พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินและยืนยันไม่มีทางสาธารณะ แม้เป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอ
การที่โจทก์จะมาขอให้ศาลสั่งแสดงว่า ที่ดินแปลงใดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เด็ดขาดทั้งสิ้นโดยปราศจากทางเดินสาธารณะนั้น โจทก์ย่อมทำได้ แม้แต่จะเสนอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท เมื่อโจทก์จะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แต่โจทก์ก็จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลให้เพียงพอแก่การที่จะสั่งตามคำขอของโจทก์นั้นได้
จำเลยเคยไปร้องต่อตำรวจว่า ทางในที่ดินของโจทก์เป็นทางสาธารณะ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยขอให้แสดงว่าที่ของโจทก์ไม่มีทางสาธารณะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/92)
จำเลยเคยไปร้องต่อตำรวจว่า ทางในที่ดินของโจทก์เป็นทางสาธารณะ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยขอให้แสดงว่าที่ของโจทก์ไม่มีทางสาธารณะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/92)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินก่อนตายโดยความเจตนาของผู้ตาย: ทรัพย์สินตกเป็นของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง
ผู้ตายกับจำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้ตายได้มอบสังหาริมทรัพย์ของผู้ตายซึ่งจำเลยยึดถืออยู่แล้ว ให้แก่จำเลยก่อนตายทรัพย์ต่างๆ จึงตกเป็นของจำเลยตามเจตนาของผู้ตาย โจทก์จะฟ้องเรียกเอาว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสและการบอกล้างหนี้: สิทธิเรียกร้องคืนเงินมัดจำเมื่อสามีไม่ยินยอม
ภรรยาไปยืมเงินของโจทก์มาวางมัดจำซื้อที่ดินของจำเลยโดยสามีไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย กับทั้งยังปฏิเสธหรือบอกล้างการยืมนั้นเสียด้วย ดังนี้ สามีจะกลับมาถือว่าเงินที่ภรรยายืมโจทก์มานั้นยังเป็นสินบริคณห์อยู่ เพื่อเรียกคืนจากจำเลยไม่ได้ และเมื่อสามีไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนจากจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากสามี ก็ย่อมไม่มีสิทธิดีไปกว่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิฟ้องร้องเป็นโมฆะ: สิทธิเรียกร้องไม่สามารถซื้อขายได้
จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อจำเลยแก้อุทธรณ์ จำเลยก็ยังโต้แย้งความข้อนี้อยู่ ประเด็นนี้ยังไม่ยุติศาลอุทธรณ์วินิจฉัยได้
เจ้าของที่ดินได้โอนการฟ้องร้องขอให้เพิกถอนหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดินกับจำเลยให้กับโจทก์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องจึงเท่ากับขายความเป็นการผิดศีลธรรมอันดี ไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้โอนกันได้และไม่ใช่เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เช่น มอบอำนาจหรือแต่งทนายไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในนามตนเอง
เจ้าของที่ดินได้โอนการฟ้องร้องขอให้เพิกถอนหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดินกับจำเลยให้กับโจทก์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องจึงเท่ากับขายความเป็นการผิดศีลธรรมอันดี ไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้โอนกันได้และไม่ใช่เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เช่น มอบอำนาจหรือแต่งทนายไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในนามตนเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159-1160/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ไม่สมบูรณ์และการเรียกร้องค่าซ่อมแซม: โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าซ่อมหากไม่มีสัญญาเช่าที่ชัดเจนกับจำเลย
