คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การกระทำผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 354 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผู้อื่นโทรศัพท์ไม่ได้ทำให้ผู้ถูกหมิ่นประมาทมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำผิด
การที่โจทก์ร่วมใช้ให้ น. พูดโทรศัพท์กับจำเลย แล้วจำเลยกล่าวถ้วยคำอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมทางโทรศัพท์ขึ้นเองนั้นถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำด้วย โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2395/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของผู้จ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และสิทธิในการได้รับค่าขาดไร้อุปการะของสามีและบุตร
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำงานเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ลูกค้าของจำเลยที่ 2 นำมาให้ซ่อมไปเพื่อทดลองเครื่อง อันเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานซ่อมรถตามหน้าที่ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
สามีภริยาย่อมมีหน้าที่จะต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 เมื่อภริยาเสียชีวิตเพราะมีการทำละเมิด สามีย่อมมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าขาดไร้อุปการะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 443 วรรคสาม โดยไม่ต้องคำนึงว่าสามีจะยากจนหรือมั่งมี และประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเองได้หรือไม่ เพราะเป็นสิทธิของสามีจะพึงได้รับชดใช้ตามกฎหมาย
มารดามีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้วเฉพาะผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 วรรคสอง บุตรซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วและไม่ได้ความชัดว่าเป็นผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองไม่ได้ จึงไม่อยู่ในข่ายจะได้รับค่าขาดไร้อุปการะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 443 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3886/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุเลิกจ้าง: การกระทำผิดระเบียบงาน แม้มิเจตนาทุจริต ก็เป็นเหตุเลิกจ้างได้
จำเลยให้การว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กับพวกร่วมกันทุจริตลักรถยนต์ของจำเลย โดยมอบกุญแจรถยนต์และชุดโอนทะเบียนให้ บุคคลอื่นไปโดยมิได้ทำหนังสือรับรถยนต์ไว้ จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายแล้วยังให้การต่อไปด้วยว่า โจทก์กระทำการฝ่าฝืนต่อข้อบังคับคำสั่งและระเบียบการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วย ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับข้อเท็จจริงในตอนต้นว่า โจทก์มิได้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งในการจำหน่ายและส่งมอบรถยนต์ให้แก่บุคคลอื่นนั่นเอง ซึ่งตามข้อเท็จจริงนั้นจำเลยเลิกจ้างโจทก์ก็เพราะ โจทก์กระทำการดังกล่าวแต่ประการเดียว หามีเหตุการณ์อื่นที่จำเลยอาศัยเป็นเหตุแห่งการเลิกจ้างไม่ การที่จำเลยใช้ถ้อยคำในคำสั่งเลิกจ้างว่าโจทก์บกพร่องต่อหน้าที่และทำให้จำเลยได้รับความเสียหายนั้น ก็เกิดจากการกระทำของโจทก์ดังกล่าว การกระทำที่เป็นการบกพร่องนั้นอาจเกิดจากการกระทำโดยเจตนาที่จะฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่ง ของจำเลยหรือไม่ก็ได้ และย่อมหมายถึงไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มตามหน้าที่ที่ตนพึงต้องปฏิบัติโดยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ก็ได้เช่นเดียวกัน สาเหตุแห่งการเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นสาเหตุอันเดียวกันกับที่จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีแล้วนั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดการกระทำความผิดให้ชัดเจน มิฉะนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาเรื่องหมิ่นประมาท และข้อความเท็จที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าว มิได้บรรยายว่า คดีมีข้อกล่าวหากันอย่างไร และข้อความที่จำเลยเบิกความเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีนั้นอย่างไร ดังนี้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แม้โจทก์ระบุเลขคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้อง และนำสืบถึงสำนวนคดีดังกล่าวในชั้นพิจารณาก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็มิใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิป้องกันตนเองเกินสมควรแก่เหตุ แม้เจ้าพนักงานกระทำผิดกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
