พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่ได้จดทะเบียน, การฟ้องขับไล่, การหักล้างข้อต่อสู้, การอ้างพยานเพิ่มเติม
การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้ให้ออกจากตึกพิพาทในฐานะบริวารจำเลยในคดีอื่น ศาลสั่งว่าจำเลยไม่ใช่บริวาร โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้ตามสัญญาเช่นนั้น ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยให้การว่าเช่าตึกพิพาทเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายโจทก์ย่อมนำสืบหักล้างข้อต่อสู้ของจำเลยได้ว่า จำเลยมิได้ใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยหากแต่ทำเป็นโรงโสเภณีจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504
เมื่อจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและยังสืบไม่เสร็จ โจทก์ย่อมอ้างพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสอง
จำเลยให้การว่าเช่าตึกพิพาทเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายโจทก์ย่อมนำสืบหักล้างข้อต่อสู้ของจำเลยได้ว่า จำเลยมิได้ใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยหากแต่ทำเป็นโรงโสเภณีจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504
เมื่อจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและยังสืบไม่เสร็จ โจทก์ย่อมอ้างพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเพื่อการค้า: การใช้ห้องพิพาทเพื่อการค้าทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมเช่าเคหะฯ แม้มีการอยู่อาศัยร่วมด้วย
สัญญาเช่าที่จำเลยทำกับโจทก์ระบุไว้ชัดเจนว่า'เพื่อทำการค้า' เมื่อจำเลยทำการค้า จดทะเบียนการค้าเสียภาษีการค้า ห้องพิพาทจะอยู่ในทำเลการค้าหรือไม่การค้าของจำเลยจะเล็กน้อยเพียงใดก็ไม่สำคัญและแม้จำเลยจะอยู่อาศัยในห้องพิพาทด้วยก็ตาม ก็ต้องถือว่าจำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อประกอบการค้าดังนี้ จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504
จำเลยทำสัญญาเช่าห้องพิพาทโดยเสียค่าเช่าให้โจทก์เดือนละ 30 บาท แต่มีเงื่อนไขตกลงกันอีกว่า การเสียค่าเช่าถ้าเทศบาลประเมินภาษีขึ้นจะต้องขึ้นค่าเช่าตามนั้นต่อมาเทศบาลได้ประเมินค่าเช่าเดือนละ 100 บาทดังนี้ ย่อมถือว่าข้อตกลงขึ้นค่าเช่าตามที่เทศบาลประเมินภาษีนั้นเป็นข้อตกลงที่ชอบด้วยกฎหมายใช้บังคับได้
จำเลยทำสัญญาเช่าห้องพิพาทโดยเสียค่าเช่าให้โจทก์เดือนละ 30 บาท แต่มีเงื่อนไขตกลงกันอีกว่า การเสียค่าเช่าถ้าเทศบาลประเมินภาษีขึ้นจะต้องขึ้นค่าเช่าตามนั้นต่อมาเทศบาลได้ประเมินค่าเช่าเดือนละ 100 บาทดังนี้ ย่อมถือว่าข้อตกลงขึ้นค่าเช่าตามที่เทศบาลประเมินภาษีนั้นเป็นข้อตกลงที่ชอบด้วยกฎหมายใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การโดยไม่มีเหตุอันสมควร และการเช่าที่ดินโดยไม่มีกำหนดเวลา
พฤติการณ์ที่ถือว่าขาดนัดยื่นคำให้การโดยไม่มีเหตุอันสมควร
จำเลยเช่าตึกพิพาทจากเจ้าของเดิมโดยไม่มีกำหนดเวลาเมื่อกรรมสิทธิ์ในตึกพิพาทตกมาเป็นของโจทก์ โจทก์ได้บอกให้จำเลยมาทำสัญญาเช่า จำเลยไม่ยอมมาทำโจทก์จึงบอกกล่าวให้ออกไปจำเลยยังขืนอยู่ เช่นนี้ ถือว่าอยู่โดยละเมิด
จำเลยเช่าตึกพิพาทจากเจ้าของเดิมโดยไม่มีกำหนดเวลาเมื่อกรรมสิทธิ์ในตึกพิพาทตกมาเป็นของโจทก์ โจทก์ได้บอกให้จำเลยมาทำสัญญาเช่า จำเลยไม่ยอมมาทำโจทก์จึงบอกกล่าวให้ออกไปจำเลยยังขืนอยู่ เช่นนี้ ถือว่าอยู่โดยละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าช่วงที่อาศัยสิทธิจากผู้เช่าเดิมเมื่อสัญญาเช่าที่ดินสิ้นสุด ผู้เช่าช่วงไม่อาจอ้างสิทธิคุ้มครองตามกฎหมายได้
จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกอาคาร เมื่อครบกำหนดต้องรื้อไป ผู้เช่าอาคาร(ห้องแถว)ของจำเลยไม่ได้เช่าที่ดินของโจทก์ จึงเป็นการอาศัยสิทธิของจำเลยเท่านั้น และตกอยู่ในฐานะบริวารของจำเลย จะอ้างความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ และพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ ยันโจทก์ไม่ได้
กรณีสัญญาเช่าที่ดินครบกำหนดกับกรณีที่เลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนด เป้นเ รื่องทำนองเดียวกัน คือ ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินที่ให้เช่าคืน (อ้างฎีกาที่ 337/2500)
กรณีสัญญาเช่าที่ดินครบกำหนดกับกรณีที่เลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนด เป้นเ รื่องทำนองเดียวกัน คือ ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินที่ให้เช่าคืน (อ้างฎีกาที่ 337/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าช่วงเมื่อสัญญาเช่าที่ดินสิ้นสุด: ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิอ้างกฎหมายคุ้มครองค่าเช่ากับผู้ให้เช่าเดิม
จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกอาคาร เมื่อครบกำหนดต้องรื้อไป ผู้เช่าอาคาร(ห้องแถว) ของจำเลยไม่ได้เช่าที่ดินของโจทก์ จึงเป็นการอาศัยสิทธิของจำเลยเท่านั้นและตกอยู่ในฐานะบริวารของจำเลยจะอ้างความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯและพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ ยันโจทก์ไม่ได้
กรณีสัญญาเช่าที่ดินครบกำหนดกับกรณีที่เลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนด เป็นเรื่องทำนองเดียวกันคือผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินที่ให้เช่าคืน (อ้างฎีกาที่337/2500)
กรณีสัญญาเช่าที่ดินครบกำหนดกับกรณีที่เลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนด เป็นเรื่องทำนองเดียวกันคือผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินที่ให้เช่าคืน (อ้างฎีกาที่337/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในตึกแถว, การใช้ตึกแถวผิดวัตถุประสงค์, สัญญาเช่าสิ้นสุด, การบอกเลิกสัญญาเช่า, สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบการค้าและให้เช่าช่วง กับผิดนัดชำระค่าเช่าสองคราวติดกัน เพื่อแสดงว่าจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ถือว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว
จำเลยให้การว่าได้เช่าตึกแถวให้คนเช่ามีกำหนดเวลา แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า กรรมสิทธิ์ในตึกแถวตกเป็นของโจทก์ตามสัญญาโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องทำพิธีจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีก และเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเช่าตึกแถวรายพิพาทเป็นที่ผลิตสินค้าสำหรับจำหน่าย ภายหลังต่อมาได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยแต่อย่างเดียว เป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการเช่าโดยผู้ให้เช่ามิได้ยินยอมด้วย ตึกแถวรายพิพาทจึงไม่เป็นเคหะควบคุม ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและเมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว สัญญาเช่าก็เป็นอันระงับ
จำเลยให้การว่าได้เช่าตึกแถวให้คนเช่ามีกำหนดเวลา แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า กรรมสิทธิ์ในตึกแถวตกเป็นของโจทก์ตามสัญญาโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องทำพิธีจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีก และเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเช่าตึกแถวรายพิพาทเป็นที่ผลิตสินค้าสำหรับจำหน่าย ภายหลังต่อมาได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยแต่อย่างเดียว เป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการเช่าโดยผู้ให้เช่ามิได้ยินยอมด้วย ตึกแถวรายพิพาทจึงไม่เป็นเคหะควบคุม ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและเมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว สัญญาเช่าก็เป็นอันระงับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่า, การไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่าเคหะฯ จากการเปลี่ยนวัตถุประสงค์การเช่า, และสิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบการค้าและให้เช่าช่วงกับผิดนัดชำระค่าเช่าสองคราวติดกัน เพื่อแสดงว่าจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ถือว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว
จำเลยให้การว่าได้เช่าตึกแถวรายพิพาทเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายถือได้ว่าจำเลยได้อ้างสิทธิตามกฎหมายพิเศษคือ พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แล้ว
ผู้มีชื่อเช่าที่ดินโจทก์เพื่อสร้างตึกแถวให้คนเช่ามีกำหนดเวลาแล้วยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า กรรมสิทธิ์ในตึกแถวตกเป็นของโจทก์ตามสัญญาโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องทำพิธีจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีกและเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเช่าตึกแถวรายพิพาทเป็นที่ผลิตสินค้าสำหรับจำหน่ายภายหลังต่อมาได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยแต่อย่างเดียวเป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการเช่าโดยผู้ให้เช่ามิได้ยินยอมด้วยตึกแถวรายพิพาทจึงไม่เป็นเคหะควบคุม ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและเมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว สัญญาเช่าก็เป็นอันระงับ
