คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความร่วมมือ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 142 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806-807/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาแก้โทษจำเลยร่วม แม้ไม่ได้ฎีกา คดีอาญาเกี่ยวกับความร่วมมือในการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
อำนาจศาลฎีกาที่จะแก้บทลงโทษจำเลยที่ไม่ได้ฎีกาขึ้นมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13989/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อมูลจำเลยให้ความร่วมมือไม่ถึงขั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปราบปรามยาเสพติด ศาลไม่ลดโทษ
เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบกัญชาอัดแท่งของกลางแล้วจับจำเลยที่ 1 และที่ 2 และสอบถามเกี่ยวกับของกลาง ในระหว่างนั้น ด. ได้โทรศัพท์มาที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยที่ 1 บอกเปลี่ยนสถานที่ส่งกัญชาอัดแท่ง โดยให้ส่งแก่ ก. เจ้าพนักงานตำรวจจึงควบคุมพาจำเลยที่ 1 และที่ 2 เดินทางไปเพื่อติดต่อส่งกัญชาอัดแท่งให้แก่ ก. ตามที่ ด. สั่ง แล้วให้จำเลยที่ 1 โทรศัพท์ติดต่อนัดพบ ก. เมื่อพบ ก. กับพวกแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจจึงแสดงตัวทำการจับจำเลยที่ 3 และที่ 4 นั้น เป็นแต่เพียงการสืบสวนขยายผลติดตามจับผู้กระทำผิดตามกฎหมายไปตามปกติของเจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งกระทำอยู่แล้ว กรณีจึงถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานสอบสวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา: พยานหลักฐานเพียงพอ, ฟ้องไม่เคลือบคลุม, ความร่วมมือในการกระทำผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลยทั้งห้ากับพวกโดยร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย กอดปล้ำชกต่อยท้องผู้เสียหาย 2 ครั้ง และช่วยกันจับแขนขาของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายไม่สามารถขัดขืนได้ และผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง แม้ไม่ได้บรรยายรายละเอียดว่า จำเลยที่ 5 กระทำการอย่างใดบ้างแต่ก็ถือว่าโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยที่ 5 ได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยที่ 5 เข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5725/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์: การกระทำยังไม่สำเร็จ ความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ และการพิสูจน์ความร่วมมือ
จำเลยที่ 1 เพียงแต่นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์เพื่อจะใช้กุญแจผีไขรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายโดยยังไม่ได้เอารถออกไป เป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะเจ้าพนักงานตำรวจและผู้เสียหายมาถึงที่เกิดเหตุก่อน ทำให้จำเลยที่ 1 เอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6904/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในคดียาเสพติด แม้ผู้พิการจะไม่ได้ลงมือเอง แต่สั่งการผู้อื่นได้
จำเลยที่ 2 พิการขาทั้งสองข้างอัมพาตอ่อนแรงไม่สามารถซื้อขายเมทแอมเฟตามีนหรือนำเมทแอมเฟตามีนไปซุกซ่อนในช่องลมใต้ที่ปัดน้ำฝนของรถยนต์กระบะที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับโดยจำเลยที่ 2 โดยสารมาด้วย แต่จำเลยที่ 2 ก็ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยให้ผู้อื่นดำเนินการให้ตามคำสั่งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การแบ่งหน้าที่และช่วงเวลาที่สำคัญต่อการลงโทษตามมาตรา 340 วรรคสาม
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสามนั้น กฎหมายมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะลงโทษการกระทำของคนร้ายที่ปล้นทรัพย์ด้วยกันว่าถ้าการปล้นทรัพย์นั้น เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสผู้กระทำความผิดทุกคนต้องรับโทษหนักขึ้น ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำร้ายหรือรู้ตัวผู้ร้ายหรือไม่ และไม่ว่าจะอยู่ร่วมกันในขณะที่มีการทำร้ายหรือไม่ เช่น มีการแบ่งหน้าที่กันทำโดยมีคนร้ายเฝ้าดูต้นทางแต่พวกที่เข้าไปปล้นทรัพย์ทำร้ายเจ้าทรัพย์ก็มีความผิดร่วมกัน แต่ทั้งนี้ต้องเป็นการกระทำที่ไม่ขาดตอนกันจึงจะเป็นเหตุลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันจำเลยที่ 1 และพวกรวมทั้งหมด 6 คน วางแผนปล้นทรัพย์บ้านหลังนี้มาแต่ต้น วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 และที่ 3 เข้าไปจับตัวคนรับใช้ในบ้านผู้เสียหายมัดไว้และได้รื้อค้นเอาทรัพย์สินภายในบ้านแล้วกลับไปก่อน ส่วนจำเลยที่ 1 กับพวกที่เหลือรออยู่เพื่อเอาทรัพย์สินจากผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกับพวกกลับมาบ้านก็ถูกจำเลยที่ 1 กับพวกที่เหลือทำร้ายเพื่อปล้นทรัพย์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้อยู่ร่วมเพื่อปล้นทรัพย์ด้วยไม่ปรากฏว่าได้รออยู่นอกบ้านเพื่อดูต้นทางหรือย้อนกลับมาอีก หรือรอฟังผลยังสถานที่นัดหมายกัน ทั้งไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับบ้านที่เกิดเหตุ ทั้งผู้เสียหายกับพวกก็กลับมาหลังจากจำเลยที่ 2 และที่ 3 กลับไปแล้วเป็นเวลานานถึง 2-3 ชั่วโมง ไม่ต่อเนื่องกับการที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกันปล้นทรัพย์มาแต่ต้น การจะคาดหมายว่าหากผู้เสียหายกับพวกกลับมาและขัดขืนย่อมมีการใช้กำลังประทุษร้ายย่อมเป็นการคาดหมายที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคแรก แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5932/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 71(1) ต้องใช้ดุลพินิจเหมาะสมและเป็นธรรม แม้ผู้เสียภาษีให้ความร่วมมือ
การที่เจ้าพนักงานประเมินจะเลือกใช้อำนาจประเมินตาม มาตรา 71 (1) แห่ง ป.รัษฎากร ต้องเป็นการใช้โดยมีดุลพินิจที่เหมาะสมแก่กรณีและเป็นธรรมด้วย แม้การที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลภายหลังจากการได้รับหมายเรียกตรวจสอบแล้วจะไม่เป็นเหตุให้อำนาจการประเมินตามมาตรา 71 (1) ของเจ้าพนักงานประเมินหมดไป แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าในระหว่างการตรวจสอบไต่สวนโจทก์ให้ความร่วมมือโดยได้ไปให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีหลายครั้ง และส่งมอบเอกสารให้แก่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีของกรมสรรพากรจำเลยที่ 1 จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีของจำเลยที่ 1 สามารถคำนวณหากำไรขาดทุนสุทธิจากการประกอบกิจการของโจทก์ได้ ดังนั้น การใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานประเมินที่ประเมินให้โจทก์ต้องเสียภาษีอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ ตามมาตรา 71 (1) แม้จะได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีกรมสรรพากร ก็เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำคุกจากความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เนื่องจากให้ความร่วมมือขยายผลจับกุม
จำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 2,000 เม็ด น้ำหนัก 179.39 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 51.148 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันต้องด้วยบทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 66 วรรคสาม แต่ปรากฏว่าหลังจากที่เจ้าพนักงานตำรวจสามารถล่อซื้อจับกุมจำเลยที่ 2 พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ว จำเลยที่ 2 ให้การว่ารับเมทแอมแฟตามีนของกลางมาจาก ว. หรือ ม. และร่วมมือกับเจ้าพนักงานตำรวจจนสามารถขยายผลจับกุม ว. พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนของกลางอีกจำนวน 70 เม็ด นับว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้กระทำความผิดที่ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ หรือพนักงานสอบสวนเห็นสมควรลงโทษจำเลยที่ 2 น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีจำหน่ายและครอบครองยาเสพติดโดยให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงาน
เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีน 1,800 เม็ด ที่จำเลยจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจริง พร้อมทั้งแจ้งว่ายังมีเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวนหนึ่งอยู่ที่ห้องพักของจำเลย และพาเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นจนสามารถยึดเมทแอมเฟตามีนซึ่งซุกซ่อนอยู่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าได้อีก 30 เม็ด เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจสามารถดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย นับว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เห็นสมควรลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการจำหน่ายยาเสพติด: การรับสารภาพ, พยานหลักฐาน, และความผิดหลายกรรม
จำเลยที่ 2 เดินทางไปในที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1 ตามเวลาที่จำเลยที่ 1 นัดส่งมอบยาเสพติดให้โทษแก่สายลับโดยจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 เดินทางไปหาสายลับด้วยกัน ขณะที่จำเลยที่ 1 และสายลับส่งมอบสิ่งของให้แก่กันจำเลยที่ 2 ก็อยู้ด้วย เมื่อถูกจับจำเลยที่ 2 ก็ให้การรับสารภาพทันที แม้จะค้นไม่ได้ของกลางจากจำเลยที่ 2 เลยก็ตาม แต่ตามพฤติการณ์จำเลยที่ 2 อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอดถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1
การล่อซื้อยาเสพติดเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของเจ้าพนักงานตำรวจไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
การที่จำเลยทั้งสองเตรียมยาเสพติดให้โทษติดตัวมาแล้วขายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปส่วนหนึ่ง พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มียาเสพติดให้โทษของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเมื่อจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 จำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวไปส่วนหนึ่งอันมีลักษณะการกระทำต่างกันและต่างขั้นตอนกัน การกระทำของจำเลยทั้งสอง ย่อมเป็นความผิดทั้งมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกรรมหนึ่ง และมีความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษอีกกรรมหนึ่งด้วย เป็นความผิดต่างกรรมกัน
of 15