คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
มรดก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอโอนมรดกขัดแย้งกับคำอ้างและพินัยกรรม เจ้าพนักงานที่ดินชอบที่จะไม่จัดการได้
ฝ่ายโจทก์ยื่นคำร้องขอโอนโฉนดโดยอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมตั้งพวกตนเป็นผู้จัดการมรดก แต่พวกโจทก์กลับขอให้เจ้าพนักงานลงชื่อพวกตนเป็นผู้รับมรดกโดยตรง คำขอของโจทก์จึงขัดต่อคำอ้างและเป็นคำขอที่ขัดต่อพินัยกรรมเจ้าพนักงานที่ดินชอบที่จะไม่จัดการให้ตามคำขอของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสิทธิในมรดกและการฟ้องขับไล่ผู้ครอบครอง โดยการขอทำนาและการไม่เข้าครอบครองต่อเนื่อง
ฟ้องโจทก์กล่าวชัดว่า จำเลยมาขอทำนาในปี พ.ศ.2488-2489ครั้น พ.ศ.2490 โจทก์จะเอาคืนจำเลยไม่ยอมให้ การที่โจทก์มิได้ระบุวันหรือเดือนที่จำเลยมาขอทำไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะวันเดือนที่ขอทำไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี
ผู้มีสิทธิรับมรดกไม่ได้ปกครองภายใน 1 ปี ภายหลังเข้ามาขออาศัยผู้มีสิทธิรับมรดก ซึ่งปกครองตลอดมาดังนี้ ผู้ที่ปกครองฟ้องขับไล่ผู้ขออาศัยได้ โดยถือว่าผู้ขออาศัยหมดสิทธิแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการระบุสิทธิเรียกร้องมรดกเพิ่มเติมในคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ที่ดินของนางชมตกทอดเป็นของนายกิมนายกิมตายตกทอดเป็นของผู้ร้อง คือภรรยาและบุตรอีก 3 คน ของนายกิม นายเพิ่มอ้างว่าเป็นทายาทของนางชม ยื่นคำคัดค้าน เมื่อศาลพิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง ศาลย่อมมีอำนาจจะกล่าวไว้ในคำพิพากษาได้ว่า คำพิพากษาไม่ตัดสิทธิเด็กทั้งสามที่จะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าตนเป็นบุตรของนายกิมและขอรับมรดกของนายกิมต่อไปได้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินก่อนและหลังสมรส สินเดิม สินส่วนตัว สินสมรส และผลกระทบต่อการแบ่งมรดก
โจทก์เป็นบุตรผู้ตาย จำเลยเป็นภรรยาผู้ตาย โจทก์,จำเลยแถลงรับกันว่าทรัพย์หมาย ก. 1 เดิมเป็นของผู้ตายมาแต่ก่อนที่ได้ทำการสมรสกับจำเลย เมื่อผู้ตายกับจำเลยสมรสกันแล้ว ผู้ตายได้โอนทรัพย์แปลงนั้นให้แก่บิดาจำเลย ต่อมาบิดาจำเลยจึงได้โอนให้จำเลยในระหว่างสมรสนั้น ฟ้องโจทก์ก็กล่าวความท้าวถึงข้อเท็จจริงเช่นว่านี้ แล้วอ้างว่าทรัพย์หมาย ก. 1 จึงกลับคืนเป็นสินเดิมอีกวาระหนึ่ง หรือมิฉะนั้นก็เป็นทรัพย์ที่ทดแทนสินเดิมที่ขาดไป ฉะนั้นที่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาว่าเป็นสินสมรส จึงมิได้หมายความว่าสินสมรสนั้นจะไม่ต้องเอามาใช้สินเดิมที่ขาดไปของผู้ตาย.
จำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจะขอสืบว่าที่ดินตามหมาย ก.1 เป็นสินสอด โดยผู้ตายสัญญาว่าจะโอนให้บิดาจำเลยก่อนแต่งงาน แล้วต่อมาจึงได้โอนให้ไป ซึ่งข้อเท็จจริงที่จำเลยจะขอสืบนี้ ถ้าเป็นความจริง อาจถือได้ว่า ผู้ตายจำหน่ายสินเดิมของตนเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว โดยไม่ได้ยินยอมด้วย กรณีอาจต้องตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1514 ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานจึงไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก: ทรัพย์สินเดิมที่โอนระหว่างสมรส อาจต้องนำมาใช้ทดแทนสินเดิมที่ขาดไปได้
โจทก์เป็นบุตรผู้ตาย จำเลยเป็นภรรยาผู้ตาย โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าทรัพย์หมาย ก.1 เดิมเป็นของผู้ตายมาแต่ก่อนที่ได้ทำการสมรสกับจำเลย เมื่อผู้ตายกับจำเลยสมรสกันแล้ว ผู้ตายได้โอนทรัพย์แปลงนั้นให้แก่บิดาจำเลย ต่อมาบิดาจำเลยจึงได้โอนให้จำเลยในระหว่างสมรสนั้นฟ้องโจทก์ก็กล่าวความท้าวถึงข้อเท็จจริงเช่นว่านี้ แล้วอ้างว่าทรัพย์หมาย ก.1 จึงกลับคืนเป็นสินเดิมอีกวาระหนึ่ง หรือมิฉะนั้นก็เป็นทรัพย์ที่ทดแทนสินเดิมที่ขาดไป ฉะนั้นที่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาว่าเป็นสินสมรสจึงมิได้หมายความว่าสินสมรสนั้นจะไม่ต้องเอามาใช้สินเดิมที่ขาดไปของผู้ตาย
จำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจะขอสืบว่าที่ดินตามหมาย ก.1 เป็นสินสอด โดยผู้ตายสัญญาว่าจะโอนให้บิดาจำเลยก่อนแต่งงานแล้วต่อมาจึงได้โอนให้ไป ซึ่งข้อเท็จจริงที่จำเลยจะขอสืบนี้ ถ้าเป็นความจริงอาจถือได้ว่า ผู้ตายจำหน่ายสินเดิมของตนเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว โดยไม่ได้ยินยอมด้วย กรณีอาจต้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1514ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตัดสิทธิทายาทโดยธรรมตามพินัยกรรม และอายุความในการเรียกร้องมรดกของผู้รับพินัยกรรม
ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินของผู้ตายได้แก่บุคคลอื่น แต่ผู้เดียวทายาทโดยธรรมของเจ้ามฤดกจึงถูกตัดมิให้รับมฤดก ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1608 วรรคท้าย ฉะนั้นทายาทโดยธรรมของเจ้ามฤดกจึงไม่อยู่ในฐานะที่เป็นทายาทของผู้ตายตาม ม. 1755 จะอ้างอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1754 มายันกับผู้รับพินัยกรรม์ในทรัพย์สินนั้นไม่ได้
เคยพิพาทกันถึงเรื่องพินัยกรรม์ ศาลได้พิพากษาว่าพินัยกรรม์นั้นสมบูรณ์ และคดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมามีข้อพิพาทเกี่ยวกับพินัยกรรม์ฉะบับเดียวกันนั้น ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลได้ชี้ขาดมาแล้วในคดีก่อน./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทแทนที่, ความไม่สุจริตผู้จัดการมรดก, และอายุความในการเรียกร้องทรัพย์มรดก
น้าของเจ้ามรดกเป็นทายาทของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1629(6) อยู่แล้ว แม้จะตายไปก่อนเจ้ามรดก ผู้สืบสันดานของเขา ย่อมมีสิทธิรับมรดกแทนที่ ตามมาตรา 1639 โดยตรง
การที่จำเลยไปร้องขอต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกนั้น จำเลยได้ปกปิดความจริงอันควรบอกให้ชัดแจ้งว่าทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ยังคงมีตัวอยู่ถึง 3 คนแสดงความไม่สุจริตของจำเลยมาตั้งแต่ต้น และเมื่อได้รับตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว จำเลยก็ไม่ปรารถนาที่จะทำบัญชีทรัพย์มรดกตามหน้าที่ที่กฎหมายบังคับไว้ในมาตรา 1728,1729 ซ้ำในชั้นศาล ในคดีนี้ จำเลยก็ยังคงยืนยันว่าโจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมที่จะได้รับมรดกย่อมเป็นการสมควรทุกประการที่ศาลจะถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกเสียตามมาตรา 1731
คดีที่ทายาทเรียกร้องเอาทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์ตกทอดแก่ตน โดยขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเสียก่อนโดยจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิในกองมรดกที่จะยึดถือทรัพย์สินอันเป็นมรดกนั้นไว้อย่างไรได้แม้จำเลยจะยังคงเป็นผู้จัดการมรดกอยู่จำเลยก็ต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ จำเลยจะยกฐานะผู้จัดการมรดกมาต่อสู้อายุความกับทายาทตามมาตรา 1754,1755 หาได้ไม่
คดีเกี่ยวกับการจัดการมรดก ผู้จัดการมรดกจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ทายาทได้ก็แต่มาตรา 1733 วรรคสอง ซึ่งมีกำหนด 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสุดสิ้นลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับมรดกไม่ระงับ แม้มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาชั้นต้น ทายาทมีสิทธิร้องขอส่วนแบ่งมรดกได้เสมอ
ศาลได้อนุญาตให้ผู้ร้องร้องขอแบ่งมรดกในฐานทายาทศาลชั้นต้นยกฟ้อง ผู้ร้องไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยกับโจทก์นั้น หาใช่เป็นการสละมรดกตามกฎหมายหรือต้องด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ที่จะทำให้สิทธิในการรับมรดกของผู้ร้องต้องเสียไปไม่
ในระหว่างพิจารณาทายาทมีสิทธิที่จะร้องขอส่วนแบ่งมรดกในคดีที่ทายาทคนอื่นได้ฟ้องไว้แล้ว(ประชุมใหญ่ครั้งที่6-7/92)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2062/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทายาทปิดบังมรดกมิอาจยกอายุความ 1 ปี มาตัดสิทธิทายาทอื่นได้
ทายาทที่ปิดบังมฤดก จะยกอายุความมฤดก 1 ปีมาตัดสิทธิ์ทายาทอื่นมิได้ เพราะถือว่าเป็นฝ่ายผิดและถูกตัดมิให้รับมฤดก แม้ทายาทอื่นจะฟ้องทายาทที่ปิดบังมฤดกเกิน 1 ปี นับแต่เจ้ามฤดกตาย ก็ยังมีสิทธิในทรัพย์มฤดก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1766-1767/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งปันเป็นโมฆะ ศาลไม่บังคับสัญญาได้
มฤดกซึ่งยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท ทายาทคนใดคนหนึ่งจะเอาไปขายมิได้ หากไปตกลงขาย ก็ถือว่าทำไปโดยไม่มีสิทธิ ศาลบังคับตามสัญญามิได้.
of 179