พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3498/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้าโดยไม่สุจริต และการแสวงหาประโยชน์จากชื่อเสียงของผู้อื่น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคล โดยมีจำเลยที่1 เป็นผู้ถือหุ้น และเป็นกรรมการผู้จัดการมีอำนาจกระทำกิจการแทนจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว คำบรรยายฟ้องของโจทก์และคำขอบังคับเป็นการฟ้องว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 29 วรรคสองทั้งข้อเท็จจริงจำเลยทั้งสองก็แถลงรับว่าจำเลยเริ่มผลิตสินค้าที่ใช้ เครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก่อนฟ้องโดยโฆษณาว่าจำเลยเป็น ผู้แทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวในประเทศไทยการกระทำของจำเลยทั้งสอง อาจเป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อ โจทก์ดังข้ออ้างตามคำฟ้องโจทก์จึง มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่าWOOLWORTH (วูลเวิร์ธ)และWOOLCO(วูลโก)และใช้แพร่หลายในทวีปอเมริกาและยุโรป หลายประเทศมาหลายสิบปีก่อนที่จำเลยที่ 1 ขอจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าคำว่าWOOLWORTH(วูลเวิร์ธ)เมื่อจำเลยที่1และที่ 2 ทราบดีว่าเครื่องหมายการค้า ดังกล่าวเป็นของโจทก์และโจทก์ได้ใช้แพร่หลาย ในต่างประเทศมาก่อนและจำเลยได้นำเอาคำว่าWOOLWORTH(วูลเวิร์ธ) มาขอจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 และนำมาใช้กับ ผลิตภัณฑ์กางเกงยีนส์ของจำเลยและโฆษณาว่าจำเลยที่ 2 เป็น ตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียว ในประเทศไทย จึงเป็นการแสดงเจตนา ให้เห็นว่าจำเลยแสวงหาประโยชน์โดยอาศัยแอบอิงเครื่องหมายการค้า ของโจทก์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ของจำเลยโดยเจตนาไม่สุจริตการ ที่ จำเลยที่1 ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า WOOLWORTH(วูลเวิร์ธ)เป็นของตนจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์จึงมีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า WOOLWORTH ดีกว่าจำเลยที่ 1 เครื่องหมายการค้าคำว่า WOOLWA,WOOLWO และ WOOLWARDที่จำเลยที่1ขอจดทะเบียนนอกจากมีคำหน้าว่า WOOLตรงกับคำหน้า ของเครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นตัวยืนและจุดเด่นของ เครื่องหมายการค้าแล้ว คำท้ายของแต่ละคำก็อ่านออกเสียงใกล้เคียงกับ คำท้ายของเครื่องหมายการค้าWOOLWORTH และ WOOLCO ของโจทก์ด้วย แสดงให้เห็นถึงเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์เพื่อแสวงหาประโยชน์ โดยไม่ชอบจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า WOOLWAWOOLWO และWOOLWARD เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยนำเอาเครื่องหมายการค้า คำว่า WOOLWORTH(วูลเวิร์ธ) ของโจทก์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ของจำเลย โดยไม่สุจริตแล้วการกระทำของจำเลยดังกล่าวย่อมอาจทำให้สาธารณชน เกิดความสับสนและหลงผิดได้ว่าสินค้าที่จำเลยผลิตออกจำหน่ายนั้น เป็นสินค้าของโจทก์ หรือโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยการกระทำของจำเลย เป็นการแสวงหาประโยชน์จากเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิผู้เช่าซื้อ แม้ผู้ให้เช่าซื้อยึดทรัพย์คืน ก็ไม่ระงับผลการละเมิด การยึดทรัพย์เป็นอำนาจศาล
ผู้เช่าซื้อมีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อในอันที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน ที่ตนเช่าซื้อมา ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ที่มายึดทรัพย์สินนั้นจากตนโดยละเมิดได้ แม้ภายหลังผู้ให้เช่าซื้อจะยึดทรัพย์สินคืนไป ก็ไม่ทำให้ผลการละเมิดที่กระทำไว้ก่อนระงับตามไปด้วย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญาอันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษ และไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่าจำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และยกฟ้องโจทก์ก็ไม่จำต้องฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้สามีโจทก์ชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นอำนาจของศาลและของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมายนำส่งพนักงานสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็นการกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญาอันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษ และไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่าจำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และยกฟ้องโจทก์ก็ไม่จำต้องฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้สามีโจทก์ชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นอำนาจของศาลและของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมายนำส่งพนักงานสอบสวนโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็นการกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าซื้อในการฟ้องละเมิดจากการยึดทรัพย์โดยไม่ชอบ แม้ผู้ให้เช่าซื้อจะยึดทรัพย์คืนไปแล้ว
