พบผลลัพธ์ทั้งหมด 392 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไม่มีการทรมาน: ไม่เข้าข่ายฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตาม ม.289(5)
การที่จำเลยกับพวกดักยิงผู้ตายกับผู้เสียหายมาก่อน เมื่อผู้ตายกับผู้เสียหายหนีเสียทัน จำเลยทั้งสองกับพวกยังไม่ลดละตามมายิงผู้ตายกับผู้เสียหายถึงบนบ้านเรือนยิงแล้วยังเอาเชือกมัดข้อมือผู้ตายช่วยกันหามไปทิ้งในป่า พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าเป็นเพียงจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายกับผู้ตายให้ตายไปเท่านั้น การหามผู้ตายไปทิ้งเป็นการต้องการแต่จะซ่อนเร้นปิดบังการกระทำความผิดเมื่อการฆ่าไม่ปรากฏการกระทำอย่างใดเป็นพิเศษอันแสดงให้เห็นว่าผู้ฆ่าประสงค์จะให้ผู้ตายได้รับความลำบากสาหัสก่อนตายแล้วกรณีย่อมไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนตามกฎหมายอาญา: การใช้กำลังเพื่อป้องกันชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ
จำเลยกับพวกซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงนายสิบและพลตำรวจ. เข้าไปในบ้านของ ฉ.ในเวลากลางคืน เพื่อจับกุมผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายสำคัญตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา. โดยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการจับการค้น. ถ้าผู้ตายขัดขืนก็เพียงแต่ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเท่านั้น. ไม่มีสิทธิหรืออำนาจชอบธรรมอันใดที่จะใช้อาวุธทำร้ายจำเลย.เพราะจำเลยพูดกับผู้ตายขอจับกุม. ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรลงไป. แต่ผู้ตายใช้มีดแทงจำเลย. จำเลยจึงกระทำการป้องกันชีวิตตน. เมื่อเป็นการพอสมควรแก่เหตุ. จำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถือหุ้นของรัฐในบริษัทจำกัดและการเป็นพนักงานหน่วยงานของรัฐเพื่อใช้บังคับกฎหมายอาญา
ผู้ถือหุ้นชนิดใดในบริษัทจำกัดย่อมถือว่าเป็นผู้ลงทุนในบริษัทเท่าจำนวนหุ้นที่ถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1096 ฉะนั้นเมื่อรัฐถือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิรวมกันเกินกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นทั้งหมดของธนาคารเกษตร จำกัด แล้ว ก็ถือว่าธนาคารเกษตร จำกัด มีทุนเกินกว่าร้อยละห้าสิบเป็นของรัฐ โดย ไม่ต้องคำนึงว่าหุ้นเหล่านั้นเป็นหุ้นที่ใช้ค่าหุ้นเป็นตัวเงินหรือเป็นหุ้นที่ออกให้เสมือนหนึ่งได้ใช้เต็มค่าแล้ว ฉะนั้นเมื่อจำเลยซึ่งเป็นพนักงานธนาคารเกษตร จำกัด ยักยอกเงินของธนาคาร จึงต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถือหุ้นของรัฐในบริษัทจำกัดและการเป็นพนักงานหน่วยงานของรัฐเพื่อใช้บังคับกฎหมายอาญา
ผู้ถือหุ้นชนิดใดในบริษัทจำกัดย่อมถือว่าเป็นผู้ลงทุนในบริษัทเท่าจำนวนหุ้นที่ถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1096. ฉะนั้นเมื่อรัฐถือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิรวมกันเกินกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นทั้งหมดของธนาคารเกษตร จำกัด แล้ว. ก็ถือว่าธนาคารเกษตร จำกัด มีทุนเกินกว่าร้อยละห้าสิบเป็นของรัฐ. โดย.ไม่ต้องคำนึงว่าหุ้นเหล่านั้นเป็นหุ้นที่ใช้ค่าหุ้นเป็นตัวเงินหรือเป็นหุ้นที่ออกให้เสมือนหนึ่งได้ใช้เต็มค่าแล้ว. ฉะนั้นเมื่อจำเลยซึ่งเป็นพนักงานธนาคารเกษตร จำกัด ยักยอกเงินของธนาคาร จึงต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้และการป้องกันตัว: การไล่ติดตามเพื่อป้องกันตนเองไม่ใช่การป้องกันตัวตามกฎหมาย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ตายกับพวกมีเหล็กขูดชาร์ฟทำร้ายพวกจำเลยและวิ่งตามมาจะทำร้ายอีก. จำเลยทราบเรื่องก็โกรธ จึงถือมีดปังตอออกมาหาผู้ตายกับพวก. ผู้ตายกับพวกได้วิ่งหนีไปจำเลยวิ่งไล่ทันแล้วเกิดต่อสู้กับผู้ตาย.เหตุที่จำเลยวิ่งไล่เพราะผู้ตายกับพวกมาทำร้ายพวกจำเลยอันเป็นการสมัครใจวิวาทกัน. จึงไม่เป็นการป้องกันตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวตามกฎหมายอาญา: การใช้สัดส่วนในการป้องกันภัยอันตรายเฉพาะหน้า
