พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้รวมเงินที่ถูกยักยอกเป็นราคาสินค้า ทำให้สิทธิเรียกร้องในความผิดยักยอกระงับ
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาท เพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหาย จำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือ สัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับ และจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท ดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้ว ผู้เสียหายจึงได้ทราบว่าจำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลย เอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากขอโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้ หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวน ศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลย เอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากขอโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้ หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวน ศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวหลังทำสัญญาซื้อฝากแล้ว แม้มีการยักยอกก่อนหน้า สิทธิเรียกร้องย่อมระงับ
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาทเพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหายแล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหายจำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือสัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับและเงินจำนวน 1 หมื่นบาทดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้วผู้เสียหายจึงได้ทราบว่า จำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลยเอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากของโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2491)
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลยเอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากของโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีราคาทรัพย์ในคดีมรดก ไม่ถือเป็นการจำกัดสิทธิเรียกร้องของผู้รับมรดก
ในเรื่องฟ้องขอส่วนแบ่งทรัพย์มฤดก โจทก์ประสงค์จะได้ตามส่วนแบ่งที่ตนควรได้ การที่ตีราคาเอาทรัพย์มาด้วย มิใช่เป็นข้อแสดงว่าโจทก์ต้องการขอแบ่งไม่เกินราคาที่คิดเป็นส่วนแบ่ง นอกจากคำขอท้ายฟ้องจะแสดงแจ้งชัดเป็นอย่างอื่น เพราะในการฟ้องความโจทก์จะต้องตีราคาทรัพย์เพื่อการเสียค่าธรรมเนียม
อ้างฎีกาที่ 660/2490
อ้างฎีกาที่ 660/2490
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์ในตลาด: ผู้ซื้อมีหน้าที่พิสูจน์ว่าร้านค้าอยู่ในท้องตลาดเพื่อใช้สิทธิเรียกร้อง
คำว่า "ท้องตลาด" ใน ป.พ.ม.มาตรา 1332 หมายความถึง "ที่ชุมนุมแห่งการค้า"
ผู้ที่อ้างว่าซื้อทรัพย์มาจากตลาดตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1332 นั้นมีหน้าที่นำสืบก่อน
ผู้ที่อ้างว่าซื้อทรัพย์มาจากตลาดตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1332 นั้นมีหน้าที่นำสืบก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายในตลาด: หน้าที่การนำสืบสถานที่ซื้อขายเพื่อยืนยันสิทธิเรียกร้อง
คำว่า" ท้องตลาด" ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 หมายความถึง "ที่ชุมนุมแห่งการค้า"
ผู้อ้างว่าซื้อทรัพย์มาจากตลาด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 นั้นมีหน้าที่นำสืบก่อน
ผู้อ้างว่าซื้อทรัพย์มาจากตลาด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 นั้นมีหน้าที่นำสืบก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาสัญญาซื้อขายที่ดิน: สิทธิเรียกร้องเงินค่าที่ดินคืน
พฤตติการณ์ที่แสดงว่าคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญากันแล้วโจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนที่ดิน ถ้าบังคับไม่ได้ก็ขอให้คืนเงินที่โจทก์ชำระไปแล้วกับค่าเสียหายอีกด้วยโดยอ้างว่าจำเลยกระทำผิดสัญญา ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยได้ยินยอมเลิกสัญญากันแล้วดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ชำระไว้แล้ว ตามมาตรา 319 ได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
สัญญาซื้อขายที่ดิน มีข้อตกลงว่าชำระราคาค่าที่ดินครบถ้วนแล้วจะไปทำโอนกันนั้น มีผลเป็นสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น.
สัญญาซื้อขายที่ดิน มีข้อตกลงว่าชำระราคาค่าที่ดินครบถ้วนแล้วจะไปทำโอนกันนั้น มีผลเป็นสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาก่อนฟ้องคดี และสิทธิในการเรียกร้องเงินที่ชำระไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 319
พฤติการณ์ที่แสดงว่าคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญากันแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนที่ดิน ถ้าบังคับไม่ได้ก็ขอให้คืนเงินที่โจทก์ชำระไปแล้วกับค่าเสียหายอีกด้วยโดยอ้างว่าจำเลยกระทำผิดสัญญา ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยได้ยินยอมเลิกสัญญากันแล้วดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ชำระไว้แล้วตามมาตรา 319 ได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
สัญญาซื้อขายที่ดิน มีข้อตกลงว่าชำระราคาค่าที่ดินครบถ้วนแล้วจะไปทำโอนกันนั้น มีผลเป็นสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนที่ดิน ถ้าบังคับไม่ได้ก็ขอให้คืนเงินที่โจทก์ชำระไปแล้วกับค่าเสียหายอีกด้วยโดยอ้างว่าจำเลยกระทำผิดสัญญา ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยได้ยินยอมเลิกสัญญากันแล้วดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ชำระไว้แล้วตามมาตรา 319 ได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
สัญญาซื้อขายที่ดิน มีข้อตกลงว่าชำระราคาค่าที่ดินครบถ้วนแล้วจะไปทำโอนกันนั้น มีผลเป็นสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและการรับฟังพยานหลักฐาน: โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้เสมอ และศาลสามารถรับฟังพยานหลักฐานจากแหล่งอื่นได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรื้อไม้กระดานหน้าถึงเรียกค่าเสียหาย โจทก์จะเรียกร้องเอาแต่ฉะเพาะราคาหรือค่าสินไหมทดแทนก็ได้
คดีที่ตัวโจทก์มิได้เบิกความเป็นพะยานสนับสนุนคำฟ้องของตนเลยนั้น ศาลรับฟังแต่พะยานอื่นของโจทก์ได้
คดีที่ตัวโจทก์มิได้เบิกความเป็นพะยานสนับสนุนคำฟ้องของตนเลยนั้น ศาลรับฟังแต่พะยานอื่นของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการรื้อถอนทรัพย์สิน และการรับฟังพยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรื้อไม้กระดานหน้าถังเรียกค่าเสียหายโจทก์จะเรียกร้องเอาแต่เฉพาะราคาหรือค่าสินไหมทดแทนก็ได้
คดีที่ตัวโจทก์มิได้เบิกความเป็นพยานสนับสนุนคำฟ้องของตนเลยนั้น ศาลรับฟังแต่พยานอื่นของโจทก์ก็ได้
คดีที่ตัวโจทก์มิได้เบิกความเป็นพยานสนับสนุนคำฟ้องของตนเลยนั้น ศาลรับฟังแต่พยานอื่นของโจทก์ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์จำนำ: เริ่มนับเมื่อขอชำระหนี้
การฟ้องร้องคดีแพ่งย่อมอยู่ภายใต้บังคับแห่งอายุความ
การฟ้องเรียกทรัพย์ที่จำนำคืน ก็ต้องอยู่ภายในอายุความ
การฟ้องเรียกทรัพย์ที่จำนำคืน ต้องเริ่มนับอายุความตั้งแต่ผู้จำนำขอชำระหนี้ ถ้ายังไม่ขอชำระหนี้ก็ยังไม่เริ่มนับอายุความ
การฟ้องเรียกทรัพย์ที่จำนำคืน ก็ต้องอยู่ภายในอายุความ
การฟ้องเรียกทรัพย์ที่จำนำคืน ต้องเริ่มนับอายุความตั้งแต่ผู้จำนำขอชำระหนี้ ถ้ายังไม่ขอชำระหนี้ก็ยังไม่เริ่มนับอายุความ