คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4101-4102/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตเลื่อนคดีโดยอ้างอาการป่วย และการเพิกถอนคำสั่งเมื่อพบหลักฐานขัดแย้ง ศาลฎีกาเห็นว่าการสั่งเลื่อนคดีเดิมชอบแล้ว
การที่ศาลเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงเพราะมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมคำร้องขอเลื่อนคดีจึงอนุญาตให้เลื่อนคดีเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบ มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อการสั่งเลื่อนคดีดังกล่าวไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบแล้ว แม้ความจะปรากฏต่อมาว่าจำเลยเสนอใบรับรองแพทย์ซึ่งไม่ตรงต่อความจริงต่อศาลเพื่อขอเลื่อนคดี ศาลจะยกเลิกเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวในภายหลังหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4092-4093/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ดิน: ศาลฎีกาพิพากษากลับให้แบ่งตามการครอบครองจริง แม้ไม่มีข้อตกลง
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดินแปลงหนึ่งต่างฟ้องกันขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามทิศทางที่อ้างว่าได้ตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่พิพาทเป็นส่วนสัดแล้ว แม้จะได้ความว่าโจทก์จำเลยยังมิได้ตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมเป็นส่วนสัดกันอันมิได้เป็นไปตามข้ออ้างในคำฟ้องของแต่ละฝ่ายก็ตาม การที่โจทก์และจำเลยต่างยื่นฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมก็เท่ากับมีความประสงค์จะแบ่งที่พิพาทแล้ว จึงแบ่งที่พิพาทให้ตามที่แต่ละฝ่ายมีสิทธิได้ โจทก์จำเลยต่างปลูกบ้านเรือนไว้บนที่พิพาท การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมศาลย่อมให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละฝ่ายและตามทิศทางที่ต่างได้ครอบครอง ทั้งนี้เพื่อมิให้เกิดความเสียหายจากการแบ่งกันหากไม่ตกลงกัน จึงให้ขายโดยประมูลราคากันเองหรือขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4069/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลฟ้องบังคับจำนอง: ศาลฎีกาตัดสินอัตราค่าขึ้นศาลที่ถูกต้องเมื่อจำเลยไม่ต่อสู้คดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์มาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา289 คำร้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองด้วย เมื่อจำเลยผู้จำนองไม่ให้การต่อสู้คดีหรือคัดค้าน ผู้ร้องก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ (1) (ค) ในอัตราร้อยละหนึ่ง แต่ไม่เกินหนึ่งแสน บาทแม้โจทก์จะได้ยื่นคำคัดค้านก็ถือว่าเป็นการโต้แย้งในชั้นบังคับคดีเท่านั้น ไม่ใช่ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับจำนองโดยตรงและถือไม่ได้ว่าคำคัดค้านเป็นคำให้การต่อสู้คดีแทนจำเลยตามความหมายของตาราง 1 ค่าขึ้นศาล แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4069/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคำฟ้องบังคับจำนอง: ศาลฎีกาวินิจฉัยอัตราค่าขึ้นศาลที่ถูกต้องเมื่อจำเลยไม่ต่อสู้คดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์มาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา289 คำร้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองด้วย เมื่อจำเลยผู้จำนองไม่ให้การต่อสู้คดีหรือคัดค้าน ผู้ร้องก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ (1)(ค) ในอัตราร้อยละหนึ่ง แต่ไม่เกินหนึ่งแสน บาทแม้โจทก์จะได้ยื่นคำคัดค้านก็ถือว่าเป็นการโต้แย้งในชั้นบังคับคดีเท่านั้น ไม่ใช่ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับจำนองโดยตรงและถือไม่ได้ว่าคำคัดค้านเป็นคำให้การต่อสู้คดีแทนจำเลยตามความหมายของตาราง 1 ค่าขึ้นศาล แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3997/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาเกินคำขอในฟ้อง อาศัยอำนาจแก้ไขข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
กรณีที่ศาลพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง อันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ว่าคู่ความไม่ได้ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3980/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งสินสมรสหลังสมรสก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งฯ ศาลฎีกาพิพากษากลับให้แบ่งสินสมรสเป็นธรรม