ผู้ตายก่อเหตุขึ้นก่อน เมื่อถูกจำเลยต่อว่าและสงสัยว่าผู้ตายลักปลา โดยได้ด่าว่าจำเลยและแสดงอาการจะเข้าทำร้ายจำเลย. แม้จำเลยถ่อเรือหนีผู้ตายถ่อเรือไล่ตามจะทำร้ายจำเลยอีก. ครั้นตามไปทันผู้ตายได้ใช้ไม้ถ่อยาวประมาณ 1 วาเศษตีจำเลยก่อน. จำเลยยกไม้ถ่อขึ้นรับผู้ตายตีจำเลยอีกประมาณ 20 ที. จำเลยจึงตีตอบไปบ้างขณะตีกันจำเลยถูกผู้ตายตีที่ศีรษะด้านบนบวมปูดถูกหลังมือและนิ้วบวม หนังถลอก. และเมื่อผู้ตายตกลงไปยืนในน้ำซึ่งตั้งหลักได้ดีกว่าอยู่บนเรือได้ตีจำเลยอีกอย่างรุนแรงจนปลายไม้ถ่อของจำเลยหักหลุดกระเด็น และตีจำเลยจนเรือจำเลยล่ม. จำเลยตกลงไปในน้ำถ่อหลุดจากมือ. จำเลยจึงหยิบมีดสปริงซึ่งใบมีดยาวเท่านิ้วชี้ออกจากกระเป๋ากางเกงที่มีอยู่แทงผู้ตายไป. ดังนี้เมื่อผู้ตายก่อเหตุขึ้นก่อนทั้งจำเลยไม่มีโอกาสจะหลีกเลี่ยงจากการถูกทำร้ายได้.และไม่มีโอกาสจะเลือกอาวุธอื่นใดมาใช้ได้ทัน. การที่จำเลยแทงผู้ตายก็เพราะขณะนั้นจำเลยกำลังตกอยู่ในระหว่างภยันตรายร้ายแรงซึ่งเกิดเฉพาะหน้าอันเป็นเวลากระทันหันและพัวพันกันอยู่. ถ้าจำเลยไม่แทงผู้ตาย.จำเลยอาจถูกผู้ตายใช้ไม้ถ่อตีและแทงทำร้ายถึงตายได้. พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุผลอันสมควร. การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวที่พอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา68.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวตามกฎหมายอาญา: การใช้จอบป้องกันการถูกแทงและทำร้ายต่อเนื่อง
จำเลยนั่งทุบใบจอบอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยดี ๆ ผู้ตายเมาสุรามาท้าทายจำเลย เตะจำเลยและใช้เหล็กแหลมแทงจำเลยถึง 2 ครั้ง แม้จะไม่ถูก ผู้ตายยังไล่ตามแทงติดตัวอยู่ จำเลยจึงใช้จอบซึ่งถืออยู่ในมือฟันผู้ตายไป 2 ที ดังนี้ จึงถือว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลย อันเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยจากภยันตรายที่ผู้ตายก่อขึ้นพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงยังไม่ควรมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913-1915/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมพิจารณาคดีปล้นทรัพย์หลายสำนวน และการจำกัดโทษสูงสุดตามกฎหมาย
แม้โจทก์จะแยกฟ้องจำเลยเป็นสามสำนวน โดยขอให้นับโทษจำเลยทุกสำนวนต่อกันก็ตาม แต่เมื่อศาลได้รวมพิจารณาคดีทั้งสามสำนวนเข้าด้วยกัน และปรากฏว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดทั้งสามสำนวน ก็ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามรายสำนวนก็ได้แต่ทั้งนี้โทษจำคุกทั้งสิ้นของจำเลยในคำพิพากษาฉบับเดียวกันนี้จะต้องไม่เกิน 20 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 828-830/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเริ่มนับโทษจำคุกต้องเป็นไปตามกฎหมายอาญามาตรา 22 มิใช่ตามประกาศคณะปฏิวัติ จำเลยฎีกาล่วงหน้าไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี มิได้กล่าวว่าให้นับโทษจำคุกตั้งแต่วันใด จำเลยจะฎีกาว่าศาลไม่นับระยะเวลาที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามประกาศคณะปฏิวัติหาได้ไม่ เพราะการเริ่มนับวันจำคุกวันใด ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 22 บัญญัติไว้ ซึ่งศาลจะสั่งในชั้นบังคับคดี เมื่อจำเลยมิได้ฎีกาขอให้ศาลสั่งนับโทษเป็นอย่างอื่นนอกจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนี้ จึงถือว่าฎีกาของจำเลยมิใช่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษา แต่เป็นการฎีกาในการบังคับคดีจำเลยจะฎีกาล่วงหน้ามาก่อนหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งผู้บังคับบัญชาขัดต่อกฎหมาย: การปฏิบัติตามคำสั่งโดยเข้าใจว่าชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ไม่ต้องรับโทษอาญา
ผู้บังคับกองตำรวจสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาไปจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่ได้ออกหมายจับ จำเลยไปจับผู้ต้องหาโดยเข้าใจว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้ถือเป็นหลักปฏิบัติกันตลอดมาว่าไปจับได้ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการมิชอบ จำเลยทั้งสองก็ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70