พบผลลัพธ์ทั้งหมด 191 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรโดยไม่จดทะเบียนสมรส: พฤติการณ์เปิดเผยความสัมพันธ์ฉันชู้สาวเพียงพอตามกฎหมาย
พยานโจทก์เบิกความถึงพฤติการณ์ต่างๆ ของโจทก์จำเลยตามที่ตนเห็นย่อมเป็นประจักษ์พยาน มิใช่พยานบอกเล่า
จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและไม่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์จำเลยได้แสดงโดยเปิดเผยต่อลูกจ้างเพื่อนและลูกจ้างของโจทก์ให้เห็นความสัมพันธ์ที่โจทก์จำเลยมีต่อกันฉันชู้สาว โจทก์ได้เล่าให้มารดาและเพื่อนๆ ฟังถึงการได้เสียและความสัมพันธ์กับจำเลยทั้งก่อนและหลังตั้งครรภ์และคลอดบุตรอันแสดงว่าไม่ใช่เป็นการอยู่ด้วยกันอย่างลักลอบปกปิด กรณีต้องด้วยมาตรา 1529(4) ที่โจทก์จะฟ้องขอให้รับรองบุตรได้ไม่จำเป็นต้องมีพฤติการณ์ถึงขนาดอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาจริงๆ แต่มิได้จดทะเบียนเท่านั้น
จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและไม่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์จำเลยได้แสดงโดยเปิดเผยต่อลูกจ้างเพื่อนและลูกจ้างของโจทก์ให้เห็นความสัมพันธ์ที่โจทก์จำเลยมีต่อกันฉันชู้สาว โจทก์ได้เล่าให้มารดาและเพื่อนๆ ฟังถึงการได้เสียและความสัมพันธ์กับจำเลยทั้งก่อนและหลังตั้งครรภ์และคลอดบุตรอันแสดงว่าไม่ใช่เป็นการอยู่ด้วยกันอย่างลักลอบปกปิด กรณีต้องด้วยมาตรา 1529(4) ที่โจทก์จะฟ้องขอให้รับรองบุตรได้ไม่จำเป็นต้องมีพฤติการณ์ถึงขนาดอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาจริงๆ แต่มิได้จดทะเบียนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักล้างเอกสารสัญญากู้ด้วยพยานบุคคล และการไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมจากความสัมพันธ์ที่ไม่จดทะเบียนสมรส
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าเพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ในสัญญาเฉยๆ และกู้เงินเพียง 200บาท แต่โจทก์ไปกรอกจำนวนเงินเป็น 9,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ดังนี้ ย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และไม่จำต้องมีพยานเอกสารมาสืบหักล้าง
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุง และเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับสามี
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุง และเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับสามี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 93/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันโกงเจ้าหนี้ต้องอาศัยความสัมพันธ์เจ้าหนี้-ลูกหนี้ที่พิสูจน์ได้ หากไม่มีความสัมพันธ์ดังกล่าว การกระทำจึงไม่เป็นความผิด
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินจาก ห. จำเลยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างนั้น ห.โอนทรัพย์ให้ ก. โจกท์จึงฟ้อง ห.กับก. เป็นคดีอาญา ว่าสมคบกันโกงเจ้าหนี้ ครั้นเมื่อคดีอาญานี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฎว่าคดีแพ่งนั้นถึงที่สุดแล้วโดยศาลพิพากษาว่าโจทก์กับห.จำเลยมิได้เป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ต่อกัน ดังนี้ ก็ไม่อาจมีการกระทำความผิดตามมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายอาญาดังที่โจทก์อ้างมาได้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องคดีอาญาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์โดยใช้อุบายหลอกลวงกับบุคคลใกล้ชิด: ความแตกต่างระหว่างลักทรัพย์กับฉ้อโกง