ในคดีฟ้องขอให้แยกสินสมรสตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย เมื่อคำฟ้องโจทก์บรรยายไว้พอเข้าใจได้ว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างก็มีสินเดิม ดังนี้หากจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสินเดิมประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในข้อมีสินเดิมหรือไม่จึงไม่เกิดขึ้น จำเลยไม่มีสิทธินำพยานมาสืบได้ แม้ศาลชั้นต้นให้จำเลยสืบก็เป็นการสืบนอกประเด็น และหากศาลรับวินิจฉัยก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยนอกประเด็นและยังมีประเด็นข้ออื่นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยต่อไป แต่ศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัยมาและข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์จำเลยเพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยไปเลยทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองพิพากษาใหม่ โจทก์จำเลยที่ 1 สมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5(เดิม) ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแต่การสมรส กฎหมายลักษณะผัวเมียไม่ได้บัญญัติไว้ว่าให้มีการแยกสินสมรสโดยไม่ได้ฟ้องหย่า แต่ก็ไม่มีบังคับไว้ว่าถ้ายังไม่หย่าจะต้องบริคณห์ทรัพย์สินกันเสมอไปจะแยกมิได้ ฉะนั้นการที่จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1475 และ 1484 มาใช้แก่คู่สมรสซึ่งสมรสกันก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5(เดิม)จึงไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงการสมรสหรือความสัมพันธ์ในครอบครัวตามความหมายที่พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 4(1) และพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 4ได้ยกเว้นนั้นแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยเสน่หาโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอแบ่งสินสมรสดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดสัญญาประกันตัว: ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง ไม่ลดค่าปรับเนื่องจากผู้ประกันยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลได้
เหตุที่ผู้ประกันอ้างว่า ผู้ประกันมิได้เพิกเฉยละเลยต่อสัญญาประกันที่ทำไว้ต่อศาล ได้พยายามติดตามตัวจำเลยมาส่งศาลตลอดมา การผิดสัญญาประกันจึงมิใช่เจตนาร้ายแรง และการที่ผู้ประกันต้องชำระค่าปรับเต็มตามสัญญาประกัน ผู้ประกันต้องเดือดร้อนมาก เนื่องจากได้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการติดตามจำเลยไปมากผู้ประกันเป็นราษฎรประกอบอาชีพโดยสุจริตและชรามากแล้ว สุขภาพไม่แข็งแรงมีลักษณะคล้ายกับเป็นอัมพาตไปครึ่งซีกต้องให้แพทย์รักษาอยู่ตลอดเวลา สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ไม่เข้าลักษณะที่ศาลจะปรานี ลดค่าปรับให้ผู้ประกันได้ เพราะจนถึงเวลาที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเรื่องปรับผู้ประกัน ผู้ประกันก็ยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาของศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดสัญญาประกันตัวจำเลย: ศาลฎีกาไม่อนุญาตลดค่าปรับแม้ผู้ประกันมีภาระหนักและพยายามติดตามตัวจำเลย
เหตุที่ผู้ประกันอ้างว่า ผู้ประกันมิได้เพิกเฉยละเลยต่อสัญญาประกันที่ทำไว้ต่อศาล ได้พยายามติดตามตัวจำเลยมาส่งศาลตลอดมา การผิดสัญญาประกันจึงมิใช่เจตนาร้ายแรง และการที่ผู้ประกันต้องชำระค่าปรับเต็มตามสัญญาประกัน ผู้ประกันต้องเดือดร้อนมาก เนื่องจากได้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการติดตามจำเลยไปมากผู้ประกันเป็นราษฎรประกอบอาชีพโดยสุจริตและชรามากแล้ว สุขภาพไม่แข็งแรงมีลักษณะคล้ายกับเป็นอัมพาตไปครึ่งซีกต้องให้แพทย์รักษาอยู่ตลอดเวลา สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ไม่เข้าลักษณะที่ศาลจะปรานี ลดค่าปรับให้ผู้ประกันได้ เพราะจนถึงเวลาที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเรื่องปรับผู้ประกัน ผู้ประกันก็ยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาของศาลได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำสุราและมีสุราไว้ในครอบครองถือเป็นกรรมเดียวกัน ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานทำสุรากลั่น ทำสุราแช่ กับมีสุรากลั่นและมีสุราแช่โดยไม่ได้รับอนุญาตในวันเวลาเดียวกัน แสดงว่าจำเลยทำสุราและมีสุราทั้งสุรากลั่นและสุราแช่ของกลางในคราวเดียวกัน ตาม พ.ร.บ.สุราฯ ที่แก้ไขแล้ว มาตรา 5 บัญญัติห้ามการทำสุราซึ่งหมายถึงสุรากลั่นและสุราแช่ไว้ในมาตราเดียวกัน ในคราวเดียวกัน การทำสุรากลั่นและทำสุราแช่ จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกัน และมาตรา 32 ก็บัญญัติเกี่ยวกับการมีไว้ในครอบครองซึ่งสุราที่ทำขึ้นฝ่าฝืนมาตรา 5 ซึ่งหมายความถึงสุรากลั่นและสุราแช่ การมีสุรากลั่นและสุราแช่ไว้ในครอบครอง จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกันอีกกรรมหนึ่ง.
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษแต่ละกระทงจำคุกไม่เกิน 1 ปีและปรับไม่เกิน 10,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3759/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อสู้และการป้องกันตัว: ศาลฎีกาวินิจฉัยเหตุแห่งการกระทำและพิพากษาโทษ
จำเลยที่ 1 โกรธที่ ก. ภริยาไม่ยอมกลับบ้านและจำเลยที่ 2น้องของ ก. ห้ามปรามกีดกัน จึงก่อเหตุร้องท้าทายและเป็นฝ่ายยิงปืนเข้าไปในบริเวณบ้านจำเลยที่ 2 ซึ่ง ก. กับจำเลยที่ 2ยืนอยู่ก่อน กระสุนปืนถูกจำเลยที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 2จึงวิ่งเข้าไปในบ้านเอาปืนมายิงต่อสู้ การกระทำของจำเลยที่ 1จึงไม่เป็นการป้องกันตัวและไม่ใช่การกระทำความผิดเพราะเหตุบันดาลโทสะ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1ถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด.
of 344