พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการบังคับคดี: ศาลชั้นต้นยังมีอำนาจ แม้จะมอบหมายให้ศาลอื่นบังคับคดีแทน
ศาลที่มีอำนาจรับบรรดาคำฟ้องและคำขอที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา7(2)คือศาลตามป.วิ.พ.มาตรา302ซึ่งหมายถึงศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดคดีในชั้นต้นแม้ว่าศาลนั้นจะมอบให้ศาลอื่นบังคับคดีตามหมายบังคับคดีแทนและยังมิได้รับทรัพย์ที่ยึดได้หรือเงินที่ได้จากการขายทรัพย์นั้นซึ่งทำให้ศาลที่รับบังคับคดีแทนมีอำนาจรับวินิจฉัยคำร้องที่อ้างว่าการบังคับคดีปฏิบัติไปโดยมิชอบได้ก็ตามแต่ศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดคดีในชั้นต้นก็ยังมีอำนาจที่จะรับบรรดาคำร้องเช่นนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการบังคับคดี: ศาลชั้นต้นหรือศาลที่รับมอบหมาย
คำร้องซึ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้นที่ได้รับแต่ตั้งให้บังคับคดีแทนดำเนินการบังคับคดีโดยไม่ชอบนั้นผู้ร้องมีสิทธิยื่นต่อศาลที่ชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้นได้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่1/2529)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209-1210/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการอ้างการชำระหนี้นอกศาล ศาลมีอำนาจยกคำร้องถอนอายัดหากไม่ปรากฏหลักฐานการชำระหนี้
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษา เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยที่ 2 เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่าชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้ว โดยปรากฏตามคำร้องของจำเลยที่ 2 ว่า การชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการกระทำนอกศาล เมื่อโจทก์แถลงว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้ ทั้งในสำนวนก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้ว ดังนี้ จำเลยที่ 2 จะอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการอายัดหาได้ไม่ กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 เสียได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานตามคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209-1210/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี การอายัดทรัพย์ และการชำระหนี้นอกศาล ศาลมีอำนาจยกคำร้องขอถอนอายัดได้หากยังไม่มีหลักฐานการชำระหนี้
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่2ตามคำพิพากษาเมื่อจำเลยที่2ไม่ชำระหนี้โจทก์ย่อมจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยที่2เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้การที่จำเลยที่2ยื่นคำร้องว่าชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้วโดยปรากฏตามคำร้องของจำเลยที่2ว่าการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการกระทำนอกศาลเมื่อโจทก์แถลงว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งในสำนวนก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้วดังนี้จำเลยที่2จะอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการอายัดหาได้ไม่กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา295เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยที่2เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานตามคำร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ถูกบังคับคดีโดยเจ้าหนี้รายอื่น โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์
โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาแล้วต่อมาศาลแพ่งได้ยึดที่ดินแปลงดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ในคดีของศาลแพ่ง และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวไปตามหมายบังคับคดีของศาลแพ่งนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ในคดีของศาลแพ่งใช้สิทธิที่เหนือกว่าในฐานเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีเอาแก่ที่ดินแปลงดังกล่าวไปก่อน และถือได้ว่าการยึดที่ดินแปลงดังกล่าวไว้ชั่วคราวตามคำขอของโจทก์เป็นอันยกเลิกไปในตัว เพราะเป็นการพ้นวิสัยที่โจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ที่ดินแปลงนั้นต่อไปได้ ทั้งโจทก์ในคดีของศาลแพ่งก็ย่อมต้องเสียค่าธรรมเนียมขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่แล้ว โจทก์คดีนี้จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายสำหรับที่ดินแปลงเดียวกันนี้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้บังคับคดีเหนือกว่า การยึดทรัพย์ชั่วคราวเป็นอันยกเลิกเมื่อมีการขายทอดตลาด
โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นยึดที่ดินของจำเลยที่1ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาแล้วต่อมาศาลแพ่งได้ยึดที่ดินแปลงดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ในคดีของศาลแพ่งและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวไปตามหมายบังคับคดีของศาลแพ่งนั้นเป็นเรื่องที่โจทก์ในคดีของศาลแพ่งใช้สิทธิที่เหนือกว่าในฐานเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีเอาแก่ที่ดินแปลงดังกล่าวไปก่อนและถือได้ว่าการยึดที่ดินแปลงดังกล่าวไว้ชั่วคราวตามคำขอของโจทก์เป็นอันยกเลิกไปในตัวเพราะเป็นการพ้นวิสัยที่โจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ที่ดินแปลงนั้นต่อไปได้ทั้งโจทก์ในคดีของศาลแพ่งก็ย่อมต้องเสียค่าธรรมเนียมขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่แล้วโจทก์คดีนี้จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายสำหรับที่ดินแปลงเดียวกันนี้อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4895/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขัดทรัพย์: สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ถูกยึด