จำเลยได้เสียกับบุตรสาวของผู้เสียหายแล้วพากันมาอยู่บ้านผู้เสียหายได้ 7-8 วัน จำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะไปซื้อข้าวสารมาเก็บไว้กินในฤดูทำนา รุ่งขึ้นจำเลยเอาโคของผู้เสียหายเทียมเกวียนจะไปซื้อข้าวสาร ภริยาผู้เสียหายไปกับจำเลยด้วย เมื่อถึงที่หมายจำเลยปลดโคจากเกวียนแล้วก็แยกไป ต่อมาไม่นานจำเลยกลับมาถามภริยาผู้เสียหายว่า วัวกินน้ำหรือยังประเดี๋ยวข้าวสารจะมาแล้ว ภริยาผู้เสียหายว่ายัง จำเลยจึงนำโคไปอ้างว่าจะนำไปให้กินน้ำ แล้วก็นำโคไปขายเสียพร้อมทั้งมอบตั๋วพิมพ์รูปพรรณโคให้ผู้ซื้อไปด้วย ดังนี้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อให้เห็นความทุจริตของจำเลยตั้งแต่ลอบเอาตั๋วพิมพ์รูปพรรณไปแล้ว เมื่อพิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายฉันลูกเขยพ่อตาแม่ยายจำเลยจะเอาโคไปใช้ได้ตามพลการของจำเลยโดยการวิสาสะ หาจำต้องขอรับอนุญาตหรือรับความยินยอมดังเช่นบุคคลอื่นไม่ การที่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายและภริยานั้น มิใช่เพื่อให้ผู้เสียหายและภริยายอมส่งมอบโคให้จำเลย หากเป็นแต่เพียงอุบายในการที่จำเลยจะพาโคไปได้แนบเนียนขึ้นเท่านั้น การที่จำเลยเอาโคไปหาใช่ผลโดยตรงจากการหลอกลวงไม่ จำเลยจึงมีผิดฐานลักทรัพย์ หาผิดฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์พี่น้องเป็นผัวเมีย, การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย, และผลกระทบต่อการฟ้องร้องเรียกทรัพย์
พี่น้องร่วมบิดามารดาได้เสียเป็นผัวเมียกัน เมื่อพ.ศ.2477 นั้น ตามกฎหมายลักษณะผัวเมียจะต้องถูกลงโทษลอยแพ ฉะนั้น พี่น้องดังกล่าวจึงมิใช่ผัวเมียที่ชอบด้วยกฎหมายแม้ต่อมา พ.ศ.2483 จะมีบุตรด้วยกันก็เป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา เว้นแต่บิดาจะจดทะเบียนหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องบิดาเรียกทรัพย์ที่ยืมไปคืนได้ไม่เป็นอุทลุม
แม้ชายอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และหญิงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์จะจดทะเบียนสมรสกัน โดยมิได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อำนาจบิดามารดาหรือผู้ปกครองร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการสมรสเสียได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอนชายหญิงนั้นก็ย่อมบรรลุนิติภาวะแล้ว
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องบิดาเรียกทรัพย์ที่ยืมไปคืนได้ไม่เป็นอุทลุม
แม้ชายอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และหญิงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์จะจดทะเบียนสมรสกัน โดยมิได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อำนาจบิดามารดาหรือผู้ปกครองร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการสมรสเสียได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอนชายหญิงนั้นก็ย่อมบรรลุนิติภาวะแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนทางกฎหมาย: ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการและผู้บังคับบัญชา ไม่ถือเป็นตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 รับราชการอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้กำกับแขวงการทางและมีหน้าที่รับเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับราชการแขวงการทางด้วยจำเลยที่ 1 เบิกเงินจากจำเลยที่ 2 ไป เพื่อชำระค่าสิ่งของที่จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อจากโจทก์มาใช้ในราชการแขวงการทางซึ่งอยู่ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 ยักยอกเงินเสียดังนี้ ถึงแม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 ก็เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบราชการ จำเลยที่ 1 หาใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไม่จะนำกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทนมาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ข้าราชการกับหน่วยงานรัฐเป็นไปตามกฎหมายปกครอง ไม่ใช่สัญญาจ้าง การละเมิดจึงมีอายุความ 1 ปี
ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการกับกระทรวงทบวงกรมนั้นมีขึ้นโดยกฎหมายฝ่ายปกครอง เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นต้น หาได้เกิดขึ้นและเป็นไปเพราะผลของนิติกรรมสัญญา เช่น จ้างแรงงาน ไม่(นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 123/2504)
การที่ข้าราชการประมาทเลินเล่อทำให้กระทรวงทบวงกรมเสียหายจึงเป็นเรื่องละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา420 มิใช่เรื่องให้ตัวแทนรับผิดตามมาตรา 812 ฉะนั้นอายุความจึงมี 1 ปี นับแต่ทราบถึงการละเมิดตามมาตรา448 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่กล่าวข้างต้น
การที่ข้าราชการประมาทเลินเล่อทำให้กระทรวงทบวงกรมเสียหายจึงเป็นเรื่องละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา420 มิใช่เรื่องให้ตัวแทนรับผิดตามมาตรา 812 ฉะนั้นอายุความจึงมี 1 ปี นับแต่ทราบถึงการละเมิดตามมาตรา448 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่กล่าวข้างต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุในความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา
สามีจะทำร้ายภรรยาด้วยไม้หลักแจว ภรรยาหนีเข้าห้องเรือนไป สามีก็ติดตามเข้าไปทำร้ายภรรยาให้ได้ ภรรยาจึงใช้ปืนยิง 1 นัด ถูกสามีถึงแก่ความตาย เช่นนี้เป็นการป้องกันตัว แต่เกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานลักทรัพย์ของคู่ความสัมพันธ์ที่ไม่จดทะเบียนสมรส และการยกฎีกาที่คัดค้านข้อเท็จจริง
คำว่า "สามีภรรยา" ตาม กฎหมายอาญา มาตรา 54 กฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าพฤติการณ์เช่นไร กฎหมายอาญายอมรับนับถือว่าเป็นสามีภรรยากัน ฉะนั้นโดยปกติต้องอาศัย ป.พ.พ.ที่ใช้อยู่ในขณะทำผิดเป็นหลักกล่าวคือต้องได้มีการจดทะเบียนสมรสแล้ว
ชายหญิงที่ได้เสียกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสแล้วภายหลังฝ่ายหนึ่งเอาทรัพย์ของอีกฝ่ายหนึ่งไป ดังนี้ต้องอาศัยเจตนาเป็นหลักว่ามีเถยจิตลักทรัพย์หรือไม่
เมื่อจำเลยไม่ใช่สามีตาม มาตรา 54 และในเรื่องเจตนานี้ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่าจำเลยเจตนาลักทรัพย์แล้ว ฎีกาของจำเลยในเรื่องว่าไม่มีความผิดตาม มาตรา 54 ในข้อนี้จึงเป็นฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ชายหญิงที่ได้เสียกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสแล้วภายหลังฝ่ายหนึ่งเอาทรัพย์ของอีกฝ่ายหนึ่งไป ดังนี้ต้องอาศัยเจตนาเป็นหลักว่ามีเถยจิตลักทรัพย์หรือไม่
เมื่อจำเลยไม่ใช่สามีตาม มาตรา 54 และในเรื่องเจตนานี้ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่าจำเลยเจตนาลักทรัพย์แล้ว ฎีกาของจำเลยในเรื่องว่าไม่มีความผิดตาม มาตรา 54 ในข้อนี้จึงเป็นฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยพยาบาทจากความสัมพันธ์ชู้สาว ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การที่ใช้มีดถางกอหญ้าฟันเขาถึง 3 แผล ๆ ที่คอเป็นแผลฉกรรจ์และถึงแก่ความตายในขณะนั้น อันมีสาเหตุเพราะจำเลยเป็นชู้กับเมียผู้ตายและอยากจะอยู่ด้วยกัน การที่จำเลยขุดินร่วมครึ่งชั่วโมงลอดตัวเข้าไปฆ่าผู้ตายซึ่งนอนอยู่ในโรงไม้ได้สมประสงค์เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยกระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตาม ม.250
การลดโทษประหารชีวิตตาม ม.59,37 นั้นต้องควบกัน ม.37 เป็นหลักเกณฑ์การลดโทษว่ามากน้อยเพียงไร ม.59 เป็นดุลยพินิจในการลดโทษให้.
การลดโทษประหารชีวิตตาม ม.59,37 นั้นต้องควบกัน ม.37 เป็นหลักเกณฑ์การลดโทษว่ามากน้อยเพียงไร ม.59 เป็นดุลยพินิจในการลดโทษให้.