พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3737/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่ชัดเจนของฟ้องพนัน ทำให้ศาลลงโทษไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษายืนตามเดิม
คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกได้ร่วมกันเล่นการพนันป๊อกแปดเก้าหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายป๊อก มีวิธีการเล่นซึ่งดัดแปลงมาจากการเล่นแปดเก้าอันระบุไว้ในบัญชี ก.อันดับที่ 5 และการเล่นป๊อกอันระบุไว้ในบัญชี ก. อันดับที่ 11ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกเข้าพนันในการเล่นอย่างเดียว โดยมีวิธีการเล่นที่พลิกแพลงนำเอาการเล่นแปดเก้ากับการเล่นป๊อกเข้ามารวมกัน แล้วเรียกชื่อใหม่ว่าป๊อกแปดเก้าจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา แสดงว่าเข้าใจในวิธีการเล่นการพนันตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องแล้วเป็นอย่างดี คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3667/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกตรวจสอบบัญชีที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลล่าง
คำฟ้องของโจทก์อ้างว่า เหตุที่โจทก์มิได้ส่งสมุดบัญชีและเอกสารตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเพราะมีข้อขัดข้องยังไม่สามารถส่งให้ได้ การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการส่งหมายเรียกให้โจทก์ส่งสมุดบัญชีและเอกสารเพื่อการตรวจสอบไต่สวนไม่ชอบ เพราะมิได้ส่งไปยังสถานที่ตั้งทำการหรือประกอบการของโจทก์ ทั้งผู้เซ็นรับหมายเรียกก็มิใช่พนักงานของโจทก์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3667/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกตรวจสอบบัญชีที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลล่างและไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
คำฟ้องของโจทก์อ้างว่า เหตุที่โจทก์มิได้ส่งสมุดบัญชีและเอกสารตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเพราะมีข้อขัดข้องยังไม่สามารถส่งให้ได้ การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการส่งหมายเรียกให้โจทก์ส่งสมุดบัญชีและเอกสารเพื่อการตรวจสอบไต่สวนไม่ชอบ เพราะมิได้ส่งไปยังสถานที่ตั้งทำการหรือประกอบการของโจทก์ ทั้งผู้เซ็นรับหมายเรียกก็มิใช่พนักงานของโจทก์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3667/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกตรวจสอบบัญชีที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากมิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลภาษีอากรกลาง
คำฟ้องของโจทก์อ้างว่า เหตุที่โจทก์มิได้ส่งสมุดบัญชีและเอกสารตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเพราะมีข้อขัดข้องยังไม่สามารถส่งให้ได้ การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการส่งหมายเรียกให้โจทก์ส่งสมุดบัญชีและเอกสารเพื่อการตรวจสอบไต่สวนไม่ชอบ เพราะมิได้ส่งไปยังสถานที่ตั้งทำการหรือประกอบการของโจทก์ ทั้งผู้เซ็นรับหมายเรียกก็มิใช่พนักงานของโจทก์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651-3654/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกสำนวนคดีแพ่งกับการพิจารณาคดีแรงงาน ศาลฎีกาตัดสินว่าเป็นการอ้างพยานเอกสาร ไม่ผูกมัดผลคำพิพากษา
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นำสำนวนคดีอื่นซึ่งได้อ้างเป็นพยานไว้แล้วมาผูกติดกับคดีนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า "นำสำนวนคดีดังกล่าวมาผูกติดกับคดีนี้" แต่คู่ความมิได้ยอมรับกันว่าให้ศาลพิพากษาคดีโดยถือตามผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าว คำร้องของโจทก์จึงมีความหมายเพียงว่า โจทก์ขออ้างถ้อยคำสำนวนตามที่ระบุในคำร้องในฐานะที่เป็นพยานเอกสารในคดีอย่างหนึ่งเท่านั้น เมื่อศาลแรงงานกลางพิเคราะห์พยานบุคคลของโจทก์จำเลยประกอบพยานเอกสารที่โจทก์อ้างแล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยประสบการขาดทุน จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพื่อลดค่าใช้จ่ายอุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้เถียงว่า จำเลยมิได้ประสบการขาดทุนยังสามารถจ้าง โจทก์ทั้งสี่ได้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 54 ไม่มีบทกฎหมายใดกำหนดว่าศาลในส่วนแพ่งที่พิพากษาในคดีหลังจำต้องถือตามคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ได้พิพากษาไปก่อนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651-3654/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างสำนวนคดีอื่นเป็นพยาน: ศาลฎีกาตัดสินว่าเป็นการอ้างพยานเอกสาร อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นำสำนวนคดีอื่นซึ่งได้อ้างเป็นพยานไว้แล้วมาผูกติดกับคดีนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า "นำสำนวนคดีดังกล่าวมาผูกติดกับคดีนี้" แต่คู่ความมิได้ยอมรับกันว่าให้ศาลพิพากษาคดีโดยถือตามผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าว คำร้อง ของ โจทก์จึงมีความหมายเพียงว่า โจทก์ขออ้างถ้อยคำสำนวนตามที่ระบุในคำร้องในฐานะที่เป็นพยานเอกสารในคดีอย่างหนึ่งเท่านั้น เมื่อศาลแรงงานกลางพิเคราะห์พยานบุคคลของโจทก์จำเลยประกอบพยานเอกสารที่โจทก์อ้างแล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยประสบการขาดทุน จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพื่อลดค่าใช้จ่าย อุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้เถียงว่า จำเลยมิได้ประสบการขาดทุน ยังสามารถจ้าง โจทก์ทั้งสี่ได้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ไม่มีบทกฎหมายใดกำหนดว่า ศาลในส่วนแพ่งที่พิพากษาในคดีหลังจำต้องถือตามคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ได้พิพากษาไปก่อนแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3617/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอคืนของกลางที่ศาลฎีกาเคยยกคำร้องแล้ว และประเด็นสินสมรสยังไม่สิ้นสุด
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลสั่งริบไว้แก่ผู้ร้องครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้องเพราะผู้ร้องบรรยายคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้เดียวจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้โดยผู้ร้องมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีที่ว่ารถยนต์ของกลางเป็นสินสมรสของผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 และผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 หรือไม่สิทธิยื่นคำร้อง ของ ผู้ร้องจึงยังไม่ระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3617/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอคืนของกลางที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว แต่ยังสามารถยื่นคำร้องใหม่ได้ หากคำร้องเดิมไม่ครอบคลุมประเด็นสินสมรสและการรู้เห็นเป็นใจ
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลสั่งริบไว้แก่ผู้ร้องครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้องเพราะผู้ร้องบรรยายคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้เดียวจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้โดยผู้ร้องมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีที่ว่ารถยนต์ของกลางเป็นสินสมรสของผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 และผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 หรือไม่สิทธิยื่นคำร้อง ของ ผู้ร้องจึงยังไม่ระงับไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3517/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยรถแทรกเตอร์ ไม่ใช่การหักกลบลบหนี้ ศาลฎีกาตัดสินประเด็นนอกกรอบ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ส่งมอบรถแทรกเตอร์ชำระหนี้ให้โจทก์แล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นก็ได้กำหนดประเด็นไว้เพียงว่า จำเลยได้เอารถแทรกเตอร์ตีใช้หนี้ตามฟ้อง หนี้ระงับแล้วหรือไม่ ประเด็นแห่งคดีจึงเป็นเรื่องมีการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องหักกลบลบหนี้ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 341 ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นเรื่องหักกลบลบหนี้จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามกรรโชกจากการข่มขู่ระเบิดร้านค้า แม้ผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายเงิน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเองได้
จำเลยส่งจดหมายข่มขู่เรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย หากขัดขืนจะทำการระเบิดร้านค้าของผู้เสียหายให้พังพินาศ แต่ผู้เสียหายไม่ยอมให้เงินหรือยอมรับว่าจะให้เงินแก่จำเลยตามที่เรียกร้อง ถือได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามกรรโชก แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย และพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 3 ซึ่งไม่ได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี