คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเพียงเล็กน้อย
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี เป็นการแก้เพียงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเพียงเล็กน้อย
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี เป็นการแก้เพียงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์และฎีกาที่จำกัดสิทธิ เนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาเพียงเล็กน้อย
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี. เป็นการแก้เพียงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงจากการออกเช็คไม่มีเงินรองรับ แม้ศาลอุทธรณ์ยกฐานความผิด แต่ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำครบองค์ประกอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงกับความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497มาตรา 3. โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยโดยทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริงซึ่งควรต้องบอกให้แจ้งว่า. จำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้. ซึ่งความจริงในวันออกเช็คก็ดีวันสั่งจ่ายเงินตามเช็คก็ดี เงินในบัญชีของจำเลยไม่มีพอจ่าย ทั้งธนาคารก็ได้ปิดบัญชีจำเลยแล้ว. การหลอกลวงของจำเลยดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริงจึงได้มอบเงินให้จำเลยไป. ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงในความผิดฐานฉ้อโกงไว้ครบถ้วนแล้ว. เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง คดีจึงเป็นอันฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามโจทก์ฟ้องทั้งสองฐาน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทลงโทษโดยศาลอุทธรณ์และการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกจำเลย 3 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลย 3 ปี ไม่เพิ่มโทษลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี และแก้ว่า จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย และไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเท่านั้นไม่ใช่เป็นการแก้บทเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทลงโทษและการคืนทรัพย์สินในคดีอาญา ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษและยกเว้นการคืนทรัพย์ ศาลฎีกาห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกจำเลย 3 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน. กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น.ให้จำคุกจำเลย 3 ปี ไม่เพิ่มโทษลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี. และแก้ว่า จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย. คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย. และไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเท่านั้นไม่ใช่เป็นการแก้บทเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย. คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาของผู้ถูกกล่าวหา: จำเลยต้องเข้าสู่ฐานะจำเลยก่อน จึงมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโดยเห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นฟ้องที่ใช้ได้ไม่เคลือบคลุมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือสั่งใหม่ตามรูปคดีดังนี้ จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้เพราะจำเลยยังมิได้เข้าสู่ฐานะเป็นจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อหาเรื่องวัตถุระเบิดได้ แม้โจทก์อุทธรณ์ขอเพิ่มโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและมีวัตถุระเบิดไว้โดยผิดกฎหมาย แล้วโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยขว้างวัตถุระเบิด หากเป็นการกระทำของผู้อื่น ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกข้อหาเรื่องจำเลยมีวัตถุระเบิดขึ้นวินิจฉัยว่าเป็นความจริงหรือไม่ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ในการแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีโจทก์ไม่เคยอุทธรณ์ประเด็นนั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอที่ 49784 ดีกว่าจำเลย และให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอที่48018 และคำขอเลขที่ 48390 เสีย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 49784 ดีกว่าจำเลย มิได้พิพากษาให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 48390 ด้วย โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้พอถือได้ว่า ข้อความในประเด็น ข้อนี้ไม่จำเป็นแก่โจทก์ และโจทก์พอใจในผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ประเด็นข้อนี้เป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 48390 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโจทก์ร่วม & การสืบพยาน: แม้พนักงานอัยการไม่อุทธรณ์ โจทก์ร่วมก็มีสิทธิอุทธรณ์และฎีกาได้ ศาลอุทธรณ์สั่งสืบพยานเพิ่มเติมได้
แม้พนักงานอัยการโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์และฎีกาต่อมา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(14) อธิบายคำว่า "โจทก์" ไว้ว่า หมายความถึงพนักงานอัยการหรือผู้เสียหายซึ่งฟ้องคดีอาญาต่อศาล หรือทั้งคู่ในเมื่อพนักงานอัยการและผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกัน ดังนั้น โจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการต่างจึงมีฐานะเป็นโจทก์ด้วยกัน เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดไม่สืบต่อไปให้เสร็จ พนักงานอัยการโจทก์จึงมีสิทธินำสืบต่อไปได้ ศาลอุทธรณ์จึงฟังพยานที่นำสืบต่อไปนั้นวินิจฉัยคดีได้
of 225