พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3541/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินทดแทนกับการจ่ายค่าชดเชย: แม้เปลี่ยนชื่อ แต่หลักเกณฑ์เดิมยังไม่ถือเป็นค่าชดเชยตามกฎหมาย
เงินทดแทนที่จำเลยจ่ายแก่โจทก์เมื่อเลิกจ้างมีหลักเกณฑ์แตกต่างจากค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นเงินประเภทอื่นที่นายจ้างจ่ายแก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง แม้จำเลยจะแก้ไขระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินนั้นจาก "เงินทดแทน" เป็น "ค่าชดเชย " แต่หลักเกณฑ์การจ่ายและการได้มาซึ่งสิทธิก็ยังเป็นไปตามเดิม จึงหาทำให้เงินดังกล่าวกลายเป็นค่าชดเชยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3541/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินทดแทนกับการจ่ายค่าชดเชย: หลักเกณฑ์ที่แตกต่างกัน แม้เปลี่ยนชื่อเรียกก็ไม่ถือเป็นค่าชดเชย
เงินทดแทนที่จำเลยจ่ายแก่โจทก์เมื่อเลิกจ้างมีหลักเกณฑ์แตกต่างจากค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นเงินประเภทอื่นที่นายจ้างจ่ายแก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง แม้จำเลยจะแก้ไขระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินนั้นจาก "เงินทดแทน" เป็น "ค่าชดเชย" แต่หลักเกณฑ์การจ่ายและการได้มาซึ่งสิทธิก็ยังเป็นไปตามเดิม จึงหาทำให้เงินดังกล่าวกลายเป็นค่าชดเชยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3495/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้างอย่างร้ายแรง กรณีสูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามสูบซึ่งอาจก่อให้เกิดอัคคีภัย
โรงงานผลิตกล่องกระดาษของจำเลยเคยถูกไฟไหม้เสียหายนับล้านบาทจำเลยจึงมีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณโรงงาน และได้วางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้อย่างเข้มแข็ง จัดให้มีเครื่องดับเพลิงและป้ายห้ามสูบบุหรี่ทั่วบริเวณโรงงาน โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างยืนสูบบุหรี่ข้าง ๆ กองกล่องกระดาษซึ่งมีกล่องกระดาษเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3495/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้างอย่างร้ายแรง กรณีสูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย
โรงงานผลิตกล่องกระดาษของจำเลยเคยถูกไฟไหม้เสียหายนับล้านบาทจำเลยจึงมีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณโรงงาน และได้วางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้อย่างเข้มแข็ง จัดให้มีเครื่องดับเพลิงและป้ายห้ามสูบบุหรี่ทั่วบริเวณโรงงาน โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างยืนสูบบุหรี่ข้าง ๆ กองกล่องกระดาษซึ่งมีกล่องกระดาษเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีติดตามทรัพย์สินจากการยักยอกของลูกจ้าง และผลกระทบต่อผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ไว้ต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ยักยอกเงินและทรัพย์สินของโจทก์ไป ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืนจากจำเลยที่ 1 ผู้ไม่มีสิทธิยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาให้เจ้าของทรัพย์ใช้สิทธิเช่นนี้เว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ เมื่อคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ยังไม่ขาดอายุความ ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ต่อสู้ว่าคดี ของโจทก์ขาดอายุความ จึงฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3460/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี: ระเบียบลูกจ้างที่ลาป่วยเกิน 36 วัน ไม่ตัดสิทธิพักผ่อนตามกฎหมาย
การที่ระเบียบของจำเลยกำหนดว่า ลูกจ้างซึ่งไม่มีวันลาเกิน36 วัน มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ 10 วันนั้น ใช้บังคับเฉพาะพนักงานที่มิได้ลาเกินกำหนดให้มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีได้ถึง 10 วันเท่านั้น หามีผลเป็นการตัดสิทธิในการหยุดพักผ่อนประจำปีของลูกจ้างที่ลาเกินกำหนดซึ่งมีอยู่ 6 วันทำงานตามกฎหมายไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของนายจ้างและลูกจ้างในคดีละเมิดทางรถยนต์ แม้ลูกจ้างทำผิดส่วนตัว
คดีแพ่งเมื่อคำฟ้องของโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงชัดแจ้งแล้ว ศาลมีหน้าที่ยกตัวบทกฎหมายขึ้นปรับแก่คดีเอง โจทก์บรรยายข้อเท็จจริงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการ มีหน้าที่ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ย่อมแปลได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้แทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคล จึงต้องรับผิดร่วมด้วยกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนในมูลละเมิดที่จำเลยที่1 ได้กระทำไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ดังนั้น การที่ศาลวินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งให้ขับรถไปรับนายทหารเพื่อไปที่ท่าอากาศยานแต่จำเลยที่ 1 ขับรถไปบ้านของจำเลยที่ 1 ก่อนจึงเกิดเหตุขึ้น การที่จำเลยที่ 1 ขับรถออกไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ แม้จำเลยที่ 1จะขับรถไปธุระส่วนตัวก็ตาม ตราบใดที่รถยังไม่กลับถึงโรงรถ ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่อยู่จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนของตน
