คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดอำนาจศาลในการลงโทษจำเลยเมื่อโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานความผิดเฉพาะ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีคนตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยในข้อนี้ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะขอให้ศาลลงโทษจำเลย ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ แต่โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ด้วยแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิวาทเป็นเหตุให้คนตาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกฟ้องได้ โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยมิได้บรรยายฟ้องข้อหาที่จำเลยไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83. ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีคนตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้. อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294. โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยในข้อนี้. จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะขอให้ศาลลงโทษจำเลย. ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์. แต่โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา. คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ด้วยแล้ว. เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้. เพราะโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานวิวาทเป็นเหตุให้คนตาย. ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกฟ้องได้. โดยไม่ใช่กรณีที่ต้องอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185-195/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการอ้างข้อเท็จจริงใหม่ขัดกับคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลมีอำนาจบังคับคดีได้โดยไม่ต้องฟ้องใหม่
คดีที่ศาลพิพากษาให้ลงโทษปรับและให้จำเลยออกจากป่าที่แผ้วถางเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษากล่าวคือ ยังคงครอบครองป่าที่ศาลสั่งให้ออกอยู่ โจทก์จึงมีคำขอต่อศาลให้บังคับคดีศาลย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาขั้นบังคับคดีแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โดยไม่จำเป็นจะต้องให้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในทางแพ่งขึ้นมาใหม่ จำเลยจะอ้างว่าตนได้ครอบครองที่ป่ามาช้านานจนกลายเป็นที่นาดังนี้ถือว่า เป็นการอ้างข้อเท็จจริงมาใหม่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติในทางพิจารณาหากจะฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างมา ก็เท่ากับให้ดำเนินคดีกับจำเลยใหม่ ซึ่งจะมีผลเป็นการแก้ไขคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วย่อมเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190โดยห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้วนอกจากถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารตามกฎหมาย
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มาจะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้นไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ ย่อมฟังไม่ขึ้น
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมายผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่าศาลไม่ควรอนุญาตหรือไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครองกฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยานหลักฐาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารในการส่งมอบตามคำสั่งศาล แม้มีข้ออ้างเรื่องความลับ
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่ง โดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มา จะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้น ไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ ย่อมฟังไม่ขึ้น
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมายผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่า ศาลไม่ควรอนุญาตหรือ ไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครอง กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยานหลักฐาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารในการส่งตามคำสั่งศาล
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ. เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง. พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่ง.โดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มา.จะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้น.ไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้.ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน.
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน. ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา. พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ. ย่อมฟังไม่ขึ้น.
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมาย.ผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่า.ศาลไม่ควรอนุญาตหรือ.ไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่.
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครอง.กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้. ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้.
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้น.เมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะและการลดหย่อนผ่อนโทษในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ชีวิต ศาลมีอำนาจวินิจฉัยแม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้
จำเลยใช้เท้าถีบฝาเรือนใส่หน้าบิดา. เป็นการกระทำที่บุตรไม่น่าจะทำต่อบิดาก็จริง. แต่บิดาก็เป็นฝ่ายผิดอยู่มากที่เอามีดดาบขนาดใหญ่เข้าไปจะแทงจำเลย. เป็นการใช้สิทธิความเป็นบิดาเกินควร. ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จำเลยตีมีดดาบหลุดจากมือบิดาไปแล้วก็หยิบมีดดาบนั้นมาทำร้ายบิดาในเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดติดกันนั่นเอง. ถือได้ว่ากระทำลงโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
แม้จำเลยให้การรับสารภาพและไม่ได้ยกเรื่องบันดาลโทสะขึ้นต่อสู้. เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่ามีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ. ศาลก็ย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร: คำสั่งประกันตัวและปรับนายประกันเป็นคำสั่งของศาลทหาร ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณา
คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร และเมื่อได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอประกัน และสั่งปรับตามสัญญาประกันไปแล้ว จะอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นศาลพลเรือนไม่ได้ (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 732/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดขวางอำนาจศาลโดยไม่ส่งเอกสาร ไม่ทำให้โจทก์เสียหายโดยตรง จึงไม่เป็นผู้เสียหาย
โจทก์นำหมายศาลที่สั่งเรียกเอกสารซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยส่งให้จำเลยที่ศาล จำเลยรับหมายแล้วกล่าวว่า เป็นเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แล้วทิ้งหมายลงบนพื้นทางเดิน ต่อมาโจทก์ได้ให้พนักงานศาลนำส่งหมายเรียกเอกสารเหล่านั้นแก่จำเลยอีก จำเลยจงใจขัดอำนาจศาล ไม่ยอมส่งเอกสารต่อศาล ถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 ข้อ 4 ผู้เสียหายคือบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง กรณีนี้เป็นเพียงเรื่องที่งดเว้นไม่ยอมกระทำการอย่างหนึ่งขึ้นเท่านั้น สิทธิหน้าที่ของโจทก์จำเลยไม่ได้มีต่อกันโดยตรงที่จะต้องให้เอกสารนั้นมาดู การไม่ยอมส่งของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการงดเว้นที่ล่วงสิทธิหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่เป็นผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ที่ไม่มีประโยชน์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้ และไม่ต้องวินิจฉัยหากจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายข้อใดที่ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย. หรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ. หรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้อุทธรณ์. ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนั้น. และถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ทุกข้อไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปแล้ว. ก็มีอำนาจที่จะไม่วินิจฉัยอุทธรณ์นั้นทั้งหมดได้.
จำเลยฎีกาว่า. ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์. ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย. และเกินคำขอของโจทก์. เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว. และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว. ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก. ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี. ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้น.โดยไม่ต้องวินิจฉัย.
of 222