แม้ พันตำรวจตรีช. กับพวกจะเป็นเจ้าพนักงานและออกมาปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อจับกุมและตรวจค้นบ้านจำเลยด้วยเหตุอันสมควรและมีหมายค้น แต่ได้ไปล้อมบ้านจำเลยและขอตรวจค้นในเวลากลางคืน ซึ่งทำไม่ได้เพราะขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 96 จึงไม่ได้รับความคุ้มครองและมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย พันตำรวจตรี ช. กับพวกเข้าล้อมบ้านจำเลยในเวลากลางคืน จึงมีเหตุผลเพียงพอที่จำเลยจะคิดว่าเป็นพวกคนร้าย และกระทำการใดๆ เพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงก่อนโดยไม่ดูให้ดีเสียก่อนว่าพวกที่มาล้อมบ้านเป็นคนร้ายจริงหรือไม่ เป็นการใช้สิทธิป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามมาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น: จำเลยต้องรู้เห็นการกระทำผิดก่อนจึงจะมีความผิด
โจทก์ไม่มีพยานมาสืบแสดงว่าก่อนจำเลยจะมารอรับคนร้ายที่ฆ่าผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น จำเลยได้รู้หรือมีเหตุการณ์ที่จำเลยควรจะรู้ว่าคนร้ายจะไปฆ่าผู้ตายแล้วให้จำเลยรอรับเพื่อพาหลบหนี อันเป็นการแบ่งหน้าที่กันลำพังเพียงจำเลยมารอรับคนร้ายและพาหลบหนีไปดังกล่าว จะถือว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดกับคนร้ายหาได้ไม่ เพราะจำเลยอาจเพิ่งทราบว่าคนร้ายยิงผู้ตายภายหลังเกิดเหตุก็ได้ทั้งการที่จำเลยมิได้มาทำงานตามปกติหาใช่เหตุผลแสดงว่าจำเลยร่วมกับคนร้าย แต่อาจเนื่องมาจากจำเลยกลัวความผิดที่พาคนร้ายหลบหนีก็ได้ คดีจึงลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกับคนร้ายฆ่าผู้ตายหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจอธิการบดีสั่งลงโทษนักศึกษาต้องพิสูจน์การกระทำผิดจริง การกลั่นแกล้งโจทก์เป็นเหตุให้ต้องสืบพยาน
ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ.2521 มาตรา 21(8)จำเลยที่ 2 ในฐานะอธิการบดีมีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่าด้วยวินัยและการปกครองนักศึกษา พ.ศ.2521 ข้อ 22 กำหนดให้อธิการบดีเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับดังนั้น ในกรณีที่นักศึกษากระทำผิดวินัยอธิการบดีย่อมมีอำนาจที่จะสั่งลงโทษได้ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่า ร่วมกันทำละเมิดมีคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์โจทก์ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นฐานกระทำผิดวินัย โดยโจทก์มิได้กระทำผิดวินัยไม่ได้ทุจริตหรือปกปิดเกี่ยวกับเงินส่วนลดของค่าเช่ารถไปแข่งขันกีฬา จำเลยทั้งสองบิดเบือนความจริง กลั่นแกล้งโจทก์ เพราะสาเหตุเนื่องจากโจทก์เป็นนายกสโมสรนักศึกษาและเป็นผู้นำนักศึกษาคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติงานอันไม่ถูกต้องของจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิการบดี จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธดังนี้ ปัญหาที่ว่าโจทก์กระทำผิดวินัยหรือไม่ยังไม่ยุติชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระแสความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำผิดทางอาญาของลูกจ้างต่อเจ้านาย ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
การกระทำความผิดอาญาแก่นายจ้างอันเป็นเหตุให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 47(1) นั้น แม้มิใช่ตัวการแต่หากเป็นการสนับสนุนการกระทำผิด ก็เป็นการกระทำความผิดอาญาตามความหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์, ข่มขืน, และการฟ้องที่ไม่ชัดเจน
จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายจากทางเดินพาเข้าไปในทุ่งนาข่มขืนกระทำชำเราแล้วก็ทิ้งผู้เสียหายไว้ ณ ที่เกิดเหตุ แสดงว่าจำเลยพาไปเพื่อจะกระทำชำเราเท่านั้นหาได้มีเจตนาพาหรือแยกเอาผู้เสียหายไปจากความปกครองดูแลของบิดามารดาผู้เสียหายไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตาม ป.อ.ม.318 ด้วย
การพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนาเพื่อการอนาจาร หรือทำให้ผู้เยาว์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ก็เป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องเฉพาะเรื่องพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร โดยไม่บรรยายให้ปรากฏการกระทำตาม ป.อ. ม.284 และ ม.310 ที่ขอให้ลงโทษมาท้ายฟ้องด้วยจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. ม.158 ศาลจะปรับบทลงโทษตามมาตราดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบเป็นซ่องโจรต้องมีการตกลงร่วมกัน ไม่ใช่แค่การหารือ
ความผิดฐานเป็นซ่องโจรจะต้องมีการสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ การสมคบกันจะต้องมีการแสดงออกซึ่งความตกลงในการที่จะกระทำผิดร่วมกัน มิใช่เพียงแต่มาประชุมหารือกันโดยมิได้ตกลงอะไรกันเลยหรือตกลงกันไม่ได้
of 36