การที่โจทก์เข้าไปซ่อมแซมห้อง โดยอ้างว่ามีสัญญาเช่ากับเจ้าของห้องคือจำเลย จึงเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าซ่อมแซมที่ได้จ่ายไปนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์มิได้มีสัญญากับจำเลยดังข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งการเรียกร้อง ฟ้องของโจทก์ข้อนี้ย่อมตกไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ของหมั้นต้องเป็นทรัพย์สินที่มอบให้แล้ว สัญญาหมั้นเลิกด้วยความตาย ไม่เกิดสิทธิเรียกร้อง
การที่จะเกิดเป็นสัญญาหมั้นได้นั้น จำต้องมีของหมั้นเป็นหลักฐาน(อ้างฎีกา 676/2487)
ของหมั้นนั้น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436วรรคแรกจะต้องเป็นทรัพย์สิน ซึ่งฝ่ายชายให้ไว้แก่ฝ่ายหญิง เพื่อเป็นหลักฐานและประกันว่า จะสมรสกับหญิงนั้น จึงจำต้องมีการมอบกัน
ฝ่ายหญิงได้ตกลงเรียกทองหมั้นหนัก 12 บาท ฝ่ายชายได้มอบทองหนัก 6 บาทไว้ก่อน ส่วนอีก 6 บาทได้มอบโฉนดซึ่งมีเนื้อที่ 108 ไร่ ให้ยึดไว้แทน โดยตีราคาเนื้อที่นาในโฉนดนี้เพียง 50 ไร่ เท่ากับทอง 6 บาทเมื่อชายตายโดยยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส หญิงก็ได้แต่เก็บเอาทองหมั้น 6 บาทที่ได้มอบไว้แล้วนั้น (มาตรา 1440)ส่วนทองอีก 6 บาทที่ยังไม่ได้มอบหาใช่ของหมั้นไม่หญิงจึงจะเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ที่หญิงจะเรียกเอาก็ไม่ได้เพราะสัญญาหมั้นเลิกกันเพราะความตายของชายแล้ว ไม่มีบทกฎหมายใด ให้หญิงเรียกได้ เมื่อไม่มีมูลหนี้ที่หญิงจะเรียกร้องต่อไปโฉนดที่ฝ่ายชายวางไว้เป็นประกัน จึงไม่มีหนี้จะประกัน หญิงก็ยึดโฉนดไว้ไม่ได้
ของหมั้นนั้น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436วรรคแรกจะต้องเป็นทรัพย์สิน ซึ่งฝ่ายชายให้ไว้แก่ฝ่ายหญิง เพื่อเป็นหลักฐานและประกันว่า จะสมรสกับหญิงนั้น จึงจำต้องมีการมอบกัน
ฝ่ายหญิงได้ตกลงเรียกทองหมั้นหนัก 12 บาท ฝ่ายชายได้มอบทองหนัก 6 บาทไว้ก่อน ส่วนอีก 6 บาทได้มอบโฉนดซึ่งมีเนื้อที่ 108 ไร่ ให้ยึดไว้แทน โดยตีราคาเนื้อที่นาในโฉนดนี้เพียง 50 ไร่ เท่ากับทอง 6 บาทเมื่อชายตายโดยยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส หญิงก็ได้แต่เก็บเอาทองหมั้น 6 บาทที่ได้มอบไว้แล้วนั้น (มาตรา 1440)ส่วนทองอีก 6 บาทที่ยังไม่ได้มอบหาใช่ของหมั้นไม่หญิงจึงจะเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ที่หญิงจะเรียกเอาก็ไม่ได้เพราะสัญญาหมั้นเลิกกันเพราะความตายของชายแล้ว ไม่มีบทกฎหมายใด ให้หญิงเรียกได้ เมื่อไม่มีมูลหนี้ที่หญิงจะเรียกร้องต่อไปโฉนดที่ฝ่ายชายวางไว้เป็นประกัน จึงไม่มีหนี้จะประกัน หญิงก็ยึดโฉนดไว้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดก: สิทธิเรียกร้องแบ่งทรัพย์ยังไม่ขาดอายุความ แม้มีการตกลงแบ่งกันไว้ แต่ยังไม่ได้แบ่งจริง
เมื่อเจ้ามฤดกตายแล้ว ผู้รับมฤดกได้ทำสัญญาตกลงแบ่งทรัพย์กันคนละส่วน แต่ยังไม่ได้แบ่งปันกัน และมอบเงินประกันการค้าน้ำมันกับบริษัทน้ำมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองมฤดก ให้อยู่ในความควบคุมดูแลของจำเลย ดั่งนี้ ถือว่าทายาทต่างยังเป็นเจ้าของรวมในเงินประกันนั้น จะนำมาตรา 1754 ป.พ.พ.มาใช้บังคับไม่ได้
