว่ามีผู้จะซื้อทรัพย์ที่ขายทอดตลาดในราคา800,000บาทนั้นเป็นแต่เพียงการกล่าวอ้างลอยๆไม่มีเหตุผลสนับสนุนและการขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายและกระทำโดยไม่สุจริตแต่ประการใดจึงไม่มีเหตุผลที่จะยกเลิกการขายทอดตลาดนั้น.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บังคับคดีโดยสุจริตและการคืนทรัพย์ตามคำสั่งศาล
การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการใช้สิทธิทางศาลจะเป็นการกระทำละเมิดต่อเมื่อกระทำโดยไม่สุจริตมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาทจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยจึงหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่นำยึดทรัพย์ไม่แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทคดีถึงที่สุดไปแล้วจำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งอันถึงที่สุดแล้วนั้นโดยต้องคืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไปดังนี้คำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความจำเลยจะฎีกาโต้เถียงในคดีนี้ว่าตนยังมีสิทธิ์ยึดหน่วงอีกย่อมฟังไม่ขึ้นทั้งการที่โจทก์ขอรับรถยนต์พิพาทคืนจากจำเลยภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดแล้วแต่จำเลยไม่คืนให้มิใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลอีกต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้งดการบังคับคดีขายทอดตลาดใหม่เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้อง พิจารณาจากราคาประเมินและราคาขายจริง
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด จำเลยยื่น คำร้องขอให้ขายทอดตลาดใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้สั่งให้ งดดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดไว้ก่อน ดังนี้ เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับตามมาตรา 231 เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง เป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณา จำเลยย่อมมีสิทธิฎีกาได้ตามมาตรา 228(2),247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทนายทำตามอำนาจ และขอบเขตการบังคับคดี
ทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ตามอำนาจที่จำเลยมอบไว้ให้ในใบแต่งทนายความสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมมีผลผูกมัดจำเลยจำเลยจะอุทธรณ์ว่าทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยก่อนและมิได้้แจ้งผลของคดีให้จำเลยทราบไม่ได้เพราะเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เข้าเหตุใดเหตุหนึ่งตามข้อยกเว้นของมาตรา138วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งระบุว่าจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้องภายในกำหนด1ปีนับแต่วันทำยอมโดยมิได้ระบุจำนวนเงินตามฟ้องว่าเป็นเงินเท่าใดนั้นไม่ใช่ข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอมความที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายส่วนจำเลยจะต้องชำระเงินให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเท่าใดนั้นเมื่อมีข้อโต้เถียงกันขึ้นก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการบังคับคดี: ศาลชั้นต้น หรือ ศาลที่บังคับคดีแทน
คำร้องซึ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้นที่ได้รับแต่ตั้งให้บังคับคดีแทนดำเนินการบังคับคดีโดยไม่ชอบนั้น ผู้ร้องมีสิทธิยื่นต่อศาลที่ชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้นได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2529)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2529)