คำร้องของผู้ร้องทั้งห้าอ้างว่า ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านร่วมกับจำเลย เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์ดังกล่าว และจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ โจทก์ย่อมยึดทรัพย์นั้นมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ได้ผู้ร้องทั้งห้าจะร้องขัดทรัพย์ขอให้ถอนการยึดและระงับการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวหาได้ไม่แม้ผู้ร้องจะอ้างว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินเป็นสัดส่วนแต่ก็ไม่ได้ระบุว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนไหนจนได้กรรมสิทธิ์แยกไปจากที่ดินส่วนที่เป็นของผู้ร้อง อันจะแบ่งขายที่ดินส่วนที่เป็นของจำเลยโดยเฉพาะได้ จำเลยยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 4 อยู่ จึงไม่อาจแยกขายทอดตลาดที่ดินส่วนของจำเลยได้ คำร้องของผู้ร้องทั้งห้าในส่วนที่ขอให้กันเงินค่าขายที่ดินและบ้านให้แก่ผู้ร้องหากมีการขายทอดตลาดนั้นเป็นเรื่องขอให้ศาลกันส่วนของผู้ร้องในที่ดินและบ้านหาใช่เป็นเรื่องร้องขัดทรัพย์ไม่หากผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านร่วมกับจำเลยจริง เมื่อมีการขายทอดตลาดที่ดินและบ้าน ผู้ร้องก็มีสิทธิขอกันเงินค่าที่ดินและบ้านตามส่วนที่ตนมีกรรมสิทธิ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4816/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีภายใน 10 ปี: การยึดทรัพย์เกินกำหนดเวลา และประเด็นการชำระหนี้ที่ศาลสั่งงดสืบพยาน
การร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาต้องดำเนินการตามขั้นตอน ขั้นแรกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแล้ว และจากนั้นต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามขั้นตอนดังกล่าวส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึดทรัพย์เมื่อใดนั้นเป็นขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 และที่ 4 เกินสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนครบถ้วนแล้วภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 แล้ว สำหรับประเด็นที่ว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วหรือไม่นั้น ในวันนัดพร้อมตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 16มิถุนายน 2526 โจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 4 แถลงร่วมกัน ว่า "กรณีนี้ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอให้ เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์กรณีพิพาทเมื่อวันที่17 มกราคม 2526 แต่เจ้าพนักงานได้ทำการยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2526 และคู่กรณีขอให้ศาลวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าว" ศาลมีคำสั่งว่า "ศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้นัดฟังคำสั่งกรณีนี้ ในวันที่ 27 มิถุนายน 2526 เวลา 10 นาฬิกา" แม้คำแถลงของจำเลย ที่ 2 และที่ 4 จะยังไม่ชัดแจ้งว่า จำเลยที่2 และที่ 4 ได้สละประเด็นดังกล่าว แต่คำสั่งศาลที่ว่าคดีพอวินิจฉัยได้ และนัดฟังคำสั่งเป็นการสั่งงดสืบพยาน อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จำเลยที่ 2และที่ 4 มีโอกาสโต้แย้งคำสั่งแต่ไม่ได้โต้แย้งไว้จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะฎีกา เพราะถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4692/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินที่ถูกแก้ไขโดยไม่ได้รับความยินยอม ถือเป็นเอกสารปลอมใช้บังคับคดีไม่ได้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 12,960 บาท ได้เขียนสัญญากู้เงินโดยยังมิได้เขียน จำนวนเงินที่กู้ให้โจทก์ไว้ ต่อมาโจทก์ได้เขียนจำนวนเงินกู้ 15,000 บาท ลงในสัญญากู้โดยจำเลยมิได้ยินยอม ดังนี้ การที่โจทก์เขียนข้อความ ในสัญญากู้ว่า ได้มีการกู้ในจำนวนเงินถึง 15,000 บาท เกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริงโดยจำเลยมิได้รู้เห็นและยินยอมด้วยสัญญากู้เงิน ดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอมใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดี หาได้ไม่แม้ขณะโจทก์เขียนจำนวนเงิน 15,000 บาท ในสัญญากู้จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 12,960 บาทศาลก็จะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ ดังกล่าวโดยอาศัยสัญญากู้นั้นไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1313/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4692/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินที่ถูกแก้ไขโดยไม่ได้รับความยินยอม ถือเป็นเอกสารปลอม ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 12,960 บาท ได้เขียนสัญญากู้เงินโดยยังมิได้เขียน จำนวนเงินที่กู้ให้โจทก์ไว้ ต่อมาโจทก์ได้เขียนจำนวนเงินกู้ 15,000 บาท ลงในสัญญากู้โดยจำเลยมิได้ยินยอม ดังนี้ การที่โจทก์เขียนข้อความ ในสัญญากู้ว่า ได้มีการกู้ในจำนวนเงินถึง 15,000 บาทเกินกว่า จำนวนหนี้ที่เป็นจริงโดยจำเลยมิได้รู้เห็นและยินยอมด้วยสัญญากู้เงิน ดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอมใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดี หาได้ไม่แม้ขณะโจทก์เขียนจำนวนเงิน 15,000 บาทในสัญญากู้ จำเลยเป็นหนี้โจทก์12,960 บาทศาลก็จะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ ดังกล่าวโดยอาศัยสัญญากู้นั้นไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1313/2515)