ป.พ.พ.มาตรา 1748 วรรค 2 บัญญัติว่า สิทธิที่จะเรียกให้แบ่งทรัพย์มฤดกตามวรรคก่อนจะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละสิบปีไม่ได้นั้น หมายความว่าทายาทจะทำความตกลงกันห้ามไม่ให้ใครเรียกให้แบ่งทรัพย์มฤดกก็ย่อมทำได้ แต่ในการที่จะทำนิติกรรมห้ามเรียกแบ่งทรัพย์มฤดกนั้น จะห้ามได้แต่เพียงคราวละสิบปี เมื่อพ้นกำหนด 10 ปีแล้ว ทายาทย่อมมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้เสมอตามทรัพย์สิทธิของเขา จะแปลกลับเป็นว่า ทายาทจะเรียกให้แบ่งทรัพย์ไม่ได้ เมื่อเกินสิบปีแล้วนั้น ไม่ได้
ป.พ.พ.มาตรา 1748 วรรค 2 บัญญัติว่า สิทธิที่จะเรียกให้แบ่งทรัพย์มฤดกตามวรรคก่อนจะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละสิบปีไม่ได้นั้น หมายความว่าทายาทจะทำความตกลงกันห้ามไม่ให้ใครเรียกให้แบ่งทรัพย์มฤดกก็ย่อมทำได้ แต่ในการที่จะทำนิติกรรมห้ามเรียกแบ่งทรัพย์มฤดกนั้น จะห้ามได้แต่เพียงคราวละสิบปี เมื่อพ้นกำหนด 10 ปีแล้ว ทายาทย่อมมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้เสมอตามทรัพย์สิทธิของเขา จะแปลกลับเป็นว่า ทายาทจะเรียกให้แบ่งทรัพย์ไม่ได้ เมื่อเกินสิบปีแล้วนั้น ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: สิทธิเรียกร้องแบ่งทรัพย์ยังคงมีอยู่ แม้จะมอบให้จัดการดูแล และข้อตกลงห้ามแบ่งเกิน 10 ปี
เมื่อเจ้ามรดกตายแล้ว ผู้รับมรดกได้ทำสัญญาตกลงแบ่งทรัพย์กันคนละส่วน แต่ยังไม่ได้แบ่งปันกัน และมอบเงินประกันการค้าน้ำมันกับบริษัทน้ำมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองมรดกให้อยู่ในความควบคุมดูแลของจำเลย ดั่งนี้ ถือว่าทายาทต่างยังเป็นเจ้าของรวมในเงินประกันนั้น จำนำมาตรา1754 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1748 วรรค 2 บัญญัติว่าสิทธิที่จะเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกตามวรรคก่อนจะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละสิบปีไม่ได้นั้น หมายความว่าทายาทจะทำความตกลงกันห้ามไม่ให้ใครเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกก็ย่อมทำได้ แต่ในการที่จะทำนิติกรรมห้ามเรียกแบ่งทรัพย์มรดกนั้นจะห้ามได้แต่เพียงคราวละสิบปีเมื่อพ้นกำหนด 10 ปีแล้ว ทายาทย่อมมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้เสมอตามทรัพยสิทธิของเขา จะแปลกลับเป็นว่าทายาทจะเรียกให้แบ่งทรัพย์ไม่ได้ เมื่อเกินสิบปีแล้วนั้นไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1748 วรรค 2 บัญญัติว่าสิทธิที่จะเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกตามวรรคก่อนจะตัดโดยนิติกรรมเกินคราวละสิบปีไม่ได้นั้น หมายความว่าทายาทจะทำความตกลงกันห้ามไม่ให้ใครเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกก็ย่อมทำได้ แต่ในการที่จะทำนิติกรรมห้ามเรียกแบ่งทรัพย์มรดกนั้นจะห้ามได้แต่เพียงคราวละสิบปีเมื่อพ้นกำหนด 10 ปีแล้ว ทายาทย่อมมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้เสมอตามทรัพยสิทธิของเขา จะแปลกลับเป็นว่าทายาทจะเรียกให้แบ่งทรัพย์ไม่ได้ เมื่อเกินสิบปีแล้วนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินของเจ้าของที่ดินที่ให้เช่าแล้ว: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของเจ้าของที่ดิน
โจทก์เป็นเจ้าของนาพิพาท ได้ให้ ผ. เช่าไปเด็ดขาดแล้ว จำเลยบุกรุกเข้าทำในที่นาพิพาทนี้ ซึ่งเป็นการละเมิดโจทก์-ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินของผู้อื่น: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย แม้มีการเช่าช่วง
โจทก์เป็นเจ้าของนาพิพาท ได้ให้ ผ. เช่าไปเด็ดขาดแล้ว จำเลยบุกรุกเข้าทำในที่นาพิพาทนี้ ซึ่งเป็นการละเมิดโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้