จำเลยให้การว่าได้เช่าตึกแถวรายพิพาทเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายถือได้ว่าจำเลยได้อ้างสิทธิตามกฎหมายพิเศษคือ พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แล้ว
ผู้มีชื่อเช่าที่ดินโจทก์เพื่อสร้างตึกแถวให้คนเช่ามีกำหนดเวลาแล้วยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า กรรมสิทธิ์ในตึกแถวตกเป็นของโจทก์ตามสัญญาโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องทำพิธีจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีกและเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเช่าตึกแถวรายพิพาทเป็นที่ผลิตสินค้าสำหรับจำหน่ายภายหลังต่อมาได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยแต่อย่างเดียวเป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการเช่าโดยผู้ให้เช่ามิได้ยินยอมด้วยตึกแถวรายพิพาทจึงไม่เป็นเคหะควบคุม ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและเมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว สัญญาเช่าก็เป็นอันระงับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระงับเมื่อมีหนังสือบอกกล่าวไม่ต่อสัญญา การเก็บค่าเช่าหลังหมดสัญญาไม่ใช่สัญญาเช่าใหม่
ในกรณีที่ผู้ให้เช่าได้มีหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้เช่าทราบว่าจะไม่ต่อสัญญาเช่าให้อีก และเมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด ผู้ให้เช่าก็มีหนังสือบอกกล่าวอีกฉบับหนึ่งให้ผู้เช่าออกไปและให้ส่งคืนตึกที่เช่า ดังนี้ แม้ผู้เช่าจะยังคงครอบครองตึกพิพาทอยู่อีก ก็จะถือว่าสัญญาเช่าเป็นอันได้ทำกันต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาหาได้ไม่ ต้องถือว่าสัญญาเช่าระงับไปแล้ว และการที่ผู้ให้เช่ายังคงเก็บค่าเช่าต่อไปอีก 3 เดือนนั้น เป็นเรื่องผู้ให้เช่ากระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายที่ได้รับอยู่เท่านั้น หาใช่เป็นการทำสัญญาเช่ากันใหม่ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระงับเมื่อผู้ให้เช่าแจ้งไม่ต่ออายุ แม้ผู้เช่ายังครอบครอง และการเก็บค่าเช่าไม่ถือเป็นการทำสัญญาใหม่
ในกรณีที่ผู้ให้เช่าได้มีหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้เช่าทราบว่าจะไม่ต่อสัญญาเช่าให้อีก และเมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด ผู้ให้เช่าก็มีหนังสือบอกกล่าวอีกฉบับหนึ่งให้ผู้เช่าออกไปและให้ส่งคืนตึกที่เช่าดังนี้ แม้ผู้เช่าจะยังคงครอบครองตึกพิพาทอยู่อีก ก็จะถือว่าสัญญาเช่าเป็นอันได้ทำกันต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาหาได้ไม่ ต้องถือว่าสัญญาเช่าระงับไปแล้ว และการที่ผู้ให้เช่ายังคงเก็บค่าเช่าต่อไปอีก 3 เดือนนั้น เป็นเรื่องผู้ให้เช่ากระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายที่ได้รับอยู่เท่านั้น หาใช่เป็นการทำสัญญาเช่ากันใหม่ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการฎีกาประเด็นใหม่ และผลของการไม่มีหลักฐานสัญญาเช่าต่อการต่อสู้คดี
การที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์นั้น ในชั้นฎีกาต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้อห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
จำเลยฎีกาตึกพิพาทเป็นเคหะอยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แต่มิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามตามมาตรา 249 และเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรจะยกปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นวินิจฉัยตามมาตรา 142(5) ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
เมื่อการเช่าอสังหาริมทรัพย์มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้เช่าก็ไม่อาจยกสิทธิเกี่ยวกับสัญญาเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้เช่าได้
จำเลยฎีกาตึกพิพาทเป็นเคหะอยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แต่มิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามตามมาตรา 249 และเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรจะยกปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นวินิจฉัยตามมาตรา 142(5) ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
เมื่อการเช่าอสังหาริมทรัพย์มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้เช่าก็ไม่อาจยกสิทธิเกี่ยวกับสัญญาเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้เช่าได้