คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำขอ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 277 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาท: ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่ดินเป็นที่ราชพัสดุคนละแปลงกับที่ดินโจทก์ ไม่เกินคำขอ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า โจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท การที่จำเลยนำสืบว่าที่พิพาทเป็นที่ดินราชพัสดุก็เพื่อแสดงว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครอง สิทธิครอบครองเป็นของจำเลยจำเลยชอบที่จะนำสืบได้ ไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็นหรือนอกคำให้การ จำเลยอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโจทก์ เมื่อปรากฏว่าที่พิพาทไม่ใช่ที่ดินโจทก์ ศาลชั้นต้นยังพิพากษาขับไล่จำเลย จึงเป็นการเกินคำขอของโจทก์ ในการพิจารณาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอของโจทก์หรือไม่ศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์หรือไม่ หากที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์คำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ไม่เกินคำขอ หากอยู่ในที่ดินแปลงอื่นของบุคคลอื่นคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็เกินคำขอ ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทเป็นที่ราชพัสดุคนละแปลงกับที่ดินโจทก์เพื่อที่จะได้วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ ก็อยู่ในขอบเขตที่จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่ได้พิพากษาเกินอุทธรณ์แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอเครื่องหมายการค้า ไม่ต้องคืน แม้จะถูกเพิกถอน
โจทก์ยื่นคำขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าและคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้ว พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมการที่นายทะเบียนไม่ต่ออายุและจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความให้ตามคำขอดังกล่าวเพราะได้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอเงินค่าธรรมเนียมที่ชำระไปคืนจากจำเลย เพราะตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2521) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ข้อ (9) และ (12) ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมในการที่ยื่นคำขอ ทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องคืนแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมคำขอเครื่องหมายการค้า ไม่คืน แม้ไม่อนุมัติ เหตุเป็นค่าบริการยื่นคำขอ ไม่ใช่ค่าจดทะเบียน
โจทก์ยื่นคำขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าและคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้ว พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียม การที่นายทะเบียนไม่ต่ออายุและจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความให้ตามคำขอดังกล่าวเพราะได้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอเงินค่าธรรมเนียมที่ชำระไปคืนจากจำเลย เพราะตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 6(พ.ศ. 2521) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ข้อ (9) และ (12)ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมในการที่ยื่นคำขอ ทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องคืนแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมคำขอเครื่องหมายการค้า: ไม่คืนได้แม้เพิกถอนทะเบียน
โจทก์ยื่นคำขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าและคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้ว พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมการที่นายทะเบียนไม่ต่ออายุและจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความให้ตามคำขอดังกล่าวเพราะได้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอเงินค่าธรรมเนียมที่ชำระไปคืนจากจำเลย เพราะตามกฎกระทรวงฉบับที่ 6(พ.ศ. 2521) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ข้อ (9) และ (12) ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมในการที่ยื่นคำขอ ทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องคืนแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5977/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษฐานสนับสนุนความผิด แม้โจทก์มิได้ขอในฟ้อง หากข้อเท็จจริงสนับสนุน
โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดกับผู้อื่นแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนแม้โจทก์จะมิได้บรรยายมาในฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยในฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดได้ ไม่ถือว่าเกินคำขอเพราะการสนับสนุนการกระทำความผิดมีโทษเบากว่าการกระทำความผิดของตัวการตามที่โจทก์ฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดขอบเขตคำขอศาลไม่อาจลงโทษฐานอื่นนอกเหนือจากที่ฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงสอดคล้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จะบัญญัติให้ถือว่าเป็นการแตกต่างในรายละเอียดก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ต้องห้ามตาม มาตรา 192 วรรคแรก คงลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4539/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกและขอบเขตคำขอ ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอหรือไม่
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินเฉพาะส่วนของตน การที่ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทออกเป็น 18 ส่วน โดยคำนวณจากจำนวนทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกทั้งหมดเพื่อกำหนดส่วนแบ่งของโจทก์ตามฟ้อง มิได้พิพากษาให้จำเลยโอนหรือแบ่งทรัพย์พิพาทให้ทายาทอื่นด้วย ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์: ศาลวินิจฉัยตามคำขอเดิม ไม่เกินคำขอ แม้จะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ การที่จะฟังว่าจำเลยกระทำความผิดฐานบุกรุกตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่นั้นจะต้องได้ความว่าที่พิพาทเป็นที่ดินของโจทก์ จำเลยจึงจะมีความผิดฐานบุกรุก หากที่พิพาทเป็นทางสาธารณะการกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ เป็นการวินิจฉัยตามข้อหาและคำขอท้ายฟ้องโจทก์ มิได้เกินคำขอ กรณีไม่เป็นการฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ดังนั้นอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางที่ประชาชนใช้ร่วมกันเกิน 10 ปี เป็นทางสาธารณะเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34 ซึ่งห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้วัดในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นของวัดและที่ธรณีสงฆ์นั้น เท่ากับโจทก์อุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงว่าทางพิพาทมิใช่ทางสาธารณะแต่เป็นที่ดินของโจทก์ แม้โจทก์จะอ้างข้อกฎหมายขึ้นปรับกับข้อเท็จจริงที่โต้เถียงดังกล่าว ก็ยังคงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 22

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน: ศาลวินิจฉัยถูกต้องแล้วเมื่อพิจารณาว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ ไม่เกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ การที่จะฟังว่าจำเลยกระทำความผิดฐานบุกรุกตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่นั้นจะต้องได้ความว่าที่พิพาทเป็นที่ดินของโจทก์จำเลยจึงจะมีความผิดฐานบุกรุก หากที่พิพาทเป็นทางสาธารณะการกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ เป็นการวินิจฉัยตามข้อหาและคำขอท้ายฟ้องโจทก์ มิได้เกินคำขอ กรณีไม่เป็นการฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ดังนั้นอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางที่ประชาชนใช้ร่วมกันเกิน 10 ปี เป็นทางสาธารณะเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34 ซึ่งห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้วัดในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นของวัดและที่ธรณีสงฆ์นั้น เท่ากับโจทก์อุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงว่าทางพิพาทมิใช่ทางสาธารณะแต่เป็นที่ดินของโจทก์ แม้โจทก์จะอ้างข้อกฎหมายขึ้นปรับกับข้อเท็จจริงที่โต้เถียงดังกล่าว ก็ยังคงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 22.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518-3522/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการหักวันต้องขังก่อนพิพากษา ไม่จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
การที่ศาลจะสั่งหักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 วรรคแรก และมิใช่กรณีที่หากโจทก์ไม่มีคำขอขึ้นมา ศาลจะวินิจฉัยให้ไม่ได้
of 28