เมื่อเหตุละเมิดเกิดขึ้นโดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างขับรถยนต์ชนกันด้วยความประมาทเลินเล่อมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน ก็เท่ากับทั้งสองฝ่ายต่างทำละเมิดต่อกันเท่า ๆ กันค่าเสียหายย่อมเป็นอันพับกันไป
โจทก์ที่ 1 เป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้ตายซึ่งนั่งมาในรถของโจทก์ที่ 2 แม้ว่าผู้ตายจะเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ 2 แต่ก็มิได้มีส่วนร่วมในความประมาทของคนขับรถของโจทก์ที่ 2 ด้วย จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 โดยเฉลี่ยรับผิดเพียงครึ่งเดียว
จำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งให้ขับรถไปรับนายทหารเพื่อไปที่ท่าอากาศยานแต่จำเลยที่ 1 ขับรถไปบ้านของจำเลยที่ 1 ก่อนจึงเกิดเหตุขึ้น การที่จำเลยที่ 1 ขับรถออกไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ แม้จำเลยที่ 1จะขับรถไปธุระส่วนตัวก็ตาม ตราบใดที่รถยังไม่กลับถึงโรงรถ ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่อยู่จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนของตน
เมื่อเหตุละเมิดเกิดขึ้นโดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างขับรถยนต์ชนกันด้วยความประมาทเลินเล่อมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน ก็เท่ากับทั้งสองฝ่ายต่างทำละเมิดต่อกันเท่า ๆ กันค่าเสียหายย่อมเป็นอันพับกันไป
โจทก์ที่ 1 เป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้ตายซึ่งนั่งมาในรถของโจทก์ที่ 2 แม้ว่าผู้ตายจะเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ 2 แต่ก็มิได้มีส่วนร่วมในความประมาทของคนขับรถของโจทก์ที่ 2 ด้วย จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 โดยเฉลี่ยรับผิดเพียงครึ่งเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3346-3348/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิลูกจ้าง: เงินบำเหน็จพิเศษจากกองทุนสวัสดิการ ห้ามนำไปหักเป็นค่าชดเชย
ระเบียบของจำเลยกำหนดให้หักเงินรายได้จากค่าขนส่งสินค้าส่วนที่เป็นของกรรมกรไว้เป็นเงินบำรุงความสุข เพื่อจ่ายเป็นบำเหน็จพิเศษให้แก่กรรมกรเมื่อถึงแก่กรรมลาออกหรือถูกให้ออก จำเลยจะจ่ายเงินบำเหน็จพิเศษต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในระเบียบของจำเลยได้ในกรณีที่มีการหักรายจ่ายจากกองเงินบำรุงความสุขเท่านั้นเงินบำรุงความสุขเป็นเงินของกรรมกร ไม่ใช่เงินของจำเลย และเป็นเงินคนละประเภทกับค่าชดเชย เมื่อค่าชดเชยที่จำเลยจะต้องจ่ายมิใช่รายจ่ายที่จำเลยจะพึงใช้สิทธิหักได้จากเงินบำเหน็จพิเศษจำเลยก็จะลดจำนวนบำเหน็จพิเศษตามสิทธิที่กรรมกรจะได้รับลงเพราะเหตุที่จำเลยจะต้องนำไปจ่ายเป็นค่าชดเชยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3151/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เสียหายฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับประกันภัย กรณีลูกจ้างผู้เอาประกันภัยประมาทเลินเล่อ ผู้รับประกันภัยยังคงต้องรับผิดตามกฎหมาย
โจทก์ มิได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะที่โจทก์เป็นคู่สัญญาผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลย แต่ฟ้องในฐานะที่โจทก์เป็นผู้เสียหาย เป็นบุคคลภายนอก จึงไม่อยู่ใต้บังคับแห่งบทกฎหมายที่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดง
มูลละเมิดมิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้เอาประกันภัยแต่เกิดจากความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสัญญาประกันภัย ดังนั้นลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยจะประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงผู้รับประกันภัยก็ไม่พ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879
มูลละเมิดมิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้เอาประกันภัยแต่เกิดจากความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสัญญาประกันภัย ดังนั้นลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยจะประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงผู้รับประกันภัยก็ไม่พ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินประกันของลูกจ้างที่ขาดงานเกิน 10 วันโดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือเป็นค่าเสียหายต่อองค์กร
การที่โจทก์ขาดงานติดต่อกันเกิน 10 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือได้ว่าโจทก์ทำความเสียหายให้แก่จำเลยอยู่ในตัว จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันแทนค่าเสียหายที่โจทก์ขาดงานได้