ผู้เช่าซื้อมีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อในอันที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน ที่ตนเช่าซื้อมาย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ที่มายึดทรัพย์สินนั้นจากตนโดยละเมิดได้ แม้ภายหลังผู้ให้เช่าซื้อจะยึดทรัพย์สินคืนไป ก็ไม่ทำให้ผลการละเมิดที่กระทำไว้ก่อนระงับตามไปด้วย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญา อันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษและไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่า จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และ ยกฟ้องโจทก์ ก็ไม่จำต้อง ฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะ ฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้ สามีโจทก์ชำระหนี้จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เป็นอำนาจของศาลและของ เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่1และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ใน ความครอบครอง ของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็น การกระทำ โดยละเมิดต่อโจทก์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 424 บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิด และกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญา อันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษและไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ ผู้กระทำละเมิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่ฉะนั้นการที่ศาลเคยพิพากษาในคดีอาญาว่า จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์และ ยกฟ้องโจทก์ ก็ไม่จำต้อง ฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะจำเลยอาจกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่นเช่นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้แล้วก็ ได้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
สามีโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ยอมความกันใน คดีอาญาโดยสามีโจทก์ตกลงผ่อนชำระหนี้ศาลสั่งจำหน่ายคดี เมื่อโจทก์ผิดนัด จำเลยที่ 1 ชอบที่จะ ฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้ สามีโจทก์ชำระหนี้จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241และการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เป็นอำนาจของศาลและของ เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะ ดังนั้น การที่จำเลยที่1และทหารพรานยึดรถยนต์ที่อยู่ใน ความครอบครอง ของ โจทก์ไป อ้างว่าเป็นรถยนต์ผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายจึงเป็น การกระทำ โดยละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3208/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างเมื่ออยู่ในขอบเขตหน้าที่ แม้จะนอกเวลาราชการ
จำเลยที่ 2 เป็นทหารพลขับ มีหน้าที่ขับรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ 1 เป็นประจำและเป็นผู้ครอบครองดูแลรถ ดังกล่าว ได้ขับรถไปปฏิบัติราชการตามคำสั่งของ ผู้บังคับบัญชา เมื่อเสร็จภาระกิจแล้วได้นำรถออกจาก ค่ายเพื่อไปรับประทานอาหารที่ตลาด แม้จะหมดเวลาราชการ และมิได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา แต่ก็เป็นเวลาต่อเนื่องคาบเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 กลับจากไปปฏิบัติราชการ ของ จำเลยที่ 1 มา แล้วเลยใช้รถขับไปเพื่อหาอาหารรับประทาน ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติงานซึ่งได้กระทำการ ตามหน้าที่การงานของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 2 ไปทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอกจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3208/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่อยู่ในขอบเขตหน้าที่ แม้จะนอกเวลาราชการ
จำเลยที่ 2 เป็นทหารพลขับ มีหน้าที่ขับรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ 1 เป็นประจำและเป็นผู้ครอบครองดูแลรถดังกล่าว ได้ขับรถไปปฏิบัติราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เมื่อเสร็จภาระกิจแล้วได้นำรถออกจากค่ายเพื่อไปรับประทานอาหารที่ตลาดแม้จะหมดเวลาราชการและมิได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา แต่ก็เป็นเวลาต่อเนื่องคาบเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 กลับจากไปปฏิบัติราชการ ของจำเลยที่ 1 มา แล้วเลยใช้รถขับไปเพื่อหาอาหารรับประทาน ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติงานซึ่งได้กระทำการ ตามหน้าที่การงานของจำเลยที่1 เมื่อจำเลยที่ 2 ไปทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอกจำเลยที่1ต้องร่วมรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2903/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีเบียดบังทรัพย์สิน, ละเมิด, และค่าน้ำมันเบนซิน: หลักการและข้อยกเว้น
วัสดุที่ขาดบัญชีอยู่ในครอบครองและรับผิดชอบของจำเลย หากจำเลยยักย้ายเอาทรัพย์สินของโจทก์ไป โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย ์มาตรา 1336 การที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ไม่ใช่เรื่องละเมิด จึงไม่มีอายุความในการฟ้องคดี
เมื่อจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ การที่รองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวงทำบันทึกให้จำเลยกับ ฉ. ร่วมกันชดใช้ราคาของที่หายและจำเลยเซ็นชื่อรับทราบคำสั่งในบันทึกดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าจำเลยยอมรับผิดตามบันทึกเพราะจำเลยเพียงแต่เซ็นชื่อรับทราบคำสั่งของรองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวงเท่านั้นโจทก์จะฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยรับผิดตามบันทึกไม่ได้ และถือไม่ได้ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกี่ยวกับความเสียหายดังกล่าวตั้งหลักฐานขึ้นโดยประนีประนอมยอมความการที่จำเลยผ่อนชำระเงินให้โจทก์เป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ด้วยใช้เงินบางส่วน เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงเท่านั้น
โจทก์มีวัตถุประสงค์ในการจัดหาจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้ามิใช่บุคคลผู้เป็นพ่อค้าน้ำมันเบนซิน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในการที่จะเรียกเอาค่าน้ำมันเบนซินจากจำเลยจึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
เมื่อจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ การที่รองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวงทำบันทึกให้จำเลยกับ ฉ. ร่วมกันชดใช้ราคาของที่หายและจำเลยเซ็นชื่อรับทราบคำสั่งในบันทึกดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าจำเลยยอมรับผิดตามบันทึกเพราะจำเลยเพียงแต่เซ็นชื่อรับทราบคำสั่งของรองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวงเท่านั้นโจทก์จะฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยรับผิดตามบันทึกไม่ได้ และถือไม่ได้ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกี่ยวกับความเสียหายดังกล่าวตั้งหลักฐานขึ้นโดยประนีประนอมยอมความการที่จำเลยผ่อนชำระเงินให้โจทก์เป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ด้วยใช้เงินบางส่วน เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงเท่านั้น
โจทก์มีวัตถุประสงค์ในการจัดหาจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้ามิใช่บุคคลผู้เป็นพ่อค้าน้ำมันเบนซิน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในการที่จะเรียกเอาค่าน้ำมันเบนซินจากจำเลยจึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกิจการยาสูบโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้ได้รับอนุญาตแล้ว เพราะไม่ใช่การผูกขาด
โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างมูลละเมิด เนื่องมาจากโจทก์ได้รับอนุญาตจาก กรมสรรพสามิตให้ตั้งสถานีบ่มใบยา สร้างโรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยา เพาะปลูกต้นยาสูบซื้อและขายใบยา ในท้องที่ต่าง ๆ จำเลยได้ดำเนินกิจการอย่างเดียวกัน โดยไม่ได้รับอนุญาตทับลงบนบางท้องที่ซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาต แม้การ กระทำของจำเลยดังกล่าวคือการตั้งสถานีบ่มใบยา สร้างโรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยาเพาะปลูกต้นยาสูบจะต้องได้รับ อนุญาตก่อนดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 แต่กิจการดังกล่าวนี้มิได้มีลักษณะเป็นการผูกขาด ซึ่งผู้ได้รับอนุญาตแล้วจะทำได้แต่เพียงผู้เดียวกิจการผูกขาด ตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มีชนิดเดียวเท่านั้น คือการประกอบอุตสาหกรรมบุหรี่ซิกาแรต ซึ่งเป็นการผูกขาดของรัฐการกระทำของจำเลย ตามที่โจทก์ฟ้องแม้จะไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพสามิต ก็ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์จำเลยคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาสูบ ถือไม่ได้ว่ามี กฎหมายรับรองคุ้มครองสิทธิของโจทก์อันจะก่อให้เกิด มูลละเมิดตามกฎหมายโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2528
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2528
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกิจการยาสูบโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้ได้รับอนุญาตก่อนหน้า
โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างมูลละเมิด เนื่องมาจากโจทก์ได้รับอนุญาตจาก กรมสรรพสามิตให้ตั้งสถานีบ่มใบยา สร้างโรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยา เพาะปลูกต้นยาสูบซื้อและขายใบยาในท้องที่ ต่างๆจำเลยได้ดำเนินกิจการ อย่างเดียวกันโดยไม่ได้รับอนุญาตทับลงบนบางท้องที่ซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาต แม้การ กระทำของจำเลยดังกล่าวคือการตั้งสถานีบ่มใบยาสร้างโรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยาเพาะปลูกต้นยาสูบจะต้องได้รับ อนุญาตก่อนดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติยาสูบพ.ศ. 2509แต่ กิจการดังกล่าวนี้มิได้มีลักษณะเป็น การผูกขาดซึ่งผู้ได้ รับอนุญาตแล้วจะทำได้แต่เพียงผู้เดียวกิจการผูกขาด ตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มีชนิดเดียวเท่านั้น คือการ ประกอบ อุตสาหกรรมบุหรี่ซิกาแรตซึ่งเป็นการผูกขาดของรัฐการกระทำของจำเลย ตามที่โจทก์ฟ้องแม้จะไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพสามิต ก็ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์จำเลยคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาสูบ ถือไม่ได้ว่ามี กฎหมายรับรองคุ้มครองสิทธิของโจทก์อันจะก่อให้เกิด มูลละเมิดตามกฎหมายโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2528
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2820/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดจากการแสดงตนในฐานะชู้สาว: การกระทำต่อเนื่องจนถึงวันฟ้องไม่ขาดอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าจำเลยได้มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 ตลอดมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้(พ.ศ.2525) ลักษณะการกระทำของจำเลยได้ทำต่อเนื่องกันมายังมิได้หยุดกระทำ การกระทำละเมิดของจำเลยได้เกิดขึ้นและมีอยู่ในขณะฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมของผู้แทนโจทก์และการปลูกสร้างบนที่ดินของรัฐ: ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยก่อสร้างโกดังและห้องครัวในที่พิพาทโดยการยินยอมของ ช. ซึ่งเป็นตัวแทนโจทก์และด้วยการรู้เห็นของโจทก์การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย โจทก์ขอให้บังคับจำเลยให้รื้อถอนโกดังและห้องครัวออกจากที่พิพาท เมื่อโกดังและห้องครัวตกเป็นสิทธิของกระทรวงการคลัง โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยรื้อถอนที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาทเนื่องจากจำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกสร้างโกดังและห้องครัวเมื่อฟังได้ว่าจำเลยเข้าไปปลูกสร้างโดยการยินยอมของ ช.ซึ่งเป็นตัวแทนโจทก์โดยปริยายและด้วยการรู้เห็นของโจทก์ซึ่งไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท